เมื่ออำนาจรัฐของรัฐไทยกลับไปอยู่ในอุ้งมือของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ก็ทำให้คอการเมืองไทยทุกคนต้องถามกันเองว่า แล้วนักโทษชายทักษิณจะพ้นมลทินทั้งปวงในวันไหน เพราะถึงแม้ว่าในทุกวันนี้นักโทษชายทักษิณจะมีสถานภาพเป็นนักโทษที่ได้รับการผ่อนผันโทษ แต่ก็ยังแสดงอิทธิฤทธิ์การเมืองได้อย่างมหัศจรรย์ จนทำให้สาธารณชนเห็นชัดว่านักโทษชายทักษิณมีอำนาจรัฐมากเกินกว่านายกรัฐมนตรีหุ่นกระบอกที่ชื่อเศรษฐา ทวีสิน
การปรับเปลี่ยนตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุด คือเครื่องบ่งบอกที่สำคัญว่าอำนาจรัฐในกำมือของนักโทษชายทักษิณยังเข้มข้นมากเพียงใด เพราะก่อนที่จะประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ออกมา สาธารณชนก็พบเห็นชัดเจนแล้วว่า นักการเมืองในสังกัดพรรคเพื่อไทยจำนวนมากมายต่างไหลไปพบนักโทษชายทักษิณที่บ้านของผู้มีอำนาจรัฐเหนือพรรคเพื่อไทยที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่หากจะมองลึกไปกว่านั้น ก็จะพบว่ามีนักการเมืองต่างพรรค แต่เคยเป็นลูกพรรคเก่าของเพื่อไทยก็ยังอุตส่าห์ไหลไปพบนักโทษชายทักษิณที่เชียงใหม่ด้วย ที่เห็นชัดๆ ก็คือ ธรรมนัส พรหมเผ่า คนที่คอการเมืองรู้ดีว่าเป็นคนสนิทมากที่สุดคนหนึ่งของป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรณ เจ้าของพรรคพลังประชารัฐ
เมื่อนักการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการเป็นรัฐมนตรีต่างพากันไหลไปพบนักโทษชายทักษิณ แต่ไม่มีสักกี่คนที่ไปหาเศรษฐา นั่นก็แสดงว่าคนของเพื่อไทยรู้ดีว่าอำนาจของจริงอยู่ที่ไหน เพราะนักการเมืองเพื่อไทยและคอการเมืองไทยต่างรู้ดีว่าการมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเศรษฐานั้น เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น เพราะคนมีอำนาจการเมืองตัวจริงไม่ใช่เศรษฐาอย่างแน่นอน แม้จะมีหัวโขนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประดับกายก็ตาม แต่หาได้ทำให้มีอำนาจรัฐอย่างจริงจังขึ้นมาได้
มีเพียงสิ่งเดียวที่คอการเมืองไทยยังไม่ได้ยินนักโทษชายทักษิณพูดชัดๆ ดังๆ ให้สาธารณชนได้ยินแบบชัดเจนก็คือเรื่องการหว่านแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต โดยพรรคเพื่อไทย แม้หลายคนจะรู้ดีพอๆ กันว่าแนวคิดหว่านเงินให้ประชาชนหัวละหนึ่งหมื่นบาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต ต้องมาจากหัวคิดของนักโทษชายเจ้าของพรรคเพื่อไทยก็ตาม เหตุที่นักโทษชายยังไม่กล้าพูดเรื่องนี้ดังๆ ก็เพราะเกรงว่าจะถูกกฎหมายเล่นงานโทษฐานมีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทย จึงสามารถบงการให้พรรคเพื่อไทยต้องทำตามความคิดของนักโทษชาย
เพราะฉะนั้น ทุกวันนี้ก็จึงเห็นเพียงแค่เศรษฐา และคณะเพื่อไทยบางรายออกมาพูดลอยๆ เรื่องแจกเงินหัวละหนึ่งหมื่นบาท ซึ่งก็พูดมาตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง สส. เมื่อกลางปี 2566 แล้ว แต่ครั้นเมื่อมีอำนาจรัฐในฐานะนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ยังไม่สามารถหว่านแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ได้แต่ปากก็ยังคงพล่ามว่าประชาชนต้องได้เงินดิจิทัล วอลเล็ตแน่นอน แต่ทุกครั้งที่อ้างว่าได้แน่นอน ก็พบว่ายังไม่สามารถแจกเงินได้ แล้วก็คาดว่าไม่น่าจะแจกได้ เพราะรัฐบาลไม่มีเงินหว่านแจก แม้จะเล่นเกมการเมืองด้วยการไปดึงดูดเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรมาประมาณ 1.7 แสนล้านบาทก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะได้เงินมาโดยง่าย
ขอบอกตรงๆ ว่าเรื่องแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วยังมีปัญหาอีกคือเรื่อง super apps ที่จะใช้เพื่อหว่านแจกเงิน ก็ยังเป็นระบบที่ไม่มีความน่าไว้ใจ เพราะยังไม่รู้ว่าเมื่อใช้แล้วจะเกิดปัญหาโกลาหลอะไรตามมาบ้าง เมื่อมีคำถามเรื่องที่น่าจะวุ่นวายของ super apps ก็ทำให้เศรษฐาถึงกับออกอาการเหวอโดยพลันเพราะยังไม่เคยเห็นการทำงานจริงๆ ของ super apps มาก่อน เพราะฉะนั้น นายกรัฐมนตรี salesman ก็จึงเกิดอาการยึกๆ ยักๆ กับเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต เรื่อยมาจนถึงบัดนี้
กลับไปพูดเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี โดยการกำกับดูแลของนักโทษชายทักษิณอีกครั้ง สาธารณชนและคอข่าวการเมืองไทยเชื่อตรงกันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งหน้านี้ นักโทษชายทักษิณต้องส่งคนที่ตนเองเห็นว่าจะช่วยกระตุ้นความนิยมทางการเมืองให้กับเพื่อไทยได้อย่างเป็นรูปธรรมเข้าไปกินตำแหน่งอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมิฉะนั้นแล้ว คะแนนการเลือกตั้ง สส. ครั้งหน้าที่จะมาถึง รับรองว่าเพื่อไทยจะยิ่งแพ้ก้าวไกลแบบถล่มทลาย ไม่ว่าพรรคก้าวไกลจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อใหม่ว่าพรรคอะไรก็ตาม หากพรรคก้าวไกลถูกยุบ แต่ที่แน่นอนยิ่งกว่าคือ คอการเมืองกำลังจับตามองว่านักโทษชายทักษิณดึงเอายิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้กลับประเทศไทยแบบเท่ๆ เหมือนที่นักโทษชายทักษิณทำมาแล้วได้หรือไม่ รอดูแล้วกันว่าในเดือนตุลาคมนี้ ยิ่งลักษณ์จะได้กลับไทยแบบเท่ๆ เหมือนนักโทษชายผู้เป็นพี่ชายได้หรือเปล่า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี