“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แผลงศรผงาดครองแชมป์ลีกฟุตบอลอังกฤษ สมัยที่ 20 อย่างยิ่งใหญ่ ฉลองชัยกันกระหึ่มเมือง ฉาบทุกเฉดเป็นสีแดง

แม้ว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสร ที่หลายคนหวั่นใจว่า เมื่อ เยอร์เก้น  คล็อปป์ จากไป

ว่าคนเก่าไปคนใหม่มาแล้วมันจะไหวเหรอ

อีกทั้งปีแห่งการไม่ลงทุนนักบอลเหมือนเดิม บวกกับคาราคาซังเรื่องสัญญานักเตะตัวหลัก อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสุดท้ายมาทันเวลาพอดิบพอดี

โม ซาลาห์ กับ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค อยู่ต่อ ส่วน เทรนท์ ต้องไป

เป็นปีที่ โม ซาลาห์ อาจจะไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนเมื่อก่อน อาจจะดูเหมือนไม่คล่องแคล่วว่องไวเหมือนเก่า แต่กลับเล่นได้สะเด่ามาก

การออกสตาร์ทน่าสนใจ 3 นัดชนะรวด ไม่เสียประตู แถมยังบุกพิชิต “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงที่ 3-0

แถมยังรู้ตัวเร็ว และไหวตัวทัน เมื่อแพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ คาบ้าน 0-1 ตั้งแต่นัดที่ 4

ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด!!!!

อาร์เน่อ ชล็อต พลิกโฉมจากทีมที่เล่นในสไตล์ “เฮฟวี่เมททัล” ยุคคล็อปป์ มาเป็น “บัลลาร์ด ร็อก”ทำทีมกลับมาท็อปฟอร์มกับ เชลซี

เมื่อ อาร์เซนอล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้พร้อมกัน หล่นจากยอด ทำให้ ‘ชล็อต‘ ที่เหมือนขายวิญญาณให้ปีศาจ พาทีมผ่านพ้นคู่แข่งแต่ละทีม ไกลขึ้นไกฃขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถคว้าแชมป์ได้ตั้งแต่เหลือเวลาอีกเป็นเดือน

อาร์เซนอล ผลัดกันเจ็บวุ่นวาย ขณะที่ แมนฯซิตี้ เสีย โรดี้ กับ จอห์น สโตนส์ เห็นผลทันใจ

แต่จะอ้างเจ็บอย่างเดียวก็ไม่ได้เพราะ ลิเวอร์พูล ก็มีอาการบาดเจ็บเช่นเดียวกัน มันเป็นเรื่องของวิธีการ และวิธีทำต่างหาก ที่ปีนี้ต่างกันสิ้นเชิง

มิเกล อาร์เตต้า เครียดเกินไป และกดดันตัวเองแบบบางทีก็ไม่ควรคิดไกลไปขนาดนั้น

ขณะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เจอปัญหารุมเร้าทั้งในและนอกสนาม เล่นงานจนอ่วมอรทัย

โมเมนตัมต่าง ๆ มันเทมาที่ ลิเวอร์พูล และพวกเขาใช้โอกาสที่ได้มาแบบ “ไม่เปลือง”

ขณะที่คู่ที่ควรจะชิงแชมป์ทั้งเรือทั้งปืน กลับทำ “ไม่เป็น”

จะบอกว่า ลิเวอร์พูล โชคดี เพราะทีมอื่นฟอร์มกันหมด ก็คงจะใจแคบเกินไป แต่ทีมของ ชล็อต ได้ดีไซน์ จัดระเบียบ และออกแบบมาเป็นแบบนี้

กระทั่งการเล่นที่ต่อเนื่องมั่นคงจนเล่นได้มั่นใจ การเตะบอลลีกประดุจ วิ่งมาราธอน

ดูจากอันดับอื่นๆเป็นตัวอย่างที่ผ่านมาไม่เคยมีทีมไหนได้คะแนน 60+  มากมายขนาดนี้มาก่อน

นั่นหมายความว่า ลีกนี้ได้ถูกยกระดับเป็นที่เรียบร้อย และเรียบร้อยนานแล้วด้วยซ้ำ จะบอกว่า ลีกอ่อนนั้นคือเป็นเรื่องสติปัญญา และการยอมรับมากกว่า

เพียงแต่ว่ามันอยู่ในใจของคนแบบไหน  ที่จะวิพากษ์วิจารณ์มาแบบนั้น

ถึงวันนี้ ทุกอย่างประจักษ์ เพราะภาพที่ เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค พาทีมยกถ้วยแชมป์

มันตอบทุกอย่างไปหมดแล้ว

จริงครับ…ลิเวอร์พูล ทีมนี้ไม่ได้เก่งกาจกว่าหลายทีมที่เคยเป็นแชมป์ แต่ปีนี้เก่งกว่าทุกทีมที่แข่งด้วย(ถ้าไม่เข้าใจไปเปิดตารางคะแนน)

สำคัญนั่นคือ คุณสมบัติทีมนี้ก็คือ รู้จักว่าตนเองจะต้องทำอะไร

สำคัญชุบแป้งทอดก็คือ รู้จักตัวเอง และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เป็นลำดับแรก

เพื่อบรรลุถึงจุดประสงค์และเข้าให้ถึงเป้าหมาย

หากเปรียบเทียบเป็นพนักงานก็คือ ตั้งใจก้มหน้าก้มตาทำงานจนเสร็จงานดีงานเด่น

ส่วนคนอื่นที่เห็นก็ได้แต่จับกลุ่มนินทา  จนลืมพัฒนา และส่องกระจกดูสารรูปตัวเอง เอวังก็ด้วยประการฉะนี้

ลิเวอร์พูล คือแชมป์พรีเมียร์ลีกปีนี้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจริง ๆ

#บีแหลมสิงห์™️

บทสรุปพรีเมียร์ลีก2024-25

๐นัดสุดท้ายฤดูกาล

บอร์นมัธ 2-0 เลสเตอร์ ซิตี้

ฟูแล่ม 0-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้

อิปสวิช ทาวน์ 1-3 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

ลิเวอร์พูล 1-1 คริสตัล พาเลซ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 แอสตัน วิลล่า

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-1 เอฟเวอร์ตัน

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1 เชลซี

เซาธ์แฮมป์ตัน 1-2 อาร์เซน่อล

ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 1-4 ไบรท์ตัน

วูลฟ์แฮมป์ตัน 1-1 เบรนท์ฟอร์ด

๐ สรุปโควตาฟุตบอลยุโรป

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 6 ที่นั่ง

ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, แมนฯซิตี้, เชลซี, นิวคาสเซิ่ล และสเปอร์ส (แชมป์ยูโรป้า ลีก)

๐ ยูโรป้า ลีก 2 ที่นั่ง

แอสตัน วิลล่า (อันดับ 6) และคริสตัล พาเลซ (แชมป์เอฟเอ คัพ)

๐ ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก 1 ที่นั่ง

น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (อันดับ 7)

๐ 3 ทีมตกชั้น

เลสเตอร์ ซิตี้, อิปสวิช ทาวน์ และเซาธ์แฮมป์ตัน

๐ 3 ทีมเลื่อนชั้น

ลีดส์ ยูไนเต็ด, เบิร์นลีย์ และซันเดอร์แลนด์