“สถาบันในสังคมไทยทุกสถาบันล้วนล้าหลังเน่าเฟะเกินกว่าจะกอบกู้หรือเยียวยาได้ แม้ปฏิวัติแล้วก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ไม่สามารถจะสร้างสถาบันใหม่ๆ ที่ตอบสนองแก่โลกยุคใหม่ได้” ผมอ่านข้อความเสียดสีทำนองนี้ในเฟซบุ๊ก และคอมเมนต์นับร้อยที่เห็นด้วยกับข้อความนี้
ผมเข้าใจ “ความฝัน” ของพวกเขาดีเพราะความฝันที่จะสร้างสังคมใหม่แบบโลกสวยนั้นมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่แล้วคนหนุ่มสาวยุคนั้นครึ่งค่อนโลกต่างก็ฝันอย่างเดียวกัน เมื่อลัทธิคอมมิวนิสต์ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก
ความฝันของพวกเขาคือ สร้างสังคมใหม่แทนสังคมเก่าที่เห็นว่าผุพังเน่าเปื่อย สังคมที่มีแต่ความเหลื่อมล้ำอยุติธรรม ไม่เท่าเทียม พวกศักดินากดขี่ราษฎร เอาเรื่องกรรมและผลของกรรมมอมเมาประชาชน ศาสนาจึงเป็นยาเสพติดส่วนคนรวยก็เอาเปรียบคนจน นายทุนขูดรีดกรรมกร ด้วยการกินแรงงานหรือ “มูลค่าส่วนเกิน” ตามทฤษฎีของคาร์ลมาร์กซ์ ดังนั้น พวกเขาจึงฝันจะสร้างสังคมใหม่ที่ไม่มีชนชั้น ไม่มีพวกศักดินา ไม่มีพวกนายทุน ทุกคนมีกินมีใช้และดำเนินชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน!
จะมีสังคมใหม่แบบนั้นก็ต้องปฏิวัติทำลายสังคมเก่าให้สิ้นซาก แล้วสร้างสังคมใหม่ขึ้นมาแทน “อำนาจไม่ได้มาด้วยการร้องขอ แต่ได้มาด้วยกระบอกปืน”
ทั่วโลกก็ปฏิวัติกันไป เข่นฆ่าทำลายล้างกันไป เพื่อความเป็นธรรมเท่าเทียม!หนุ่มสาวไทยและพคท.ก็อยากปฏิวัติเช่นกันพวกเขายึดถือสังคมนิยมแบบสหภาพโซเวียตกับจีนเป็น “คัมภีร์แห่งภาพฝันและแนวทางการต่อสู้” ซึ่งต่อมาก็แตกเป็น 2 สายหลัก คือ “สายโซเวียตและสายจีน” แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการพังทลายของพคท. อันเกิดจาก “สนิมเกิดแต่เนื้อในตน” และการเปิดโอกาสของรัฐบาลให้ “คนป่าคืนเมือง” ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523
สหภาพโซเวียตกับจีนก็แตกแยกกันมาก่อน เพราะอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน แม้จะมาจากลัทธิมาร์กซ์เหมือนกัน ซึ่งมันบอกว่า แต่ละประเทศ แต่ละสังคม แต่ละวัฒนธรรม แต่ละสิ่งแวดล้อมนั้น “ฐานความคิด” ย่อมแตกต่างกัน
ตัวชี้ขาดก็คือสันดานของคนที่ครองอำนาจสูงสุดว่าเป็นอย่างไร
กระนั้นทั้งสหภาพโซเวียตและจีนก็เดินตามแนวทางสังคมนิยม(คอมมิวนิสต์) ต่อไปไม่ไหว เพราะประชาชนลำบากยากแค้นและต่อต้านอำนาจรวมศูนย์ของรัฐอยู่เงียบๆ ด้วยการทำงานของรัฐทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอย่างอ่อนแรง เพราะไม่มีกำลังใจ ผลผลิตจึงไม่เพียงพอ ซ้ำรัฐก็เก็บเอาผลิตผลไปเกือบสิ้น เหลือไว้ให้ประชาชนพอยาไส้ และอีกสารพันปัญหา เสียงต่อต้านก็ดังมากขึ้น
“ระบอบที่ฝืนธรรมชาติของมนุษย์จึงกัดกินตัวมันเอง” สุดท้ายก็ไปไม่รอด ทั้งสหภาพโซเวียตทั้งจีนต่างก็ปฏิวัติเปลี่ยนระบอบการปกครองอีกครั้ง มาเป็นระบอบทุนนิยมหรือตลาดเสรีอย่างทุกวันนี้ แต่ทั้ง 2 ประเทศก็แตกต่างกัน
การพังทลายของลัทธิสังคมนิยม(คอมมิวนิสต์)ทุกประเทศทั่วโลก ก็คือการพังทลายของ “ความฝัน” ของนักปฏิวัติ(ที่เหลืออยู่อย่างเกาหลีเหนือก็เป็นระบอบเผด็จการโดยการสืบตระกูล)
แต่ในเมืองไทยยังไม่เคยได้ “ซาบซึ้งจนสยอง” กับการทำความฝันให้เป็นจริงอย่างประเทศอื่นๆ ในปัจจุบันจึงมีคนเก่าแก่ทั้งที่ออกจากป่าและอยู่ในเมือง ยังฝันที่จะให้สังคมไทยเป็นอย่างนั้น ขณะเดียวกันก็มีคนรุ่นใหม่ๆ ทั้งหนุ่มสาวกระทั่งเด็กมัธยมบางส่วนก็ฝันกันอยู่ทุกวันนี้ โดยมี “พรรคส้ม”เป็นศูนย์กลางที่จะปฏิบัติการความฝันให้เป็นจริง
แต่เป็นจริงแบบไหนอย่างไรก็ไม่มีใครทราบแน่ชัด เพราะเจ้าของพรรคจากที่เคยเป็นทายาทมหาเศรษฐี ตอนนี้เป็นมหาเศรษฐีเองแล้ว ผมทราบแค่ว่าเขาต้องการเปลี่ยนประเทศไทยเป็น “สาธารณรัฐ”ไม่ใช่ “ราชอาณาจักร” อย่างในปัจจุบัน
เมื่อเป็นสาธารณรัฐก็ย่อมต้องสร้าง “สถาบันต่างๆ ใหม่” และทำลายสถาบันเก่าๆ ที่พวกเขาเห็นว่าผุพังเน่าเฟะเกินจะกอบกู้และเยียวยาได้ อย่างที่ประเทศสังคมนิยม(คอมมิวนิสต์)ในศตวรรษที่แล้วเคยกระทำกัน...และเจ๊ง! จนต้องหันมารื้อฟื้นสถาบันเก่าแก่ของตน ซึ่งส่วนมากก็เป็น “สถาบันทางวัฒนธรรม” (ขนบ ธรรมเนียม ประเพณี ศาสนา ปรัชญา) เช่นจีนสนับสนุนสถาบันขงจื๊อให้เผยแพร่คำสอน เปิดโอกาสให้ประชาชนนับถือศาสนาอย่างพระพุทธศาสนา (ที่แต่ก่อนเคยก่นประณามว่า “เป็นยาเสพติด มอมเมาประชาชน”)
ระบบเศรษฐกิจก็เปลี่ยนเป็นทุนนิยมหรือตลาดเสรี (ที่เคยก่นประณามว่า “กดขี่ ขูดรีด กินแรงแบ่งชนชั้น”) แต่จีนยังมีพรรคคอมมิวนิสต์ควบคุมอยู่ ส่วนสถาบันกษัตริย์ทั้ง 2 ประเทศนั้นไม่มีวันหวนคืนไปอีกนาน
การปฏิวัติในสมัยนี้ยากมาก แต่ที่ยากกว่าคือการสร้างสถาบันต่างๆ ขึ้นใหม่ แม้จะปฏิวัติสำเร็จแล้วก็ไม่มีประเทศไหนสร้างสถาบันทางวัฒนธรรมใหม่ได้สำเร็จ เพราะมันไม่ใช่ ทราย อิฐ หิน ดิน ปูน และชื่อเท่ๆ ของสถาบันใหม่นั้น แต่มันเป็นเรื่องของ “จิตวิญญาณมนุษย์”
“ขบวนการส้ม” ที่อยากปฏิวัติประเทศเป็นสาธารณรัฐและสร้างสถาบันใหม่ๆ ต้องกลับไปศึกษาประเทศที่เคยปฏิวัติมาแล้ว ว่าคุ้มและเป็นไปได้ไหม จะได้ไม่ต้องเข่นฆ่าทำลายล้างกันโดยเปล่าประโยชน์
ส่วนผมเชื่อการปฏิรูปมากกว่า เพราะปฏิวัติแล้วก็ต้องปฏิรูปอยู่ดี!
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี