สงครามไทยกับเขมรครั้งนี้ทหารไทยไม่เพียงต้องรบกับเขมรใน “แนวหน้า” เท่านั้น แต่ยังต้องรบกับพวกชังชาติชังเจ้าชังทหารใน “แนวหลัง” ด้วย อาวุธที่พวกชังชาติชังเจ้าชังทหารก็มีหลายอย่าง
1.เหยียดหยาม ที่แรงสุดก็โดยสส.ของพรรคส้ม ที่ชื่อสหัสวัต คุ้มคง เขาว่า“สิ่งแรกที่ถูกฆ่าในสงครามก็คือความจริงและทหารไทยแม่งทำแบบนี้มาตลอดประวัติศาสตร์ ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่ว่ากองทัพส้นตีนจะไม่ใช้โอกาสนี้สร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง อย่าเชื่อทุกสิ่งที่ออกมาจากกองทัพ”
ในยุคพรรคก้าวไกล พิธาก็เคยเหยียดหยามทหารเช่นกัน “พวกคุณจะไปรบกับใคร สมมุติมีคนมารุกราน ผมก็ไม่เชื่อว่าพวกคุณจะรบชนะด้วย...มีทหารไว้ทำไม”
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และใครหลายคนในพรรคของเขาก็พูดแบบเดียวกัน และสรุปว่าจะลดขนาดและงบประมาณของกองทัพ ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายกองทัพให้อ่อนแอ โดยใช้เสียงข้างมากในสภาออกกฎหมาย
2.การเรียกร้องสันติภาพและการหยุดยิง เรื่องนี้มีคนไปยืนถือป้ายให้สื่อถ่ายรูปลงในโลกออนไลน์ หรือถ่ายกันเองก็ไม่ทราบ ด้วยเหตุผลว่าสงครามนั้นทำให้สูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งก็จริง แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะมาเรียกร้องตอนนี้ ใครจะฟังและควรไปเรียกร้องกับสถานทูตเขมร หรือไม่ก็ไปเรียกร้องกับทหารเขมรโดยตรงที่ชายแดนเลย เพราะทหารไทยไม่ได้เริ่มโจมตีก่อน หากแต่เป็นทหารเขมร
เช่นเดียวกับนายพลคนหนึ่งในรัฐบาลเขาพูดมาก่อนสงครามจะปะทุประมาณ1 เดือนว่า “ถึงรบกันยังไง สุดท้ายก็ต้องมาคุยกัน ต้องมาเจรจา ไม่ใช่ยุคโบราณที่ไปตีเอาบ้านเอาเมือง แม้จะตียึดได้ สุดท้ายองค์กรกลางก็ต้องเข้ามา เพื่อไกล่เกลี่ย”
เขาพูดถูกในแง่ผลลัพธ์ คือ 2 ฝ่ายหรือกี่ฝ่ายก็ตาม เมื่อรบกันไปแล้วเมื่อฝ่ายที่แพ้หรือสูญเสียมากกว่า เห็นว่าสู้ไปก็แพ้และสูญเสียมากขึ้นก็ต้องขอเจรจา
แต่ผมมีคำถามว่า สงครามไทยกับเขมรครั้งนี้ และเมื่อเขมรเริ่มยิงปืนใหญ่ใส่พลเรือนก่อนทำไมจึงไม่เจรจา?
เมื่อไม่เจรจาหรือเจรจาไม่สำเร็จจะทำอย่างไร?
หรือว่าทหารไทยต้องนิ่งเฉยอยู่ในกรมกองเพื่อรักษาสันติภาพ ปล่อยให้ทหารเขมรรุกล้ำดินแดนเข้ามาเรื่อยๆ รอให้ผู้นำของไทยที่ฉลาดปราดเปรื่องทั้งหลายเจรจาจนสำเร็จหรือ?
ขนาดเจรจาตกลงหยุดยิงกันเมื่อวาน(29 ก.ค.) มีมหาอำนาจเข้ากำกับด้วย พร้อมกันนั้นกองทัพภาค 2 ก็เจรจากับทหารเขมรระดับนำ แต่เขมรก็ยังลอบยิงตอนกลางคืน
สงครามไทยกับเขมรครั้งนี้มีเหตุมาจาก 2 ตระกูลแย่งชิงหักหลังผลประโยชน์กัน และมีมหาอำนาจร่วมผลประโยชน์ด้วย สงครามจึงเป็นแค่“ปลายเหตุ” แต่ทำไมพวกคนที่รักสันติภาพ
โดยเฉพาะรัฐบาลจึงไม่เจรจาให้สำเร็จ
หรือว่ารัฐบาลไทยภายใต้การบงการของทักษิณไม่อยากชนะ ที่จะส่งผลให้ประเทศมหาอำนาจเข้าร่วมวงเจรจาด้วย
3.งบประมาณและเงินบริจาคคุณสฤณี อาชวานันทกุล แสดงความเห็นในเฟซบุ๊ก ของเธอว่า “เรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจและไม่เห็นด้วยเลย คือการเรี่ยไรเงินบริจาคไปให้กองทัพ หรือการระดมทุนไปซื้อโดรนหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ให้กองทัพ คืองบกลาโหมปีละสองแสนล้าน และพลเรือนจะรู้ได้ยังไงว่าอาวุธหรืออุปกรณ์แบบไหนทหารใช้ได้หรือไม่ได้ สู้เอาเงินบริจาคหรือขอบริจาคไปให้ประชาชนที่ประสบภัยดีกว่า น่าจะเดือดร้อนอีกนาน”
พวกเสื้อส้มคนดังต่างๆ ก็ออกมาขานรับกันขรม กองทัพก็ออกมาชี้แจงว่างบประมาณนั้นมีพอ แต่เรื่องของกินของใช้จิปาถะนั้นขาดแคลน ใครจะบริจาคก็ยินดี แต่พวกชังชาติชังเจ้าชังทหารก็ยังด่าทหารกันดุเดือดเลือดพล่าน
4.คลั่งชาติ สงครามทำให้พลเมืองไทยเชียร์ทหารและก่นด่านักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพราะไม่มีความสามารถทั้ง 2 ฝ่าย จึงสูญเสียคะแนนนิยมไปมาก สิ่งที่พวกชังชาติ
ชังเจ้าชังทหารทำได้ก็คือ ก่นด่าทหารและคนที่เชียร์ทหารว่าคลั่งชาติ แต่ยิ่งก่นด่าผู้คนก็ยิ่งเชียร์ทหารมากขึ้น
ทั้งหมดก็เพื่อทำลายสถาบันทหาร ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำลายพลเมืองที่รักชาติ
ผมเห็นใจทหารที่คอยปกป้องประเทศไทยนี้มานับแต่ก่อตั้งประเทศ ให้โคตรเหง้าเหล่ากอของคนพวกนี้ได้มีแผ่นดินอยู่ และพวกเขาได้มีชีวิตที่อยู่ดีมีสุข พอปากกล้าขาแข็งก็แว้งกัด พยายามบ่อนเซาะ-ทำลายล้างทหารและประเทศชาติทุกวิธี เพียงเพื่อจะให้มหาอำนาจเข้าครอบครองประเทศและเชิดพวกตนให้มีอำนาจ
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี