ภาพการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากของพี่น้องคนไทย จากการกระทำอันป่าเถื่อนของทหารกัมพูชาที่ระดมยิงจรวด BM-21 และปืนใหญ่เข้าใส่พื้นที่เป้าหมายพลเรือนฝั่งไทย หลังเกิดเหตุปะทะเมื่อเช้าตรู่วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ได้สร้างความรู้สึกเศร้าสะเทือนใจให้กับพี่น้องชาวไทยและผู้คนทั่วโลก
“...จากข้อมูลเมื่อวันที่ 25 ก.ค. เวลา 09.00 น. ในช่วงที่โจมตี มีผู้เสียชีวิต 14 ราย และบาดเจ็บ 13 ราย ซึ่งอยู่ในภาวะวิกฤต...เมื่อ 24 ชั่วโมงที่แล้ว โรงพยาบาล สถานีบริการน้ำมัน และพลเรือนถูกโจมตี ครอบครัวหนึ่ง
ซึ่งไปซื้อของได้เข้าไปในร้านขายของแห่งนี้ แม่ลูกสามคนไม่เคยออกมาอีกเลย ผู้คนกว่า 130,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้าน...”
นี่คือถ้อยแถลงบางส่วนบางตอนของ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรของประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ที่นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้ฉายภาพความป่าเถื่อนอย่างชัดเจนของฝ่ายกัมพูชาในสถานการณ์ตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ขณะที่เสียงสะท้อนจากสื่อต่างประเทศชี้ประเด็นตรงกับข้อมูลฝ่ายไทยอย่างเป็นมติเอกฉันท์ว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มสงคราม และยิงพลเรือนไทยก่อนทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องรับเคราะห์ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว รวมทั้งมีบางส่วนได้ออกมาประณามการกระทำอันไร้มนุษยธรรมในครั้งนี้ของกัมพูชาด้วย
ยังมีคลิปวีดีโอทหารกัมพูชาระดมยิงจรวด BM- 21 แบบเดาสุ่มไม่เลือกเป้าหมาย สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนราษฎร โรงพยาบาล ร้านค้า ปั๊มน้ำมัน และศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน ก็ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ โดยพื้นที่เสียหายหนักสุดคือ บริเวณปั๊มปตท.ใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 13 คน ทั้งๆ ที่จุดเกิดเหตุอยู่ห่างชายแดน 20 กิโลเมตร
กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ออกมาแถลงประณามอย่างรุนแรงต่อการใช้อาวุธยิงระยะไกลโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างต่อเนื่องของกองทัพกัมพูชา ซึ่งเป้าหมายพลเรือน ประกอบด้วย ชุมชนเมือง โรงพยาบาล โรงเรียน การกระทำอันป่าเถื่อนเหล่านี้ได้คร่าชีวิตและสร้างความบาดเจ็บแก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากอย่างไร้เหตุผล
โดยยืนยันว่า จากหลักฐานที่มีอยู่เชื่อได้ว่า รัฐบาลกัมพูชาโดยสมเด็จฮุนเซน คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีอันน่าสะเทือนใจเหล่านี้ การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่าง
ร้ายแรง แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงการขาดความเคารพต่อชีวิตมนุษย์และการไม่แยแสต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ นอกจากจะยังไม่มีการออกมาแสดงความรับผิดชอบใดๆ จาก ฮุนเซน และ ฮุน มาเนต ในฐานะที่มีส่วนสั่งการสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์หลายชีวิตแล้ว สถานการณ์ปะทะในช่วงหลายวันที่ผ่าน ทหารฝ่ายกัมพูชายังคงมีเจตนายิงอาวุธหนักพิสัยไกลเข้าใส่เป้าหมายพลเรือนฝั่งไทยอย่างบ้าคลั่งต่อเนื่อง และยังอำมหิตใช้โล่มนุษย์โดยซ่อนจรวด BM-21 ไว้ในชุมชนอีกด้วย
ดังนั้น เราต้องกดดันให้ประชาคมโลกลากตัวฮุนเซน และ ฮุน มาเนต ขึ้นศาลอาชญากรรมสงคราม ว่าด้วยความผิดร้ายแรงตามอนุสัญญาเจนีวา มาตรา 147 ซึ่งพฤติกรรมที่ผ่านมาถือว่าเข้าข่ายความผิดทั้งจงใจฆาตกรรมไร้มนุษยธรรม ทำลายทรัพย์สินพลเรือนใช้โล่มนุษย์ โจมตีโรงพยาบาล หรือเขตปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อกำจัดภัยคุกคามจากผู้นำเขมรสองพ่อลูกนี้ คืนความสงบสุขของทั้งสองชาติในอนาคต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี