เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมเมื่อวานนี้..นักการเมืองที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน..ทั้ง สส. 500 จำพวก..และ สว.200 คน..ได้ประชุมสุมหัวเพื่อจะฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560..ที่ประชาชน 16.82 ล้านเสียงเป็นผู้สถาปนา..จากการลงประชามติเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559..หรือคิดเป็นร้อยละ 61.35..ของผู้ออกมาใช้สิทธิทั้งหมด 29,740,677 คน
ที่ต้องการจะฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญปี 2560..ฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน..ซึ่งเป็นรัฐธรรมฉบับ“ปราบโกงนักการเมือง”..แล้วยกร่างรัฐธรรมฉบับใหม่นั้น..เจตนารมณ์ที่แท้จริงก็เพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองเท่านั้น..ประชาชนก็คือข้ออ้างที่ถูกนักการเมืองใช้แอบอ้างบังหน้าอยู่ตลอดเวลา
โดยเฉพาะข้ออ้างที่ว่า..รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นมรดกของคณะรัฐประหาร คสช.เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557..เพื่อต้องการสืบทอดอำนาจ..ซึ่งในประเด็นนี้..หากพูดกันแบบชาวบ้าน..ก็ต้องถามกลับว่า..สส. 500 คน..ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งจากระบบเขต..และระบบบัญชีรายชื่อ..ที่นั่งชูคอกันอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรเวลานี้..และกำลังรุมทึ้งเพื่อจะฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทิ้งนั้น..เป็นผู้สืบทอดอำนาจของ คสช.ใช่หรือไม่..เพราะทุกคนล้วนมาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้
และที่ต้องถามจี้ก็คือ..สส.ของพรรรคประชาชนที่ได้รับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566..ในนามพรรคก้าวไกลจำนวน 151 คน..และพรรคเพื่อไทย 141 คน..ซึ่งมีจำนวนมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส.ทั้งหมด..เป็นผู้สืบทอดอำนาจของ คสช.ใช่หรือไม่..และถ้าตอบว่าไม่ใช่..ก็ย่อมแสดงให้เห็นว่า..รัฐธรรมนูญฉบับนี้มิอาจสนองเจตนารมณ์ของ คสช.ที่ต้องการสืบทอดอำนาจตามที่กล่าวอ้าง
อีกประการหนึ่งที่สำคัญ..ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นมรดกของ คสช. ก็ต้องถามต่อว่า..ทำไมพรรครวมไทยสร้างชาติที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา..อดีตหัวหน้าคณะ คสช. เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี..จึงได้คะแนนเสียงจากระบบบัญชีรายชื่อเพียงแค่ 4.7 ล้านเสียง..เมื่อเทียบกับพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาชนที่ได้ 14.4 ล้านเสียง..และพรรคเพื่อไทยที่ได้ 10.9 ล้านเสียง
นอกจากนั้น..เมื่อรวมคะแนนเสียงจากระบบบัญชีรายชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติ..กับพรรคการเมืองขั้วเดิมของกลุ่ม“3 ป.”อีก 2 พรรค..คือ..พรรคพลังประชารัฐ..และพรรคภูมิใจไทย..เมื่อรวมกันแล้วก็ยังน้อยกว่าพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย..ซึ่งเป็น 2 พรรคการเมืองที่กระเหี้ยนกระหือรือที่จะฉีกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทิ้ง..โดยพรรคพลังประชารัฐได้ 5.3 แสนเสียง..และพรรคภูมิใจไทยได้ 1.1 ล้านเสียง..เมื่อรวมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ..เพิ่งจะได้แค่ 6.4 ล้านเสียงเท่านั้น
สรุปก็คือ..รัฐธรรมนูญฉบับนี้..ทั้งไม่ใช่เป็นโซ่ตรวน..และเป็นกรงขังประชาธิปไตย..ตามที่ สส.พรรคประชาชนดาหน้ากันขึ้นมากล่าวอ้างในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมเมื่อวานนี้..หากแต่เป็นโซ่ตรวนและกรงขัง“นักการเมืองขี้โกง”..ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์..และเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม..เพื่อไม่ให้ออกมาเดินเพ่นพ่านและเข้าสู่อำนาจได้อย่างสะดวกง่ายดายมากกว่า
หาก สส.ทั้งจากพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยที่เป็นตัวตั้งตัวตี..ในการที่จะฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญฉบับนี้..มีความสุจริตใจที่จะแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น..ไม่ใช่เพื่อสิทธิประโยชน์ของนักการเมืองและพรรคการเมือง..ซึ่งถ้าเห็นว่ามาตราใดของรัฐธรรมนูญบับนี้มีจุดอ่อนข้อบกพร่อง..สมาชิกรัฐสภา..ทั้ง สส. และ สว.ก็สามารถเสนอขอแก้ไขเป็นรายมาตราได้อยู่แล้ว..ไม่จำเป็นต้องยกร่างขึ้นมาใหม่ทั้งฉบับ
สำคัญที่สุด..เมื่อพิจารณาจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 156 และเพิ่มหมวด 15/1..เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้ง 3 ฉบับ..คือฉบับของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ..กับคณะ สส.พรรคประชาชน, ฉบับของนายชูศักดิ์ ศิรินิล..กับคณะ สส.พรรคเพื่อไทย..และฉบับที่เสนอโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล..กับคณะ สส.พรรคภูมิใจไทย..และพรรคร่วมรัฐบาล ..ต่อที่ประชุมสมาชิกรัฐสภา..โดยจะมีการลงมติรับหลักการในวาระแรกวันที่ 15 ตุลาคมวันนี้นั้น..อาจจะละเมิดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมาว่า..“รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง”
เพราะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับนี้..อันจะนำไปสู่การฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560..ได้กำหนดให้การยกร่างรัฐธรรมนูญ..จัดทำโดยบุคคลซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน..ทั้งในรูปแบบคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ..และ สสร.
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม..ด่านสุดท้ายคือประชาชน..ที่จะต้องออกเสียงลงประชามติว่า..จะยอมให้“โจรการเมือง”ฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญฉบับนี้หรือไม่..และมิหนำซ้ำยังจะใช้เงินภาษีอากรของชาวบ้านอีกนับหมื่นล้านบาทมาล้างผลาญเพื่อการนี้อีกด้วย
บรรทัดนี้คงต้องถามใจประชาชน 16.82 ล้านเสียง..ซึ่งเป็นผู้สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับนี้..ว่าจะยอม“สส.500”จำพวกหรือไม่ ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี