วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
การประชุมสุมหัวเพื่อต้องการฉีกรัฐธรรมนูญ“ฉบับปราบโกงนักการเมือง”ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน..และยกร่างฉบับใหม่ขึ้นมา..ให้สมประโยชน์ของนักการเมืองและพรรคการเมือง..โดยมีพรรคประชาชน..และพรรคเพื่อไทย เป็นตัวตั้งตัวนี้นั้น..ผ่านวาระแรกไปแล้วแบบฉลุย
ที่ประชุมสมาชิกรัฐสภาเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา..มีมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชน..กับพรรคภูมิใจไทย..ส่วนของพรรคเพื่อไทยถูกตีตก..โดยในชั้นแปรญัติวาระ 2 ของคณะกรรมาธิการวิสามัญนั้น..มติของที่ประชุมให้ใช้ร่างของพรรคประชาชนเป็นหลัก
เนื้อหาใหญ่ใจความของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชน..ที่นำเสนอโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ..สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน..และคณะนั้น..กำหนดให้มีจำนวนผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ 135 คน..ประกอบด้วยคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน..และสภาที่ปรึกษายกร่างรัฐธรรมนูญอีก 100 คน
โดยที่มาของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน..จะใช้วิธีให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง..เลือกมาจากระบบบัญชีรายชื่อที่ผู้สมัครรวมกันเป็นกลุ่มบุคคลตั้งแต่ 17-70 คน..โดยใช้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง..และให้ประชาชนเลือกเข้ามา 70 คน..หลังจากได้ 70 คนแล้ว..ขั้นตอนต่อจากนั้นก็ส่งให้สมาชิกรัฐสภาคัดเลือกเหลือ 35 คน
และสำหรับสภาที่ปรึกษายกร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 100 คนนั้น..จะมาจากการเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง..โดยให้แต่ละจังหวัดมีสมาชิกสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ 1-5 คน..ตามจำนวนประชากร..และใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง..ซึ่งสมาชิกสภาที่ปรึกษายกร่างรัฐธรรมนูญนี้..มีหน้าที่รับฟังความเห็นจากประชาชน..และประมวลส่งให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญนำไปพิจารณาต่อ
ทั้งนี้..นายพริษฐ์ วัชรสินธุ..ได้อภิปรายชี้แจงหลักการของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชน..ต่อสมาชิกรัฐสภาในการประชุมวันแรกเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า..“ร่างรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนมีจุดแข็งคือ..กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด..โดยไม่ขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ..และกำหนดเนื้อหารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้รับรองความเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้..และให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข..เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย”
สำหรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568..ระบุว่า..รัฐสภามีอำนาจริเริ่มหรือแสดงความต้องการเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้..แต่ต้องให้ประชาชนออกเสียงประชามติให้ความเห็นชอบ..ว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่เสียก่อน
สำคัญที่สุดก็คือ..ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า..รัฐสภาไม่สามารถให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง..นั่นก็เท่ากับว่า..ประชาชนไม่สามารถเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ..หรือ ส.ส.ร.ได้
ด้วยเหตุดังนั้น..พรรคประชาชนจึงออกแบบที่มาของ“ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ”ด้วยการเลี่ยงบาลี..โดยกำหนดให้มีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน..และสภาที่ปรึกษายกร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 100 คน..ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า..การเลี่ยงเช่นนี้จะขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
ขณะที่ร่างแก้ไขของพรรคภูมิใจไทย..กำหนดที่มาของ“ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ”..โดยมีจำนวนทั้งหมด 99 คน..แยกเป็น 2 ประเภท..คือ ส.ส.ร.จังหวัด 77 คน..และ ส.ส.ร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คน..ที่มาจากด้านวิชาการ-ด้านนิติศาสตร์ 7 คน, ด้านรัฐศาสตร์ 7 คน..และผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง-การบริหารราชการแผ่นดิน 8 คน
วิธีการของพรรคภูมิใจไทยเลี่ยงบาลีด้วยการ..ให้ผู้ประสงค์จะเป็น ส.ส.ร.จังหวัด..และ ส.ส.ร.ผู้ทรงคุณวุฒิ..ยื่นสมัครเป็น ส.ส.ร.ต่อ กกต. เมื่อ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามเสร็จสิ้นแล้ว..ให้ส่งรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดไปยังประธานรัฐสภา..เพื่อเปิดประชุมร่วมรัฐสภาลงคะแนนคัดเลือก ส.ส.ร.จังหวัดๆ ละ 1 คน..รวมทั้งหมด 77 คน..และ ส.ส.ร.ผู้ทรงคุณวุฒิอีก 22 คน
พร้อมกันนี้..ตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคภูมิใจไทย..ก็ยังได้กำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 45 คน..โดยมีที่มาจาก ส.ส.ร. 30 คน..และคนนอกที่มีความรู้ความสามารถ 15 คน
อย่างไรก็ตาม..ในการลงประชามตินั้น..คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า..การจัดทำหรือยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่..จะต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง..เพื่อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
คือ..ครั้งที่ 1 ให้ประชาชนออกเสียงประชามติ..ว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่, ครั้งที่ 2 ให้ประชาชนออกเสียงประชามติเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่..ว่ามีวิธีการและเนื้อหาที่สำคัญเป็นประการใด..และครั้งที่ 3 ภายหลังรัฐสภาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้น..ให้ประชาชนออกเสียงประชามติ..ว่าเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่..ซึ่งการออกเสียงประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 นั้น..ศาลรัฐธรรมนูญได้อนุโลมให้รวมเป็นครั้งเดียวกันได้
สรุปแล้ว..ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย..ที่ผ่านวาระแรกมาได้นั้น..ถือว่าเพิ่งเป็นการเริ่มต้น..ด่านสุดท้ายก็คือ ประชาชนผู้ออกเสียงลงประชามติ..จะยอมให้มีการฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญ“ฉบับปราบโกงนักการเมือง”ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันหรือไม่
ผมหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียง..เจอกันในวันลงประชามติที่คูหาเลือกตั้ง..ซึ่งรัฐบาลกำหนดไว้คร่าวๆ..ที่จะให้ออกเสียงพร้อมกับวันเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2569 ปีหน้า-ผมไม่ยอมครับ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

เริ่มคลี่คลาย! ป่าโมกยังมีน้ำท่วมบางจุด รถใหญ่สัญจรได้
บุกจับ 'นิสิต สินธุไพร' พ่ออดีตรัฐมนตรี หลังหลบหนีคดีล้มอาเซียนซัมมิต
น้ำมาอีกระลอก! ปทุมธานีเจอเจ้าพระยาท่วมซ้ำหลังเขื่อนปล่อยน้ำเพิ่ม
จนท.พิทักษ์ป่าภูเขียวถูก'กระทิงป่า'ขวิดเจ็บสาหัส ขณะลาดตระเวนกลางป่าลึก
'นักวิชาการอิสระ'แนะ ต้องแยกแยะ ชี้ไม่ใช่ติ่ง 'อนุทิน' แต่ยอมรับว่าเขาทำงานจริง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี