วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
“ชีวิตที่มืดบอดกำเนิดขึ้นในยุคสมัยที่มืดบอด ยุคสมัยที่มืดบอดกำเนิดขึ้นในยุคที่ชีวิตผู้คนมืดบอด”
ทั้งชีวิตและยุคสมัยต่างเป็นผลิตผลแก่กัน ชีวิตใครจะรอดพ้นจากความมืดบอดและยุคสมัยอันมืดบอดได้นั้นก็ต้องพึ่งสติปัญญาของตัวเองล้วนๆ แม้คนอื่นที่มีสติปัญญาก็ช่วยได้ก็เพียงแนะนำหรือชี้ทาง
ในยุคที่ผู้คนเชื่อไสยศาสตร์ เชื่อปรากฏการณ์ของธรรมชาติ ว่ามีเทพหรือพระเจ้าดลบันดาล จนต้องเริงระบำเอาใจ หรือสร้างเครื่องสังเวย มีการบูชายัญด้วยสัตว์และชีวิตมนุษย์ ซึ่งคนรุ่นหลังบอกว่าเป็นเรื่องที่โง่เขลางมงาย เพราะคนรุ่นหลังนี้กำเนิดขึ้นในยุควิทยาศาสตร์ที่กำลังแพร่หลายและได้รับการยอมรับว่า “เป็นความจริง – เป็นสิ่งที่ถูกต้อง” บ้างถึงกับเลยเถิดว่าเป็น “สัจธรรม”
เมื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพัฒนามาถึงขั้น “สร้างโลกใหม่” ขึ้นมาทับซ้อนโลกธรรมชาติได้ ที่เรียกว่า “โลกออนไลน์” มนุษย์ยุคสมัยนี้ก็ยิ่งเห็นว่ามนุษย์ยุคสมัยอดีตนั้นไม่มีสติปัญญา เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตมืดบอดและได้สร้าง “ยุคสมัยแห่งความมืดบอด” ขึ้นมาครอบงำชีวิตตน
แล้วมนุษย์ใน “ยุคสมัยออนไลน์” มีชีวิตที่มืดบอดหรือไม่? และอยู่ในยุคสมัยที่มืดบอดหรือไม่?
ผมเชื่อว่ามีน้อยคนที่จะฉุกสงสัยและตั้งคำถามนี้ และพิจารณาจนเห็นว่ามีผู้คนมหาศาลที่มียังชีวิตมืดบอดและกำลังอยู่ในยุคสมัยแห่งความมืดบอด ส่วนคนที่เป็นเสมือนซากปรักหักพังไปตามกระแสแห่งสังคม คงไม่ฉุกสงสัยและตั้งคำถาม เพราะพวกเขาย่อมเชื่ออย่างฝังใจอยู่แล้วว่าชีวิตของเขารุ่งโรจน์และอยู่ในยุคสมัยที่สว่างไสวด้วยสติปัญญา
คนในยุคสมัยออนไลน์มืดบอดเรื่องอะไร?
มืดบอดตั้งแต่เชื่อว่า “ชีวิต” นั้นมีตัวตนและเป็นของตนเองแล้วก็หลงตนเช่นเดียวกับคนทุกยุคสมัย มืดบอดที่เชื่อว่าวิทยาศาสตร์เป็นสัจธรรม อะไรที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ย่อมไม่ใช่สัจธรรม ทั้งที่วิทยาศาสตร์ก็ลองผิดลองถูกเสมอมา และเพิ่งเริ่มต้น แม้จะใช้เวลามานับร้อยปีแล้ว
แต่ผมจะพูดถึงความมืดบอดที่กำลังครอบงำสังคมไทยในช่วงปี 2544 จนถึงปัจจุบันนี้ นั่นคือความมืดบอดที่เกิดจากความเชื่อใน “ลัทธิ อุดมการณ์ ทฤษฎีต่างๆ” ว่าเป็น “วิทยาศาสตร์สังคม” และเป็นสัจธรรมหรือความจริงแท้ ซ้ำยังเชื่อกันต่อไปอีกว่ามันเป็น “ลัทธิแห่งมนุษยธรรม” เพราะเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรมเท่าเทียมกันของมนุษย์
แต่ต้องแบ่งเป็นชนชั้น เพื่อเข่นฆ่าทำลายล้างกันก่อน! จนเหลือแต่ชนชั้นกรรมาชีพ ซึ่งพวกเขาถือว่าเป็นการสร้างความเท่าเทียมเป็นธรรมขั้นแรก จากนั้นจึงสร้างขั้นต่อไปจนถึงขั้นที่เรียกว่า “สังคมคอมมิวนิสต์” หรือที่ ดร.ปรีดีเรียกว่า “ยุคพระศรีอาริย์”
ในศตวรรษที่แล้วมีคนเกือบครึ่งโลกที่ชื่อลัทธิอุดมการณ์นี้ แต่มันก็ได้พิสูจน์ด้วยการปฏิวัติระบอบเดิมแล้วสถาปนาระบอบ “สังคมนิยม” ขึ้นแทน แล้วผลที่เป็นจริงก็คือมันล้มเหลวในศตวรรษนั้นเอง
การแบ่งชนชั้นเข่นฆ่าทำลายล้างกันเองในเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้น กลายเป็นความสูญเสียและสูญเปล่าทั้งชีวิต ทรัพย์สิน ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาต่างๆ คุณค่าและสติปัญญาที่สั่งสมมา ฯลฯ พวกที่เหลือรอดก็ทุพพลภาพทางร่างกายและจิตใจ
มันจึงเป็นการเอาชีวิตผู้คนขึ้นบูชายัญต่อลัทธิอุดมการณ์สังคมนิยม ที่มีจำนวนมหาศาลกว่าในยุคบูชาเทพเจ้า
กระนั้นในปัจจุบันก็ยังมีคนในโลกนี้อีกจำนวนมากที่ยังงมงายกับลัทธินี้และพยายามจะทำมันให้เป็นจริง ด้วยการเปลี่ยนรูปแปลงร่างและวิธีการต่อสู้ให้เข้ากับยุคสมัย อย่างในประเทศไทยก็มีการปลุกระดมอย่างเดิม แต่ไม่ใช่ให้ไปจับอาวุธ หากแต่ให้ไปเลือกนักการเมืองที่ยังงมงายกับลัทธินี้อยู่ โดยมีนโยบายแจกเงินและภาพฝันของสังคมใหม่เป็นเหยื่อล่อ
มันได้ผล! ดูได้จากคะแนนการเลือกตั้งที่พรรคส้มกับพรรคแดงได้รับ ทั้งที่ทั้ง 2 พรรคก็ไม่ได้มีหัวคิดจะสร้างอรรถประโยชน์สุขแก่สังคมแต่อย่างใด นอกจากคิดจะครอบครองอำนาจและ
ผลประโยชน์ของประเทศเท่านั้น
ส่วนพวกลิ่วล้อกองเชียร์ก็ยังชื่นชมและเชื่อกันว่านักการเมือง 2 พรรคนี้จะสร้างความอยู่ดีมีสุขให้ตนและสร้างความเท่าเทียมเป็นธรรมให้เกิดขึ้นสังคมได้!
ทั้งที่ต่างคนก็ต้องตะเกียกตะกายเอาชีวิตให้รอดในยุคข้าวยากหมากแพง และบ้างก็ตะโกนว่า “ไม่มีจะแดกแล้วโว้ย!”
วิมล ไทรนิ่มนวล

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี