ก่อนจะมาเป็นดาราศาสตร์ และ โหราศาสตร์ (ตอน5)พื้นฐานสังคมของอียิปต์โบราณเป็นสังคมแบบเกษตรกรรม และ กสิกรรม ดังนั้น เศรษฐกิจของประเทศจึงขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการเพาะปลูก และ การเลี้ยงสัตว์เป็นสำคัญ
ในยุคนั้น ระบบเศรษฐกิจเป็นแบบที่เรียกว่า เศรษฐกิจพระราชวัง
คือพระราชาจะเรียกเก็บภาษีจากประชาชนโดยตรง ภาษีที่เก็บได้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน หรือ เครื่องอุปโภคบริโภคจะถูกนำมาเก็บไว้ในท้องพระคลัง เพื่อใช้จ่ายในการบริหารแผ่นดิน รวมทั้งในยามเมื่อประเทศเกิดความอดอยาก ก็จะเอาอาหารในท้องพระคลังมาแจกจ่ายแก่ประชาชน
ดังนั้น เกษตรกรรม และ กสิกรรมจึงมีความสำคัญต่อสังคมอียิปต์โบราณอย่างมาก
ในวิหารของฟาโรห์รามเซส ที่ 3 ซึ่งสร้างเมื่อประมาณ 1160 ปีก่อนคริสตกาล หรือ เมื่อประมาณ3160 ปีที่แล้ว ปรากฏภาพเขียนบนฝาผนังซึ่งยืนยันความจริงข้อนี้ได้อย่างดีทีเดียว
(ภาพสลักฟาโรห์รามเซส ที่ 3 กำลังทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ เพื่อถวายแด่เทพฮาปี)
เป็นภาพที่แสดงให้เห็นภาพฟาโรห์ รามเซส ที่ 3 สวมมงกุฎขาวแห่งอียิปต์บน มือซ้ายกำลังจับคันไถที่เทียมด้วยโค 2 ตัว มือขวาก็กำลังเงื้อแส้เหมือนกำลังจะเฆี่ยนลงไปที่โคทั้งสอง
สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นประเพณีที่ประกาศว่า เป็นการเริ่มฤดูการเพาะปลูกที่เกิดขึ้นหลังจากฤดูน้ำท่วมผ่านไป อาจจะเป็นเทศกาล หรือ การเฉลิมฉลอง ที่ฟาโรห์จะต้องเป็นผู้นำประชาชนในการเพาะปลูกในครั้งนี้
(ฟาโรห์ลงมือไถนาเอง น่าจะเป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งของฤดูเพาะปลูก)
ซึ่งก็คงจะคล้ายกับพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ของไทย
ถัดไปอีกภาพก็จะเป็นภาพของฟาโรห์กำลังเกี่ยวข้าว และถัดไปก็จะเป็นภาพฟาโรห์กำลังถวาย หรือ รายงานสิ่งต่างๆที่ได้ทำมาให้แก่เทพฮาปี(HAPI) ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
เทพฮาปี เป็นเทพเจ้าแห่งแม่น้ำไนล์ เป็นเทพแห่งความอุดมพันธ์ เป็นเทพที่ทำให้เกิดความเจริญพันธ์ ด้วยเหตุนี้ เทพฮาปี จึงเป็นเทพกะเทย หรือ เทพที่มีสองเพศในร่างเดียวกัน จึงสามารถให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเพศตรงข้าม
(ฟาโรห์รามเซส ที่ 3 กำลังถวายรายงานต่อเทพฮาปี ซึ่งเป็นเทพแห่งความอุดมพันธ์)
และด้วยเหตุผลที่ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายของอนาคตของฟาโรห์ และของแผ่นดิน ฟาโรห์จึงต้องพึ่งพานักบวช ให้ช่วยภาวนาและสวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้าให้ดลบันดาลสิ่งดีๆให้แก่แผ่นดิน
นักบวชนอกจากจะต้องทำหน้าที่สวดมนต์อ้อนวอนแล้ว ยังจะต้องทำหน้าที่เสมือนหนึ่งผู้หยั่งรู้อนาคต ว่าจะดีหรือร้ายอย่างไร
อนาคตจะดีหรือร้ายอย่างไร ขึ้นอยู่กับระดับน้ำท่วมของแม่น้ำไนล์นั่นเอง
แต่นักบวชไม่ได้ออกไปจากวิหารของตัวเองเอง ทำอย่างไรเขาจึงจะสามารถรับรู้ว่า ในปีนั้นๆ ระดับน้ำของแม่น้ำไนล์สูงต่ำมากน้อยอย่างไร
นักบวชเหล่านี้ จึงต้องสร้างเครื่องมือเพื่อวัดระดับของแม่น้ำไนล์ ที่เรียกว่า NILOMETER ด้วยการขุดบ่อน้ำ หรือ สระน้ำภายในวิหาร แล้ววางท่อน้ำจากบ่อหรือสระน้ำไปยังแม่น้ำไนล์
เมื่อน้ำในแม่น้ำไนล์ สูงขึ้นหรือลดลง น้ำในสระน้ำหรือบ่อน้ำก็จะขึ้นหรือลดลงตามด้วย
(เครื่องวัดระดับแม่น้ำไนล์ บางแห่งอาจจะทำอย่างสวยงามแบบนี้ –ภาพจากวิกิพีเดีย)
เหตุนี้เอง นักบวชนอกจากจะสามารถทำนายว่า ฤดูน้ำท่วมกำลังจะมาถึงเมื่อใดแล้ว ด้วยการสังเกตจากหมู่ดาวซิริอุส เขายังสามารถบอกได้อีกว่า ปีนี้น้ำจะดี หรือ แย่ขนาดไหน ซึ่งจะทำให้ผลผลิตในปีนั้นดี หรือ แย่ตามไปด้วย
นักบวชของอียิปต์โบราณจึงมีสถานะเหมือนผู้กำความลับของจักรวาล ความลับของดวงดาวบนท้องฟ้า และ ดวงดาวในโหราศาสตร์ไปด้วยในตัว จนทำให้นักบวชมีสถานะ และ มีอำนาจในสังคมสูงขึ้นด้วย จนทำให้ในบางยุคสมัยที่ฟาโรห์อ่อนแอมากๆ นักบวชเหล่านี้ก็จะฉวยโอกาสยึดอำนาจราชบัลลังก์ไปเลย
ท่านผู้อ่านที่สนใจจะเดินทางเจาะลึกอียิปต์กับผม และ ไวท์ เอเลแฟนท์ ทราเวล เอเยนซี่ ซึ่งออกเดินทางเป็นซีรี่ส์ทัวร์ทุกเดือน ใกล้ที่สุดคือ 1 – 10 มีนาคม และ 10 – 19 เมษายน ติดต่อ 02 651 6900 หรือ 088 578 6666 หรือ ID Line 140924978
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี