สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กำลังร้อนระอุถึงขีดสุด เสียงระเบิดและเสียงปืนไม่เพียงสั่นสะเทือนพื้นดินแนวชายแดน แต่ยังสะเทือนใจคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเงยหน้ามองรัฐบาลแล้วพบแต่ความเงียบงัน อ่อนแรง และไร้ทิศทาง
ในช่วงเวลาที่ประเทศต้องการผู้นำผู้กล้าหาญและเด็ดขาด รัฐบาลกลับปรากฏภาพตรงกันข้าม การที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่มีความพร้อมจะนำพาประเทศผ่านวิกฤตความมั่นคงได้เลยแม้แต่น้อย
ท่าทีของนายภูมิธรรมในการเจรจาหยุดยิงกับกัมพูชา กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคมไทย เขายอมรับข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งที่ฝ่ายไทยตกเป็นเหยื่อของการโจมตีอย่างเปิดเผย การตัดสินใจอันรวบรัดโดยไม่มีการประณาม หรือแม้แต่การเรียกร้องความเป็นธรรมผ่านเวทีระหว่างประเทศ เป็นการกระทำที่ไร้ภาวะผู้นำอย่างสิ้นเชิง
หนักไปกว่านั้น การสื่อสารของรัฐบาลในภาวะวิกฤต สอบตกอย่างสิ้นเชิง รัฐบาลที่เดิมมีทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่โดยตรงในการสื่อสารข้อมูลแก่ประชาชน ก็ยังไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในแง่การสื่อสารกับประชาชนใหเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นจริง การตอบโต้ข่าวสารกับประเทศคู่กรณี หรือการสื่อสารความจริงกับประชาคมโลก ว่าเกิดอะไรขึ้น และล่าสุดมีการแต่งตั้ง นายจักรภพ เพ็ญแข ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่าเพื่อให้มาช่วยงานด้านการสื่อสาร ก็ไม่ได้ทำให้เห็นว่ามีอะไรดีขึ้นแม้แต่น้อย จนคนไทยต้องถามดังผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า ทำอะไรกันอยู่
ความเงียบเฉยและข้อมูลที่ขาดหายนี้ไม่เพียงลดทอนความเชื่อมั่นในรัฐบาล แต่ยังเพิ่มความวิตกกังวลในหมู่ประชาชนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศของตน
ข้อกังขายังขยายไปถึงการไม่แต่งตั้งรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหมตัวจริงในช่วงวิกฤตโดยไม่มีคำอธิบายจากรัฐบาลอย่างชัดเจน ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า นี่คือความจงใจหรือแค่ความล้มเหลวโดยธรรมชาติของรัฐบาลกันแน่ ยิ่งเมื่อเหตุปะทะชายแดนเกิดขึ้นในจังหวะเวลาที่ประเทศไม่มีรัฐมนตรีกลาโหมจริงๆ ยิ่งทำให้ประชาชนอดสงสัยไม่ได้ว่า รัฐบาลทำงานอย่างมีสติหรือปล่อยให้โชคชะตานำพา
ส่วนตัวนายกรัฐมนตรีตัวจริงอย่าง น.ส.แพทองธาร ที่แม้จะอยู่ในสถานะหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่เคยแสดงภาวะผู้นำที่พึงมีในช่วงวิกฤตได้อย่างจริงจัง และหลายครั้งยังเป็นต้นตอของปัญหาเสียเอง การบริหารประเทศผ่าน “เครือญาติ” ไม่เพียงแต่ไร้ประสิทธิภาพ แต่กำลังพาประเทศถอยหลังเข้าสู่วังวนแห่งความอ่อนแอทางการเมือง
จึงไม่น่าแปลกใจที่ประชาชนจำนวนมากเริ่มหันไปฝากความหวังไว้กับกองทัพ มากกว่ารัฐบาลที่ควรจะเป็นผู้ขับเคลื่อนประเทศ ยิ่งประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาลไม่สามารถปกป้องชีวิตและความมั่นคงของพวกเขาได้ คำถามที่กำลังดังขึ้นเรื่อยๆ ก็คือ “มีรัฐบาลไว้ทำไม?”
รัฐบาลควรยอมรับความจริงเสียทีว่า พวกเขาไม่มีความชอบธรรมหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะในแง่ประสิทธิภาพหรือศรัทธาของประชาชน ยิ่งดื้อดึงอยู่ต่อไป ประเทศไทยยิ่งเสี่ยงต่อความสูญเสียในทุกมิติ ทั้งในสนามรบ และในหัวใจของคนไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี