ตลอดระยะเวลากว่า 92 ปี หลังการปฏิวัติสยาม ประชาชนคนไทยทุกหัวระแหง สังคมไทยทั้งมวลเฝ้ารอความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียม อารยประเทศ ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ภายใต้รัฐธรรมนูญ ตามความเชื่อจากการโฆษณาปลุกเร้าสร้างวาทกรรมของคณะราษฎรและนักเรียนนอกโดยเฉพาะนักเรียนฝรั่งเศส
แต่จนแล้วจนเล่าประชาชนและสังคมไทยกลับพบกับการล้มลุกคลุกคลานของภาพเพ้อฝันที่นักการทหารและพลเรือนภายใต้กลุ่ม “คณะราษฎร” จินตนาการวาดหวังให้ประชาชนและสังคมไทยเชื่อ
เชื่อข้อเท็จจริงที่นักการเมืองผลัดเปลี่ยนเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะเป็นรัฐบาลทหารฤๅรัฐบาลพลเรือนก็ตามที
ความเชื่อว่าเศรษฐกิจประเทศจะเจริญพัฒนาสถาพรอย่างนานาอารยประเทศจากเค้าโครงสมุดปกเหลืองที่ “หลวงประดิษฐ์มนูธรรม-ปรีดี พนมยงค์...ดุษฎีบัณฑิตทางกฎหมายจากฝรั่งเศส” หนึ่งในผู้ก่อตั้ง“ขบวนการเสรีไทยในประเทศ”ติดต่อประสานงานกับขบวนการเสรีไทยภายนอกประเทศ ภายใต้การนำของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
กระทั่งสงครามมหาเอเชียบูรพาสิ้นสุดลงนายปรีดีเป็นผู้ดำเนินการประกาศว่า การที่รัฐบาลไทยประกาศสงครามกับอเมริกาและอังกฤษเป็นโมฆะราชอาณาจักรไทยหลุดสถานะ “ผู้แพ้สงคราม” ที่รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม(แปลก ขีตตะสังคะ) ผู้นำคณะราษฎรคนสุดท้ายที่ลี้ภัยออกนอกประเทศ, นายกรัฐมนตรีขณะนั้นประกาศเข้าร่วมกับกองทัพจักรพรรดินิยมทำสงครามมหาเอเชียบูรพา ต่อมานายปรีดีจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐบุรุษอาวุโส ก่อนที่เขาจะอสัญกรรมด้วยอาการหัวใจวายไปในวันที่ 2 พฤษภาคม 2526
เค้าโครงเศรษฐกิจของนายปรีดี พนมยงค์ มีสาระสำคัญแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ 1. เค้าโครง เศรษฐกิจที่เนื้อหาแบ่งออกเป็น 11 หมวด 2.เค้าร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการประกันความสุขสมบูรณ์ของราษฎร (Assurance Sociale) และ3. เค้าร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการประกอบเศรษฐกิจ
ตามประกาศของคณะราษฎรข้อ 3 ที่ว่า “จะต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะหางานให้ทุกคนทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยากภายใต้สมุดปกเหลือง”หลังมีข้อเสนอให้ลดค่าเงินบาทลงให้มากกว่าค่าเงินก่อนการปฏิวัติสยาม
ทว่าในยุคการเมืองภายใต้การปกครองในระบอบทักษิณ...พรรคการเมือง นักการเมืองก็ยังสืบทอดประเพณีทางการเมืองด้วยความพยายามสร้างความเชื่อว่า ถ้าดำเนินการอย่างนี้ประชาชนจะได้แบบนั้น โดยที่ประชาชนไม่ล่วงรู้เลยว่าประชาชนได้เท่านั้น นักการเมืองพรรคการเมืองนั้นๆ จะได้ผลประโยชน์มากกว่าประชาชนหลายร้อยหลายพันเท่า
ความเชื่อในวันนั้น ถูกพรรคการเมืองถูกกลุ่มอุดมคตินิยมในวันนี้ปลุกเร้าให้ฟื้นคืนชีพสร้างความเชื่อในเรื่อง “รัฐอุดมคติ...รัฐในฝันของเพลโต”เพื่อนำมาสนตะพายมวลชนให้โหยหาความสำเร็จ (ที่มีผลประโยชน์เท่าชิ้นเนื้อข้างเขียง) เพื่อแลกกับอำนาจนิยมทางการเมืองที่บุคคลกลุ่มนั้นโหยหาที่มีผลประโยชน์ตอบแทนมากมายมหาศาล
ความเชื่อแบบ “สมุดปกเหลือง เค้าโครงร่างเศรษฐกิจของปรีดี พนมยงค์”ก็เป็นเพียงอุดมคติเป็นความเชื่อความฝันที่ต้องการวางแผนเศรษฐกิจแทนที่จะปล่อยให้เป็นไปตามระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม
สังคมไทยวันนี้ต้องตั้งสติชั่งตวงวัดวาทกรรมนักการเมือง ผลประโยชน์ที่ประชาชนได้รับกับผลประโยชน์ของพรรคการเมืองนักการเมือง
คุ้มค่าความเชื่อที่ถูกสร้างด้วยวาทกรรมหาใช่พฤติกรรมหรือไม่
อย่าพร้อมจะเชื่อทุกอย่างเพียงเพราะภาพลักษณ์ผู้นำความคิดจิตวิญญาณ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี