วันจันทร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ผมคิดว่าหลายคนคงเอียนคำว่า“ประชาธิปไตย” กับคำว่า “ประชาชน”มาก เพราะใช้กันพร่ำเพรื่อและบิดเบือนจนมั่ว ต่างก็ใช้เพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายตนทั้งนั้น ส่วนมากก็เป็นนักการเมือง สื่อส้มและนักวิชาการ ตามมาด้วยลิ่วล้อกองอวยที่คอยเลียน้ำลายมาพ่นต่ออย่างผู้ทรงภูมิรู้
พวกนักการเมือง สื่อส้ม และทั้งนักวิชาการได้ยึดเอาคำว่าประชาธิปไตยไว้เป็นของฝ่ายตนนานแล้ว ตั้งแต่ยุคเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง ต่อมาก็เสื้อส้มตั้งแต่กำเนิดพรรคอนาคตใหม่
พร้อมกันนั้นก็ผลักอีกฝ่ายว่าเป็นเผด็จการ
และพูดย้ำเรื่อยมาอีกว่าฝ่ายเผด็จการก็คือฝ่ายอนุรักษนิยม!
เมื่อคืนผมฟังสื่อส้มสัมภาษณ์นักวิชาการคนหนึ่งแห่งมหาวิทยาลัยนเรศวร (ซึ่งก็เป็นรังใหญ่ของเสื้อส้มอีกรังหนึ่ง) ก็พูดย้ำอย่างที่กล่าวมา และเป็นที่มาของบทความนี้ของผม
นักวิชาการส้มคนนั้นพูดถึงพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยแค่ 2 พรรค คือพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน ส่วนนอกนั้นเป็นพรรคฝ่ายอนุรักษนิยม ไม่เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งก็คือเป็นพรรคฝ่ายเผด็จการ
ผมก็เถียงในใจว่าเขาเอาอะไรมาชี้วัดว่าพรรคไหนเป็นประชาธิปไตย พรรคไหนไม่เป็น ในเมื่อทุกพรรคก็อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน ผ่านการเลือกตั้งพร้อมกัน ใช้กฎกติกาเดียวกัน และประชาชนเป็นผู้เลือกเหมือนกัน
การพูดอย่างนั้นคือการยึดครองความเป็นประชาธิปไตยและความชอบธรรมเป็นของฝ่ายตน เหมือนกับว่าโลกนี้มีประชาธิปไตยที่เที่ยงแท้หนึ่งเดียว คือประชาธิปไตยของฝ่ายตน!
แต่ประชาธิปไตยที่เที่ยงแท้มีจริงหรือ?
อังกฤษ อเมริกา แม้แต่จีนและเกาหลีเหนือ ที่มีระบอบการปกครองแตกต่างกันก็ประกาศเสมอมาว่าประเทศของตนเป็นประชาธิปไตย และมีรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก
และรัฐธรรมนูญแต่ละประเทศ...อย่างจีนและเกาหลีเหนือก็ไม่ได้มาจากประชาชน อย่างที่พรรคการเมืองในประเทศไทยกำลังหาเรื่องจะแก้หรือสร้างใหม่ ด้วยข้ออ้างว่าฉบับเก่าไม่ได้
มาจากประชาชน ไม่ยึดโยงกับประชาชน
แต่กลับยอมรับว่ารัฐธรรมนูญของประเทศเหล่านั้นว่าเป็นประชาธิปไตย ด้วยข้ออ้างว่า “ตามแบบของเขา” ถึงขนาดนักการเมืองพรรคเพื่อไทยหลายคนไปเกาหลีเหนือแล้วกลับมาอวยสารพัดไม่เชื่อถาม อดิศร เพียงเกษ ได้
แต่ในเมืองไทยกลับยอมไม่ได้ที่จะใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่แม้ร่างโดยคนกลุ่มเดียว แต่ก็ให้ประชาชนลงมติ
ทั้งหมดนี้ยืนยันได้ว่ารัฐธรรมนูญนั้นไม่ได้มี “แบบเดียว-อย่างเดียว”ที่เป็นมาตรฐานตัดสินว่าเป็นประชาธิปไตยที่เที่ยงแท้หรือไม่เที่ยงแท้
ผมว่านักการเมืองในประเทศไทยส่วนมากรู้ แต่ที่ต้องแก้หรือสร้างใหม่นั้นเป็นเรื่อง “การแย่งชิงอำนาจประเทศ” กับเรื่องมาตราต่างๆ ที่คอยควบคุมนักการเมืองไม่ให้ประพฤติชั่ว ตั้งแต่เรื่องจริยธรรม เรื่องโกงและขายชาติ และการลงโทษที่รุนแรง ซึ่งทำให้พวกเขาประณามรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้ในปัจจุบันว่าเป็นฉบับเผด็จการ ไม่เป็นประชาธิปไตย ทำให้นักการเมืองขาดอิสระและอ่อนแอ เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย
แล้วรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยของฝ่ายเขาเป็นอย่างไร?
ก็เป็นอย่างที่พรรคส้มออกมาประกาศว่าต้องแก้มาตรา 1 และ 2 และแก้มาตรา 112 ซึ่งเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์และอีกหลายมาตรา โดยเฉพาะมาตราที่เกี่ยวกับความมั่นคง
ทั้งหมดก็เพื่อวางยาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อ่อนแอลง โดยจะถูกจัดวางให้พ้นไปจากความเกี่ยวข้องกับการเมือง-การปกครอง คือไม่ได้เป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยผ่านฝ่ายบริหาร ผ่านฝ่ายนิติบัญญัติ และผ่านฝ่ายตุลาการอย่างในปัจจุบันอีกต่อไป
เป็นการ “เนรเทศ” สถาบันพระมหากษัตริย์ออกไปทำหน้าที่ด้านวัฒนธรรมอย่างเดียว ซึ่งมีเป้าหมายอยู่แล้วก็คือเปลี่ยน “ราชอาณาจักรเป็นสาธารณรัฐ”
“ประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐ” (ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์) นั้นเองคือความเป็นประชาธิปไตยที่เที่ยงแท้ของฝ่ายเขา
วิมล ไทรนิ่มนวล

ทาสยาฉายเดี่ยว! ฉกเงินศูนย์บริการโทรศัพท์ค่ายดัง ตร.ตามรวบทันควันพร้อมของกลาง
อดีตนายกฯสิงคโปร์ วางพวงมาลา ถวายสักการะ ‘สมเด็จพระพันปีหลวง‘
‘ลาดกระบัง’อ่วม! ฝนถล่มหนัก ‘แยกกิ่งแก้ว’น้ำสูง 25 ซม.-‘คลองประเวศบุรีรมย์’ใกล้ระดับวิกฤต
‘ผู้การนนท์’ร่วมฝ่ายปกครอง ลุยตรวจความแข็งแรง‘โป๊ะ’ พร้อมรับ‘ลอยกระทง’ 5 พ.ย.
ทะเลลุกเป็นไฟ! 'กระแต อาร์สยาม'อวดหุ่นแซ่บสะท้านในชุดบิกินี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี