วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
“สถาบันในสังคมไทยทุกสถาบันล้วนล้าหลังเน่าเฟะเกินกว่าจะกอบกู้หรือเยียวยาได้ แม้ปฏิวัติแล้วก็แก้ไขอะไรไม่ได้ ไม่สามารถจะสร้างสถาบันใหม่ๆ ที่ตอบสนองแก่โลกยุคใหม่ได้” ผมอ่านข้อความเสียดสีทำนองนี้ในเฟซบุ๊ก และคอมเมนต์นับร้อยที่เห็นด้วยกับข้อความนี้
ผมเข้าใจ “ความฝัน” ของพวกเขาดีเพราะความฝันที่จะสร้างสังคมใหม่แบบโลกสวยนั้นมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่แล้วคนหนุ่มสาวยุคนั้นครึ่งค่อนโลกต่างก็ฝันอย่างเดียวกัน เมื่อลัทธิคอมมิวนิสต์ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก
ความฝันของพวกเขาคือ สร้างสังคมใหม่แทนสังคมเก่าที่เห็นว่าผุพังเน่าเปื่อย สังคมที่มีแต่ความเหลื่อมล้ำอยุติธรรม ไม่เท่าเทียม พวกศักดินากดขี่ราษฎร เอาเรื่องกรรมและผลของกรรมมอมเมาประชาชน ศาสนาจึงเป็นยาเสพติดส่วนคนรวยก็เอาเปรียบคนจน นายทุนขูดรีดกรรมกร ด้วยการกินแรงงานหรือ “มูลค่าส่วนเกิน” ตามทฤษฎีของคาร์ลมาร์กซ์ ดังนั้น พวกเขาจึงฝันจะสร้างสังคมใหม่ที่ไม่มีชนชั้น ไม่มีพวกศักดินา ไม่มีพวกนายทุน ทุกคนมีกินมีใช้และดำเนินชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน!
จะมีสังคมใหม่แบบนั้นก็ต้องปฏิวัติทำลายสังคมเก่าให้สิ้นซาก แล้วสร้างสังคมใหม่ขึ้นมาแทน “อำนาจไม่ได้มาด้วยการร้องขอ แต่ได้มาด้วยกระบอกปืน”
ทั่วโลกก็ปฏิวัติกันไป เข่นฆ่าทำลายล้างกันไป เพื่อความเป็นธรรมเท่าเทียม!หนุ่มสาวไทยและพคท.ก็อยากปฏิวัติเช่นกันพวกเขายึดถือสังคมนิยมแบบสหภาพโซเวียตกับจีนเป็น “คัมภีร์แห่งภาพฝันและแนวทางการต่อสู้” ซึ่งต่อมาก็แตกเป็น 2 สายหลัก คือ “สายโซเวียตและสายจีน” แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการพังทลายของพคท. อันเกิดจาก “สนิมเกิดแต่เนื้อในตน” และการเปิดโอกาสของรัฐบาลให้ “คนป่าคืนเมือง” ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523
สหภาพโซเวียตกับจีนก็แตกแยกกันมาก่อน เพราะอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน แม้จะมาจากลัทธิมาร์กซ์เหมือนกัน ซึ่งมันบอกว่า แต่ละประเทศ แต่ละสังคม แต่ละวัฒนธรรม แต่ละสิ่งแวดล้อมนั้น “ฐานความคิด” ย่อมแตกต่างกัน
ตัวชี้ขาดก็คือสันดานของคนที่ครองอำนาจสูงสุดว่าเป็นอย่างไร
กระนั้นทั้งสหภาพโซเวียตและจีนก็เดินตามแนวทางสังคมนิยม(คอมมิวนิสต์) ต่อไปไม่ไหว เพราะประชาชนลำบากยากแค้นและต่อต้านอำนาจรวมศูนย์ของรัฐอยู่เงียบๆ ด้วยการทำงานของรัฐทั้งภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอย่างอ่อนแรง เพราะไม่มีกำลังใจ ผลผลิตจึงไม่เพียงพอ ซ้ำรัฐก็เก็บเอาผลิตผลไปเกือบสิ้น เหลือไว้ให้ประชาชนพอยาไส้ และอีกสารพันปัญหา เสียงต่อต้านก็ดังมากขึ้น
“ระบอบที่ฝืนธรรมชาติของมนุษย์จึงกัดกินตัวมันเอง” สุดท้ายก็ไปไม่รอด ทั้งสหภาพโซเวียตทั้งจีนต่างก็ปฏิวัติเปลี่ยนระบอบการปกครองอีกครั้ง มาเป็นระบอบทุนนิยมหรือตลาดเสรีอย่างทุกวันนี้ แต่ทั้ง 2 ประเทศก็แตกต่างกัน
การพังทลายของลัทธิสังคมนิยม(คอมมิวนิสต์)ทุกประเทศทั่วโลก ก็คือการพังทลายของ “ความฝัน” ของนักปฏิวัติ(ที่เหลืออยู่อย่างเกาหลีเหนือก็เป็นระบอบเผด็จการโดยการสืบตระกูล)
แต่ในเมืองไทยยังไม่เคยได้ “ซาบซึ้งจนสยอง” กับการทำความฝันให้เป็นจริงอย่างประเทศอื่นๆ ในปัจจุบันจึงมีคนเก่าแก่ทั้งที่ออกจากป่าและอยู่ในเมือง ยังฝันที่จะให้สังคมไทยเป็นอย่างนั้น ขณะเดียวกันก็มีคนรุ่นใหม่ๆ ทั้งหนุ่มสาวกระทั่งเด็กมัธยมบางส่วนก็ฝันกันอยู่ทุกวันนี้ โดยมี “พรรคส้ม”เป็นศูนย์กลางที่จะปฏิบัติการความฝันให้เป็นจริง
แต่เป็นจริงแบบไหนอย่างไรก็ไม่มีใครทราบแน่ชัด เพราะเจ้าของพรรคจากที่เคยเป็นทายาทมหาเศรษฐี ตอนนี้เป็นมหาเศรษฐีเองแล้ว ผมทราบแค่ว่าเขาต้องการเปลี่ยนประเทศไทยเป็น “สาธารณรัฐ”ไม่ใช่ “ราชอาณาจักร” อย่างในปัจจุบัน
เมื่อเป็นสาธารณรัฐก็ย่อมต้องสร้าง “สถาบันต่างๆ ใหม่” และทำลายสถาบันเก่าๆ ที่พวกเขาเห็นว่าผุพังเน่าเฟะเกินจะกอบกู้และเยียวยาได้ อย่างที่ประเทศสังคมนิยม(คอมมิวนิสต์)ในศตวรรษที่แล้วเคยกระทำกัน...และเจ๊ง! จนต้องหันมารื้อฟื้นสถาบันเก่าแก่ของตน ซึ่งส่วนมากก็เป็น “สถาบันทางวัฒนธรรม” (ขนบ ธรรมเนียม ประเพณี ศาสนา ปรัชญา) เช่นจีนสนับสนุนสถาบันขงจื๊อให้เผยแพร่คำสอน เปิดโอกาสให้ประชาชนนับถือศาสนาอย่างพระพุทธศาสนา (ที่แต่ก่อนเคยก่นประณามว่า “เป็นยาเสพติด มอมเมาประชาชน”)
ระบบเศรษฐกิจก็เปลี่ยนเป็นทุนนิยมหรือตลาดเสรี (ที่เคยก่นประณามว่า “กดขี่ ขูดรีด กินแรงแบ่งชนชั้น”) แต่จีนยังมีพรรคคอมมิวนิสต์ควบคุมอยู่ ส่วนสถาบันกษัตริย์ทั้ง 2 ประเทศนั้นไม่มีวันหวนคืนไปอีกนาน
การปฏิวัติในสมัยนี้ยากมาก แต่ที่ยากกว่าคือการสร้างสถาบันต่างๆ ขึ้นใหม่ แม้จะปฏิวัติสำเร็จแล้วก็ไม่มีประเทศไหนสร้างสถาบันทางวัฒนธรรมใหม่ได้สำเร็จ เพราะมันไม่ใช่ ทราย อิฐ หิน ดิน ปูน และชื่อเท่ๆ ของสถาบันใหม่นั้น แต่มันเป็นเรื่องของ “จิตวิญญาณมนุษย์”
“ขบวนการส้ม” ที่อยากปฏิวัติประเทศเป็นสาธารณรัฐและสร้างสถาบันใหม่ๆ ต้องกลับไปศึกษาประเทศที่เคยปฏิวัติมาแล้ว ว่าคุ้มและเป็นไปได้ไหม จะได้ไม่ต้องเข่นฆ่าทำลายล้างกันโดยเปล่าประโยชน์
ส่วนผมเชื่อการปฏิรูปมากกว่า เพราะปฏิวัติแล้วก็ต้องปฏิรูปอยู่ดี!
วิมล ไทรนิ่มนวล

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี