วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
สลิ่มหรือฝ่ายอนุรักษนิยมนั้นแตกแล้วแตกอีก ที่แตกอยู่แล้วคือเสื้อเหลือง (พธม.) เสื้อฟ้า (กปปส.) แต่ก็มีเป้าหมายเดียวกันคือสู้กับเสื้อแดงและเสื้อส้มต่างแยกกันสู้ในโลกออนไลน์ เมื่อมีม็อบก็เข้าร่วมม็อบ
ต่อมาก็แตกกันอีกในการชุมนุม “รวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย” เมื่อคุณสนธิ ขึ้นเวทีพูดถึงพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งที่ไม่ได้มีสาระอะไรจริงจัง และเมื่อ 2 สัปดาห์มานี้คุณสนธิก็พูดถึงพล.อ.ประยุทธ์อีก คราวนี้เรื่องใหญ่ ด้วยการกล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์หลายประเด็น อย่างเช่นเรื่องการนำทักษิณกลับประเทศไทย เรื่องพื้นที่ชายแดนไทย-เขมร เรื่องพลังงาน เป็นต้น
แฟนคลับหรือมวลชนของทั้ง 2 คนก็ทะเลาะกันซ้ำอีก จนวันนี้ก็ยังไม่เลิกทะเลาะกัน เพราะไม่แยกประเด็นทะเลาะ และต่างฝ่ายก็ยึดมั่นตัวบุคคลจนลืมเหตุผลและหลักฐานที่จะนำมาถกเถียงกัน
เมื่อแตกแล้วจะกลับมารวมกันได้ดังเดิมหรือไม่ผมไม่ทราบ ทราบแค่ว่าถ้ามี “ภารกิจหลัก” ของประเทศชาติก็จะกลับมารวมกันได้อีก และต้องมีแกนนำม็อบคนใหม่ที่มีบารมีมากพอ เป็นที่ยอมรับของสลิ่มทุกกลุ่ม
แต่ดีกว่านั้นคือไม่ต้องมีแกนนำม็อบ อย่างที่เชียร์ทหารตอนนี้ ซึ่งต่างก็แยกกันเชียร์และทะเลาะกันไปด้วย!
เรื่องเชียร์ทหารนี้โชคดีที่ไม่มีม็อบและไม่มีแกนนำ ทุกคนที่มีสำนึกรักชาติต่างก็เชียร์เอง จะมีก็แต่พวกชังชาติ ชังเจ้าชังทหาร ขายชาติ โดยมีนักการเมืองจำนวนมากเป็นตัวปลุกปั่นเท่านั้นที่เฝ้าโจมตีทหารและคนเชียร์ทหาร
ทั้งหมดนี้ประชาชนรู้เช่นเห็นชาติดีว่าเป็นพรรคใด และเกลียดนักการเมืองพวกนี้อย่างเข้ากระแสเลือด! พวกเขาจึงสนับสนุนม็อบทุกม็อบที่ต่อต้านพรรคพวกนี้
ดังนั้นเมื่อแกนนำคปท.ให้ รังสิมันต์ โรม ขึ้นเวที สลิ่มกลุ่มคปท.ก็แตกย่อยอีก!
รังสิมันต์ประกาศว่าตนและพรรคส้มว่ารักชาติเช่นเดียวกับประชาชนทุกคน และให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักชาติของพวกเขา มวลชนจึงโห่ไล่ แต่ดร.แก้วสรร อติโพธิ และบรรดาแกนนำไม่เห็นความรู้สึกของมวลชน กลับเห็นเกียรติที่ทึกทักเอาเองว่าได้รับจากรังสิมันต์ ถึงกับตะโกนสวนมวลชนว่า “ต้องให้เกียรติเขา เพราะเขาให้เกียรติเรา”!
แต่คนที่โห่ไล่ไม่ได้รู้สึกว่าได้รับเกียรติจากรังสิมันต์อย่างบรรดาแกนนำ แต่กลับรู้สึกว่าโดนหยามหน้า
ประเทศชาติก็ไม่ได้รับเกียรติ แต่เหมือนโดนตบหัวแล้วลูบหลัง
เมื่อดร.แก้วสรรให้ความสำคัญกับฝ่ายตรงข้ามมากกว่ามวลชนของตนเองก็เป็นธรรมดาที่มวลชนจะเสียความรู้สึกสูญเสียความเชื่อมั่นต่อแกนนำ สุดท้ายก็มีคนจำนวนมากโกรธและประกาศไม่ไปม็อบอีก
ต่อมาดร.แก้วสรรพูดในรายการหนึ่งบอกว่าการให้รังสิมันต์ขึ้นเวที ไม่ได้หมายความว่าจะร่วมกับพรรคส้ม แต่สลิ่มคปท.รู้สึกเจ็บปวดและเจ็บใจไปแล้ว ซ้ำยังกลายเป็นคนผิดเสียเองที่โห่ไล่รังสิมันต์!
แกนนำ คปท.บางคนออกมาอ้างว่าต้อง “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” (หมายความว่า อะไรที่เหมือนกันก็ร่วมกันสู้อะไรที่ไม่เหมือนก็หุบปากไว้) เพื่อจะได้บรรลุเป้าหมายหรือชนะ จากนั้นจึงหันมาจัดการกันเองต่อ!
แต่มันจำเป็นขนาดนั้นจริงหรือ เพราะรังสิมันต์และพรรคส้มก็มีสภาเป็นเวทีอยู่แล้ว คปท.ก็มีเวทีและมวลชนของตนอยู่เช่นกัน ถ้าต่างทำหน้าที่ของตนและแกนนำคปท.ให้เกียรติมวลชนด้วยการปฏิเสธรังสิมันต์ขึ้นเวที ก็จะไม่มีเรื่องต้องสูญเสียมวลชนของตนไปจำนวนมาก
นั่นเพราะทุกเรื่องบรรดาแกนนำตัดสินใจกันเองทั้งนั้น
ถ้ามีสถานการณ์ใหญ่โตคอขาดบาดตายจึงสมควรที่จะแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง และก็ควรให้เกียรติมวลชนของตนด้วย
อย่าเห็นพวกเขาเป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายเท่านั้น
ตอนนี้เมื่อคปท.อยากจะแสวงจุดร่วมกับรังสิมันต์และพรรคส้ม ก็ช่วยไม่ได้ที่มวลชนจะกลายเป็น “จุดต่าง” เสียเอง และยากแล้วที่คปท.จะเรียกร้องพวกเขาให้กลับมาร่วมสนับสนุนพวกตนอีก
จะมีก็แต่คนที่เชื่อแกนนำและยอมประนีประนอมด้วยเท่านั้น
วิมล ไทรนิ่มนวล

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี