รำข้าว (Rice Bran) คือ ส่วนของผิวหรือเยื่อหุ้มเนื้อเมล็ดข้าว เป็นส่วนที่ถูกขัดสีออกจากเมล็ดข้าว โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ รำหยาบ ได้จากการขัดผิวเมล็ดข้าวกล้อง และรำละเอียด ได้จากการขัดขาวและขัดมันมีกลิ่นหอม รสหวาน มัน อร่อย รับประทานง่าย นำไปผสมกับเครื่องดื่มได้ทุกชนิด หรือจะนำไปผสมข้าวต้ม โจ๊ก ข้าวผัด หรือข้าวสวย เนื่องจากมีสารอาหารและวิตามินอีที่ทำหน้าที่ต้านรังสี UV จากแสงแดด ช่วยเก็บน้ำไว้ใต้เซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวยืดหยุ่นเรียบเนียน ลดริ้วรอย ช่วยเพิ่มไขมันดีในกระแสเลือด เสริมสร้างการทำงานของระบบเลือดมีฮอร์โมนเมลาโทนิน ช่วยในการนอนหลับ และผ่อนคลายอุดมด้วยกรดไขมันดีที่จำเป็นต่อร่างกาย ทั้งกรด Omega-9,Omega-6 และ Omega-3
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ประสบผลสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดความดันและคอเลสเตอรอลจากสารสกัดรำข้าว โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นการใช้สารสกัดจากรำข้าวมาใช้ประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพ ป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ หลอดเลือดจากภาวะความดันสูง และช่วยลดไขมันไม่ดีในเลือด ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและถือเป็นนวัตกรรมใหม่ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดความดันและคอเลสเตอรอลจากสารสกัดรำข้าว เป็นผลสืบเนื่องจากศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร วว. ได้ศึกษาวิจัยสารสกัดเพปไทค์ไฮโดรโลเซทจากข้าว พบว่าเป็นสารสกัดในกลุ่มโปรตีนหรือเพบไทด์ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กและมีสาร g-aminobutyric acid (GABA) ซึ่งมีสรรพคุณในการยับยั้ง Angiotensin II ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคความดันโลหิตและลดไขมันชนิดเลวในเลือด
จากนั้นได้ทดสอบในสัตว์ทดลองพบว่า สามารถลดความดันโลหิตได้ ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดจากภาวะความดันสูงได้ และเมื่อนำมาใช้กับมนุษย์พบว่า เป็นสารสกัดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยในเรื่องลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดจากภาวะความดันสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงและได้ผลจริง
โดยกรรมวิธีการสกัดได้เลือกใช้วัตถุดิบที่มีความใหม่ภายหลังการสีข้าวแล้ว เพื่อให้ได้สารสกัดที่มีสารออกฤทธิ์ตามที่ต้องการในปริมาณที่สูง ซึ่งผลิตภัณฑ์จากข้าวส่วนใหญ่จะเน้นการใช้น้ำมันรำข้าวเป็นส่วนประกอบที่มีปริมาณของ linoleic acid และ oryzanol สูงและสารในกลุ่มของสารสี anthocyanin หรือสารในกลุ่ม Flavonoid แต่ผลิตภัณฑ์ที่ วว. พัฒนาจะเน้นสารสกัดในกลุ่มโปรตีนหรือเพปไทด์จากข้าวมาใช้ประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพ ป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง ลดความเสี่ยงโรคหัวใจหลอดเลือดจากภาวะความดันสูง ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่ โดย วว. ได้จดสิทธิบัตรขั้นตอนของกระบวนการสกัดสารออกฤทธิ์แล้ว และได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์นี้สู่การผลิตเชิงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว นับเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการนำรำข้าวไปใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ส่งเสริมให้กลุ่มธุรกิจเสริมอาหารใช้วัตถุดิบภายในประเทศ ซึ่งมีความหลากหลายและมีสรรพคุณไม่แพ้สารที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
ปัจจุบัน วว. ทำงานวิจัยอย่างครบวงจร นักวิจัยมีความเชี่ยวชาญ มีโครงสร้างพื้นฐาน มีความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ทำงานใกล้ชิดกับ SMEs มากขึ้น
มุ่งพัฒนาสินค้าที่มีมาตรฐานให้ผู้ประกอบการ ทั้งนี้ วว. เป็นที่ยอมรับในการทำงานวิจัยด้านสมุนไพรเป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้ยังมีห้องปฏิบัติการวิจัยที่ได้รับมาตรฐานสากล ทำให้สินค้าเกษตรมีมูลค่าเพิ่มด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผลักดันให้เกิดการใช้วัตถุดิบในการผลิตขึ้นภายในประเทศ โดยการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ให้ผลจริง มีข้อมูลด้านการวิจัยรองรับทั้งทางด้านสรรพคุณและความปลอดภัย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการนำรำข้าวไปใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้น ส่งเสริมให้กลุ่มธุรกิจเสริมอาหารใช้วัตถุดิบภายในประเทศ ซึ่งมีความหลากหลายและมีสรรพคุณไม่แพ้สารที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ อีกทั้งสารสกัดยังมีประสิทธิภาพสูงและสามารถนำไปใช้ได้กับทุกกลุ่มช่วงอายุ
วว. โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร พร้อมให้บริการวิจัยแก่ผู้ประกอบการทุกท่าน ติดต่อได้ที่ โทร.02-5779104 โทร.02-5779110 E-mail : innoherb_service@tistr.or.th LINE : //line.me/R/ti/p/%40plf0935k Facebook : //www.fb.com/innoherb.tistr หรือที่ “วว. JUMP” https://tistrservices.tistr.or.th/
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี