เหตุการณ์เพลิงไหม้ อาคารชุดหรือคอนโดฯ 38 ชั้น ย่านปิ่นเกล้าตรงข้ามห้างพาต้า เมื่อต้นเดือนตุลาคม2568 มีผู้เสียชีวิตเป็นอาจารย์แพทย์ ในวัยเพียง 58 ปี ได้สร้างความสะเทือนใจแก่บุคคลทั่วไป เพราะอาจารย์แพทย์ท่านนี้น่าจะมีโอกาสสร้างคุณงามความดี และช่วยเหลือชีวิตคนอื่นได้อีกเป็นจำนวนมาก
ต้นเพลิง ที่เกิดเหตุอาคารชุดแห่งนั้น อยู่ที่ชั้น 16 เมื่อพิจารณาจากสภาพของอาคารชุดแล้ว ไม่น่าจะมีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เพราะอาคารชุดแห่งนี้ มีระบบที่ดี คือ มีทั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm) และพัดลมอัดอากาศ (Pressurized Fan) เพื่อไม่ให้ควันไฟหรืออากาศเสียย้อนกลับเข้ามาที่บันไดหนีไฟ เป็นไปตามกฎระเบียบและกฎหมายที่บังคับไว้
เมื่อเปรียบเทียบอาคารที่เกิดเหตุกับอาคารอื่น จะพบว่า มีอีกหลายอาคาร ที่ไม่มีอุปกรณ์ความปลอดภัยดีเท่ากับอาคารที่เกิดเหตุนี้
ขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ ผู้ที่พักอาศัยในอาคารชุดนั้น ได้หนีไฟไปทางบันไดหนีไฟ ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องแต่กลับกลายเป็นเหตุทำให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เพียงเพราะมีผู้เปิดประตูหนีไฟค้างเอาไว้ เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ควันไฟจึงย้อนกลับเข้าไปในบันไดหนีไฟ เมื่อคนใช้บันไดหนีไฟ จึงสูดควันไฟซึ่งเป็นควันพิษ ทั้งที่มีระบบป้องกันไม่ให้ควันไฟไหลเข้าไปที่บันไดหนีไฟ จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
สิ่งที่ควรพิจารณาคือ การเปิดประตูหนีไฟทิ้งไว้ เกิดจากสาเหตุอะไร?
ประตูหนีไฟที่อยู่ตรงบันไดหนีไฟในอาคารของทุกชั้น ปกติแล้วจะปิดอยู่ตลอดเวลา และจะมีมือจับที่เปิดประตู ซึ่งเมื่อเปิดประตูแล้วเข้าไปในบันไดหนีไฟ ประตูจะปิดโดยอัตโนมัติ การจะเปิดประตูจากบันไดหนีไฟกลับเข้าไปในตัวอาคารอีกทำไม่ได้
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ควันไฟหรืออากาศเสีย ไหลเข้าไปในบันไดหนีไฟขณะเกิดเพลิงไหม้ เนื่องจากจะเป็นอันตรายแก่ผู้ที่กำลังใช้บันไดหนีไฟ
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ทำงาน หรือพักอาศัยอยู่ในอาคารสูง จะมีโอกาสเห็นประตูตรงบันไดหนีไฟในบางชั้นเปิดทิ้งไว้อยู่บ่อยๆ โดยมีลักษณะที่ตั้งใจเปิดไว้ เพราะมีสิ่งของ เช่น ไม้หรือวัตถุอื่นเสียบไว้ที่พื้นประตู เพื่อให้ประตูเปิดอ้าค้างไว้ ซึ่งอาจทำไว้เพื่อความสะดวกของคนบางคน ที่ต้องการใช้บันไดหนีไฟขึ้นลงบ่อยๆ ไม่กี่ชั้น
แต่การกระทำดังกล่าว อาจเป็นสาเหตุให้ผู้ที่ใช้บันไดหนีไฟ ในขณะเกิดเพลิงไหม้ บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเพราะสำลักควันได้
ประเด็นจึงอยู่ตรงที่ว่า ผู้ที่กระทำเช่นนั้น ทราบหรือไม่ว่า อาจทำให้เกิดเหตุร้ายขึ้น จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
ความปลอดภัยในการใช้อาคารสูง หรืออาคารต่างๆ กลายเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตปัจจุบัน เพราะผู้คนจำนวนมาก เลือกที่จะทำงานหรือพักอาศัยอยู่ในอาคารสูง เพียงเพราะมีทำเลดีใกล้ที่ทำงาน หรือสะดวกแก่การพักอาศัย
เมื่อเกิดเหตุการณ์อาจารย์แพทย์เสียชีวิตที่บันไดหนีไฟ ในขณะเกิดเพลิงไหม้ ผู้ที่ใช้อาคารสูงจำนวนไม่น้อยได้ตั้งคำถามกันว่า ทราบหรือไม่ว่า การเปิดประตูบันไดหนีไฟทิ้งไว้ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม อาจเป็นเหตุทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในขณะเกิดเพลิงไหม้ได้?
คนส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด จะตอบว่า ไม่เคยทราบ เพราะไม่เคยมีใครบอก หรือประชาสัมพันธ์เพื่อเตือนให้ทราบ
สะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยยังขาดการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และขาดการฝึกซ้อมหนีไฟในขณะเกิดเพลิงไหม้ ทั้งที่เป็นประโยชน์แก่ชีวิตของผู้ที่ใช้อาคาร เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุขึ้นจริง ไม่มีเวลาให้คิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ต้องแก้ปัญหาได้ทันทีในขณะนั้น เพราะได้เรียนรู้หรือฝึกซ้อมมาแล้ว
นอกจากนี้ผู้ที่บริหารจัดการอาคารสูงไม่ว่าจะเป็นเจ้าของอาคาร และนิติบุคคลอาคารชุด ควรหมั่นตรวจตราอาคาร ให้อยู่ในสภาพที่ดี และมีความปลอดภัยอยู่เสมอ
การตระหนักในเรื่องความปลอดภัยของคนไทยถือว่าค่อนข้างต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวญี่ปุ่น
ได้เคยมีคนไทยพาเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมาเมืองไทยครั้งแรก เดินเที่ยวศูนย์การค้าขนาดใหญ่ทันสมัยในประเทศไทย ชาวญี่ปุ่นบางคน จะรู้สึกแปลกใจ และแสดงอาการกังวลออกมาจนเห็นได้ชัด เมื่อเพื่อนคนไทยสอบถามว่า มีอะไรเกิดขึ้น? ได้รับคำตอบจากเพื่อนชาวญี่ปุ่นว่า เขารู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะไม่เห็นป้ายทางออกหนีไฟที่ชัดเจน และถามเพื่อนคนไทยว่าหากเกิดไฟไหม้ขึ้นมากะทันหันในศูนย์การค้านี้ จะต้องหนีไปทางไหน?
เมื่อเจอคำถามเช่นนี้ คนไทยที่พาเพื่อนญี่ปุ่นไปเที่ยว ถึงกับยืนมึนงงกับคำถาม ไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไรดีเพราะหาทางหนีไฟไม่เจอเหมือนกัน หากเกิดเพลิงไหม้ขึ้นจริง อาจตายทั้งคู่พร้อมคนอื่นอีกหลายคน
แต่ชาวญี่ปุ่นที่อยู่เมืองไทยมานาน จะเริ่มชินและปรับตัวจนไม่รู้สึกอะไรและมีความรู้สึกเหมือนคนไทยในที่สุด
ขอให้ผู้บาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ และอาจารย์แพทย์ผู้เสียชีวิตที่บันไดหนีไฟ เป็นกรณีศึกษา และเป็นกรณีสุดท้ายที่ได้เกิดขึ้น
ผู้ใช้อาคาร ผู้รับผิดชอบ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรตระหนักถึงความปลอดภัยอย่างจริงจัง
ดร.รุจิระ บุนนาค
กรรมการผู้จัดการ
Marut Bunnag International Law Office
rujira_bunnag@yahoo.com
Twitter @RujiraBunnag
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี