ผมได้รับคำถามนี้หลายครั้งในช่วง 2 ปีมานี้ว่า “เมื่อไหร่ประเทศชาติจะสงบสุขเสียที”
ผมตอบไม่ได้ แต่บอกได้ว่า “ตราบใดที่ประเทศนี้ยังมีนักการเมืองที่ต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองก็จะไม่มีวันที่จะมีความสงบสุข”
อาจมีบางช่วงที่นักการเมืองฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองมีกำลังอ่อนลง คือได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งน้อยลงจนเป็นแค่พรรคเล็กๆ ในสภา นักการเมืองฝ่ายที่ต้องการรักษาระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเข้มแข็งขึ้น ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งมากพอและเป็นรัฐบาลก็พอจะมีความสงบสุขบ้าง
ต่อให้พรรคที่ต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองไม่ได้รับเลือกตั้งสักคน ก็จะมีคนอีกมหาศาลที่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอยู่ดี!
ดูตัวอย่างคณะราษฎร์ แม้สูญพันธุ์เพราะทำลายล้างกันเองเป็นหลักก็ยังมีพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แม้ต่อมาจะสิ้นสภาพการสู้รบกับรัฐไปแล้ว แต่ “ความคิดและความเชื่อ” ที่เรียกว่า “อุดมการณ์” ก็ยังคงอยู่เรื่อยมาจนปัจจุบัน
แม้พรรคคอมมิวนิสต์เจ๊งและคนป่าคืนเมือง ก็ยังมีความพยายามจะเปลี่ยนระบอบการปกครองอยู่เสมอมา พวกเขาแค่รอโอกาส รอสถานการณ์สุกงอม ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้พวกเขาต่างก็แยกย้ายกันศึกษาต่อ จบมาก็ทำมาหากิน เป็นนายทุน มีกิจการเข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นเศรษฐี-มหาเศรษฐี บ้างก็เป็นนักการเมือง กระจายอยู่ในพรรคต่างๆ อย่างพรรคความหวังใหม่ ต่อมาก็พรรคไทยรักไทย - พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีพวกเขามากที่สุด บ้างก็เป็นครูอาจารย์ที่พยายามถ่ายทอด-ปลุกระดมอยู่ตามสถาบันการศึกษาเรื่อยมา เพื่อให้พวกนักเรียน นิสิตนักศึกษารับเอาลัทธิสังคมนิยม(คอมมิวนิสต์)เป็นสรณะ
พรรคเพื่อไทยนั้นมีความพยายามจะเปลี่ยนระบอบการปกครอง ที่แสดงออกชัดเจนโดยพวกเสื้อแดงในปี 2552-2553 มีการชุมนุมประท้วงและปลุกระดม มีการเข่นฆ่าทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามรวมทั้งทหารและเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งมีทั้งพวกนิยมระบอบสังคมนิยมและพวกนิยมระบอบสาธารณรัฐ ที่รวมหัวกันต่อสู้กับอำนาจรัฐครั้งนั้นและเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
พวกเขาต้องการให้ประเทศนี้ไม่มีกษัตริย์ไว้ก่อน ต่อไปค่อยสู้กันเองอีกทีว่าจะไปทางไหนระหว่างสังคมนิยมกับพวกนายทุนที่นิยมสาธารณรัฐ
แม้พวกเสื้อแดงจะโดนฝ่ายอำนาจรัฐปราบจนแพ้ราบ แต่ “เชื้อล้มเจ้า” ยังเข้มข้นและคั่งแค้นเสมอมา
ซ้ำในปี 2562 ก็มีความพยายามจะตั้งพรรคการเมืองที่ชื่อ “พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย” แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่รับจดทะเบียน เพราะถือว่าไม่ได้เป็นระบอบประชาธิปไตยแต่ก็มีพรรคที่มี “เชื้อสังคมนิยม” ในชื่ออื่นเกิดขึ้น คือ “พรรคอนาคตใหม่” พวกแกนนำของพรรคนั้นถือได้ว่าเป็น “ผลิตผลของการบ่มเพาะ” มานานในสถาบันการศึกษาต่างๆ
ทั้งหมดต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือต้องการยึดอำนาจรัฐผ่านการเลือกตั้ง และการสร้างเรื่อง - สร้างเงื่อนไขให้เกิดสงครามกลางเมืองอย่างพวกเสื้อแดงในอดีต เห็นได้จากมีม็อบเสื้อส้มที่ชื่อ “คณะราษฎร 2563” แต่ก็ล้มเหลวเพราะมีพลังน้อยมาก
พวกเขาไม่ถนัดการต่อสู้บนท้องถนน หากแต่ถนัดในโลกออนไลน์มากกว่า!
แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ผลที่จะเรียกมวลชนให้สนับสนุนพวกเขา
วันนี้แม้คนที่เลือกและรักเสื้อส้มจะลดน้อยลง เพราะการต่อต้านรัฐทุกเรื่องของพวกระดับนำไม่เว้นกระทั่งเรื่องความมั่นคงของประเทศ (สงครามเขมรกับไทย) แต่หากเลือกตั้งครั้งต่อไปถ้าเขายังรักษาจำนวนสส.ได้สักครึ่งหนึ่งของในปัจจุบัน...ความสงบสุขก็ยังไม่มี
แม้ไม่มีสส.ในสภาเลยสักคนเดียว ความต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองก็ยังคงมีอยู่ต่อไป เพียงแต่พลังของพวกเขาอ่อนลง จึงพอจะเรียกได้ว่ามีความสงบชั่วคราว แต่พวกเขายังจะส่งเสียงดังต่อไปจนกว่าจะได้ครองอำนาจในสภาและครองอำนาจประเทศ
เวลา นั้นอยู่ข้างคนรุ่นใหม่เสมอ คนรุ่นเก่าก็จะร่วงโรยและตายไป เช่นเดียวกับคลื่นลูกหลังไล่ตามคลื่นลูกหน้า พวกเขาเติบโตมาในสังคมใครดีใครอยู่ ใครมือยาวสาวได้สาวเอา ยิ่งพวกเขาถูกปั่นถูกเสี้ยมเรื่องความเท่าเทียมเป็นธรรมก็ยิ่งเป็นสังคมที่เห็นแก่ตัว เป็นสังคมที่เทิดทูนปัจเจกบุคคลและเสพสุขเฉพาะตน พวกเขาจึงไม่ผูกพันกับรากเหง้าของบรรพชน ไม่ผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เห็นคุณประโยชน์ไม่เห็นแม้กระทั่งความจำเป็นจะต้องมี
สังคมไทยถูกแบ่งแยกเป็นสี - เป็นฝ่ายในยุคเสื้อแดงมานานถึง 20 ปีแล้ว ในปัจจุบันก็มีเสื้อส้มเข้าซ้ำรอยแตกแยกให้ลึกและกว้างขึ้นอีกจนยากที่ใครจะผสานรอยแตกแยกนี้ได้
แม้ไม่มีเสื้อแดง ไม่มีเสื้อส้ม ก็ยังจะมีพรรคการเมืองใหม่ๆ เสื้อสีใหม่ๆ เกิดขึ้น “สืบทอดอุดมการณ์กำจัดสถาบันกษัตริย์” ต่อไป
ความสงบสุขอย่างที่คนจำนวนมากเฝ้าหวังจึงเป็นความหวังต่อไปอีกนานแสนนาน
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี