วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / อ่านระหว่างบรรทัด
อ่านระหว่างบรรทัด

อ่านระหว่างบรรทัด

สันติสุข มะโรงศรี
วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.
ไทยยืนหยัด ในสงครามล่าเมืองขึ้น ด้วย Reciprocal Tariffs

ดูทั้งหมด

  •  

ประเด็นวิเทโศบายไทย ในสงครามการค้าของสหรัฐ ที่พยายามหาผลประโยชน์และสร้างอำนาจในภูมิรัฐศาสตร์โลก เป็นเรื่องท้าทายสำหรับประเทศไทยที่อยู่กลางเขาควาย

1. สหรัฐอเมริกาใช้มาตรการตั้งกำแพงภาษี ReciprocalTariffs กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าสำหรับประเทศต่างๆ ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ


โดยอ้างว่าเพื่อปรับแก้การเสียเปรียบดุลการค้าประเทศต่างๆที่เอาเปรียบสหรัฐมายาวนาน

สหรัฐพยายามบีบให้ประเทศต่างๆ ต้องไปเจรจา อย่างที่ทรัมป์เคยใช้คำพูดว่า “มาจูบก้นผม”

สหรัฐมีเงื่อนไขกึ่งบังคับให้ประเทศต่างๆ ต้องซื้อสินค้าของสหรัฐอเมริกา และต้องเปิดประตูการค้าการลงทุนให้สหรัฐโดยสะดวก เช่น ต้องซื้อสินค้าการเกษตรสหรัฐ ต้องซื้อเครื่องบินสหรัฐ ฯลฯ

แล้วประเทศไหนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน หรือคู่ปรปักษ์ของสหรัฐ ไม่ทำตัวเป็นเด็กดีของสหรัฐ สหรัฐก็กำหนดกำแพงภาษีสูงๆ เล่นงาน เช่น ลาว เมียนมา อินเดีย รัสเซีย แอฟริกาใต้ ฯลฯ

2. กรณีสหรัฐ ไทย กัมพูชา

หลังจากที่ไทยถูกกัมพูชาลอบกัด ลอบวางระเบิดใหม่ในแนวลาดตระเวนของทหารไทย จนทหารไทยขาขาดไปอีกหนึ่งคน นายกฯอนุทินประกาศระงับการดำเนินการตามปฏิญญาสันติภาพที่ลงนามต่อหน้าทรัมป์ทันที เพราะฝ่ายเขมรละเมิดข้อตกลง และได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปยัง ปธน.ทรัมป์

กรณีนี้ สหรัฐอเมริกาแบ่งบทบาทกันเล่น เริ่มจากให้ผู้แทนการค้าสหรัฐแจ้งระงับเจรจาภาษีการค้ากับไทย พอไทยเรายืนหยัดระงับการดำเนินการตามปฏิญญาสันติภาพ เพราะฝ่ายกัมพูชาละเมิดก่อนไม่จริงใจ นายกฯไทยแสดงท่าทีแข็งกลับไป จากนั้น สหรัฐค่อยบอกผ่านนายกฯอันวาร์ว่าสหรัฐไม่เอาการเจรจาภาษีมาเกี่ยวข้องด้วย

พูดง่ายๆ สหรัฐต้องการให้ทรัมป์เล่นบทพระเอก ก็ให้ลูกน้องตบก่อน กระทืบไทยก่อน โดยผู้แทนการค้าสหรัฐแจ้งระงับการเจรจาก่อน พอลูกน้องตบ ลูกพี่ค่อยอ้าแขนรอสวมกอดถ้า
สมประโยชน์

แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มันพิสูจน์ความยืนหยัดมั่นคงของนายกฯไทย ว่ายืนยันรักษาอธิปไตยในการดำเนินนโยบายต่อกัมพูชา โดยพูดสื่อสารตรงๆ กับปธน.ทรัมป์ ไม่ใช่หมอบราบคาบแก้ว
น่าชื่นชมอย่างยิ่ง

ลำดับเรื่องราว ดังนี้

2.1 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยได้รับการแจ้งจากรองผู้แทนการค้าของสหรัฐ ว่า สหรัฐ ขอระงับการเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทย - สหรัฐ เป็นการชั่วคราว และจะกลับมาเจรจาความตกลงดังกล่าวอีกครั้ง เมื่อฝ่ายไทยให้คำมั่นว่า จะปฏิบัติตาม Joint Declaration (ปฏิบัติตามปฏิญญา สันติภาพไทย- กัมพูชา) และหวังว่าจะหาทางออกเรื่องนี้ได้โดยเร็ว

นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า ไทยมีความผิดหวังในท่าทีจากผู้แทนการค้าสหรัฐ โดยไทยได้ยืนยันมาโดยตลอดว่า เรื่องความมั่นคงฯและความปลอดภัย โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นทวิภาคี ระหว่างไทยกับกัมพูชา ต้องแยกออกจากประเด็นการค้า ซึ่งก็เป็นประเด็นทวิภาคีที่เป็นผลประโยชน์ร่วมของไทยกับสหรัฐ

จดหมายจากผู้แทนการค้าสหรัฐที่ระบุเรื่องการหยุดเจรจากับไทยได้ถูกพิมพ์ขึ้นก่อนที่นายกฯอนุทินจะได้คุยโทรศัพท์กับท่านประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน

2.2 นายกฯไทย พูดตรงๆ กับประธานาธิบดีทรัมป์ ปกป้องอธิปไตย ผลประโยชน์ และศักดิ์ศรีประเทศชาติ

นายกฯ อนุทิน ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เปิดเผยข่าวสารสำคัญ ระบุว่า

“เมื่อคืนนี้ (ค่ำวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน) ผมได้รับโทรศัพท์จากนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมแห่งมาเลเซีย และประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทั้งสองท่านได้พูดคุยหารือกับผมเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลไทยยังคงดำรงเป้าหมายการสร้างสันติภาพตามแนวทางที่ได้ลงนามในปฏิญญาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ต่อไป และผมก็ได้แสดงจุดยืนของรัฐบาลไทย ซึ่งพอสรุปใจความสำคัญได้ดังนี้

1. ผมได้ขอบคุณทุกคำแนะนำ และรับฟังความเห็นของผู้นำทั้งสองท่าน ในฐานะที่เป็นพยานในปฏิญญาดังกล่าว เพื่อนำมาพิจารณาร่วมกันกับข้อมูลที่หน่วยงานความมั่นคงของไทยมีอยู่ในการไปดำเนินการกำหนดแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมจากการเกิดเหตุการณ์ที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดและละเมิดเงื่อนไขที่ระบุไว้ในปฏิญญา

2. ผมได้แจ้งให้พยานทั้งสองท่านทราบว่า ผู้ร่วมสังเกตการณ์จากหลายประเทศได้เข้าไปทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ได้ยืนยันว่า ทุ่นระเบิดทั้งสี่ทุ่นเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่มีการลักลอบเข้ามาวางในเขตพื้นที่ของไทย หลังจากที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามในปฏิญญาที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 แล้ว

3. ผมได้ยืนยันว่า รัฐบาลไทยจะระงับการดำเนินการภายใต้เนื้อหาที่ระบุไว้ในปฏิญญา จนกว่ากัมพูชาจะยอมรับว่าตนมิได้ปฏิบัติตามและได้ละเมิดเงื่อนไขดังกล่าว และต้องมีคำแถลงขอโทษต่อประชาชนชาวไทยในกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ภูมะเขือ ซึ่งได้ทำให้ทหารของไทยได้รับบาดเจ็บและสูญเสียอวัยวะ

4. ผมได้ย้ำว่า รัฐบาลไทยทรงไว้ซึ่งสิทธิและมีอำนาจที่จะดำเนินการใดๆ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศและสร้างความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆที่พึงจะกระทำเพื่อปกป้องประเทศและประชาชนให้พ้นจากภัยคุกคามของต่างชาติ

5. ผมได้เรียกร้องให้ผู้นำของทั้งสองประเทศ ในฐานะที่เป็นสักขีพยานในปฏิญญาดังกล่าว ให้ทำการแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาให้เคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด และมีความจริงใจต่อประเทศทั้งสี่ที่ได้ร่วมกันลงนามในปฏิญญาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ และได้ขอให้ผู้นำทั้งสองเน้นย้ำต่อผู้นำรัฐบาลกัมพูชาว่า จะต้องไม่มีการขัดขวางใดๆของฝ่ายกัมพูชาต่อการเข้าไปเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกองทัพไทยเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งได้มีการกำหนดพิกัดและพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

6. ผมได้แจ้งต่อท่าน ปธน. สหรัฐและนายกรัฐมนตรีมาเลเซียว่าการที่กัมพูชาไม่เคารพต่อปฏิญญาและไม่ยอมรับผิดต่อเหตุการณ์ที่ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและต้องสูญเสียอวัยวะในครั้งนี้ จะทำให้ประชาชนชาวไทยหมดความมั่นใจและความเชื่อถือต่อรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งจะยังผลให้การดำเนินการที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพมีความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง

7. ผมได้ยืนยันว่า รัฐบาลไทยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทุกชาติ เพื่อเสริมสร้างสันติภาพในภูมิภาคอาเซียน แต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยก็ไม่ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อไปกับเพื่อนบ้านที่ไม่มีความจริงใจและคอยคุกคามอธิปไตยของไทยอยู่ตลอดเวลา

8. ผู้นำทั้งสองท่านได้รับทราบจากผมว่ารัฐบาลไทยและพี่น้องประชาชนชาวไทยมีความเสียใจและผิดหวังต่อเหตุร้ายแรงที่ได้เกิดขึ้น เพราะว่าในอดีตที่ผ่านมาประเทศไทยก็เคยให้ความช่วยเหลือ ให้ที่พักพิงแก่ผู้อพยพหนีภัยสงครามชาวกัมพูชาด้วยความปรารถนาดีและด้วยความมีมนุษยธรรม จึงไม่คาดคิดว่ารัฐบาลกัมพูชาจะกระทำตนเป็นปฏิปักษ์และเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทยและยังได้ทำร้ายคนไทยได้ถึงระดับนี้

9. ผมได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยไม่เคยมีเจตนารุกรานกัมพูชา แต่มีความพร้อมที่จะดำเนินการตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติ และเพื่อสร้างความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยในทุกวิถีทาง

10. ประธานาธิบดีสหรัฐได้ถามผมว่าเรื่องการเจรจาทางการค้าระหว่างไทยและสหรัฐ มีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่งผมได้เรียนท่านไปว่าอยากจะขอให้ท่านได้ลดอัตราภาษีให้กับประเทศไทยมากกว่านี้ ซึ่งท่านได้ตอบมาอย่างอารมณ์ดีว่า ในอัตรา 19% ที่ไทยได้รับ ถือว่าต่ำมากนะผมก็ได้พูดกับท่านว่า หากต่ำจริงผมคงไม่เดินไปขอท่านที่เกาหลีใต้ให้ลดลงอีก เพราะประเทศไทยก็ได้ให้ความร่วมมือในทุกๆ ด้านกับสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างดี ขอให้ท่านได้ให้หน้าผมบ้าง ท่านได้ตอบกลับมาว่า ท่านจะไปคุยกับทางกัมพูชาซึ่งหากกัมพูชาไม่ขัดขวางการถอนทุ่นระเบิดของไทย แล้วฝ่ายไทยสามารถดำเนินการเร่งถอนทุ่นระเบิดได้อย่างรวดเร็ว ประธานาธิบดีสหรัฐจะพิจารณาให้มีการปรับลดภาษีให้มากกว่านี้ ท่านพูดกลับมาในท่วงทำนองเท่าที่ผมจำได้ว่า “If you do the demining works quickly, I’ll consider chopping more percentage for you.” อาจจะไม่ตรงทุกคำศัพท์ แต่ก็อยู่ในโทนนี้ครับ

11. ท่านนายกรัฐมนตรีมาเลเซียก็บอกว่าจะเร่งทำเอกสารในนามประธาน ASEAN เพื่อย้ำความเข้าใจและให้ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในปฏิญญาอย่างเคร่งครัดต่อไป

ก่อนวางสาย ทั้งประธานาธิบดีสหรัฐและนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้ขอให้ผมส่งความปรารถนาดีมายังพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ซึ่งผมได้กล่าวขอบคุณทั้งสองท่านไปในขณะเดียวกัน

ผมกราบขออภัยพี่น้องประชาชนที่อาจจะส่งข้อความนี้ล่าช้าไปเล็กน้อย เนื่องจากกำลังปฏิบัติภารกิจที่สำคัญยิ่งที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน

#ไทยนี้รักสงบ

#แต่ถึงรบไม่ขลาด”

2.3 หลังจากนั้น ปรากฏเสียงชื่นชมในการยืนหยัดของนายกฯ อนุทิน สนับสนุนการปกป้องอธิปไตยของชาติ

ประชาชนบางส่วน เรียกร้องถึงขนาดให้ตอบโต้ทางการค้าการลงทุนกับสหรัฐบ้าง เช่น ยกเลิกเอ็มโอยูแรร์เอิร์ธ ยกเลิกการซื้อเครื่องบินสหรัฐ ยกเลิกการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐ ฯลฯ

คงมี สส. ฝ่ายค้าน ที่เรียกร้องให้ไทยแสดงท่าทีต่อสหรัฐแบบเด็กดี และเย้ยหยันว่าการยืนหยัดจุดยืนตามแนวทางของนายกฯอนุทิน เป็นเรื่องผิดพลาดเสียหาย

2.4 ล่าสุด นายกฯ อนุทิน อัปเดตข่าวสารท่าทีของสหรัฐอีกครั้ง บนเฟซบุ๊ก ระบุว่า

“....นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมแห่งมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานของ ASEAN ด้วย ได้โทรศัพท์มาหาผมอีกครั้งเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (15/11/2025)

ในเนื้อหาของการสนทนา ท่านได้แจ้งยืนยันกับผมว่า ท่านได้หารือกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้พูดคุยกับผมแล้วก่อนหน้านี้

ท่านประธานาธิบดีทรัมป์มีความเห็นตรงกันกับจุดยืนของผมว่า การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม หรือ Humanitarian deminingเป็นประเด็นที่สำคัญยิ่งในปฏิญญาที่ไทยและกัมพูชาได้ลงนามร่วมกัน ท่านจึงได้ขอให้รัฐบาลไทยเร่งดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้เร็วที่สุด เพราะมีความเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อชีวิตคนของทั้งสองประเทศ และประธานาธิบดีทรัมป์ได้ยืนยันฝากนายกรัฐมนตรีอันวาร์ให้มาแจ้งผมอีกครั้งว่า

“สหรัฐอเมริกาจะไม่นำประเด็นการระงับปฏิญญาของไทยมาเกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีการค้าระหว่างไทยและสหรัฐที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้”

ผมยังได้ถามท่านนายกฯอันวาร์ว่า ผมสามารถโพสต์ข้อความนี้ได้หรือไม่ ท่านตอบว่า โพสต์เลยอนุทิน แล้วท่านก็จะโพสต์ยืนยันจากช่องทางการสื่อสารของท่านเช่นกัน

จึงขอกราบเรียนมายังพี่น้องประชาชนที่มีความห่วงใยต่อเรื่องนี้เพื่อให้รับทราบโดยทั่วกันนะครับ

อนึ่ง จดหมายจากผู้แทนการค้าสหรัฐที่ระบุเรื่องการหยุดเจรจากับไทยได้ถูกพิมพ์ขึ้นก่อนที่ผมจะได้คุยโทรศัพท์กับท่านประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายนครับ

ดังนั้น ข้อมูลของผมจึงมีความเป็นปัจจุบันมากกว่าครับ”

3. ไทยมีเอกราช ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด

ท่าทีและแนวทางของนายกฯ อนุทิน ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานครั้งนี้ พิสูจน์ให้เห็นความหนักแน่น กล้าหาญ และแม่นยำในการประเมินอำนาจต่อรองในการเจรจา

ตรงกันข้ามกับพฤติกรรมของ สส. ฝ่ายค้านบางส่วนที่ออกมาตำหนิก่อนหน้านี้

ฝ่ายค้านบางส่วนนั้น ทำราวกับประเทศไทยเป็นเมืองขึ้น ไทยจะทำอะไรต้องแจ้งขอผู้นำสหรัฐ ไทยต้องเป็นเด็กดีของสหรัฐ สหรัฐต้องการอะไรไทยต้องจัดการให้

สะท้อนถึงความอ่อนด้อยทางสติปัญญา และประสบการณ์ในทางปฏิบัติจริง

เหมือนไม่รู้ว่าสหรัฐมีผลประโยชน์ในไทยมากกว่าในกัมพูชาแบบเทียบกันไม่ได้

พูดง่ายๆ ว่า สหรัฐไม่เอาไทยไปแลกกับกัมพูชาแน่นอน

แต่คนพวกนี้ ทำตัวเหมือนเอเย่นต์ของสหรัฐ คอยช่วยทุบ ช่วยตี ช่วยผลักให้ประเทศไทยเป็นลูกไล่ของสหรัฐ แลกกับการได้แสง-ได้รับการลูบหัวเกาคางจากสหรัฐ

4. น่าสังเกตว่า ทั้งหมด เกิดขึ้นในระหว่างที่นายกฯไทย ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีเกียรติยศ ติดตามการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนของในหลวงและพระราชินี ในโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต

สหรัฐเดินหน้ากดดัน หวังบีบบังคับ เอาภาษีการค้าเป็นเครื่องมือกดดันไทย

ส่วนจีน แสดงถึงความเป็นมหามิตร ขอซื้อข้าวไทย 500,000 ตัน ต่อหน้าพระพักตร์ในหลวง

และไทย-จีน ยังประกาศความร่วมมือในการพัฒนาร่วมกันหลังจากนี้ ตอกย้ำความสัมพันธ์เหนียวแน่น เสมือนหนึ่งคนในครอบครัวเดียวกัน

5. หลังโดนัลด์ ทรัมป์ไป ประเทศไทยก็ยังอยู่

ขณะนี้ เศรษฐกิจภายในสหรัญเริ่มได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์เอง ราคาสินค้าภายในประเทศเริ่มพุ่งสูง

ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าอาหารหลายรายการ ตั้งแต่เนื้อวัว มะเขือเทศ กาแฟ ไปจนถึงกล้วย โดยมาตรการนี้ มีผลย้อนหลังตั้งแต่เที่ยงคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ภาษีทรัมป์ อีกด้านหนึ่ง ได้ซ้ำเติมต้นทุนของผู้บริโภคและผู้ผลิตภายในประเทศสหรัฐอเมริกา

การเมืองในสหรัฐ ขณะนี้ พรรคเดโมแครตคว้าชัยชนะในหลายการเลือกตั้งระดับรัฐและท้องถิ่น ทั้งในเวอร์จิเนีย นิวเจอร์ซีย์ และนครนิวยอร์ก โดยประเด็นเรื่องความสามารถในการจับจ่ายของครัวเรือน เป็นหัวใจสำคัญของการหาเสียง และประชาชนชาวอเมริกันมีความกังวลในเรื่องนี้มาก

ริชาร์ด นีล แกนนำเดโมแครตในคณะกรรมาธิการวิธีและวิถีแห่งสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังดับไฟที่ตนเองก่อขึ้น แล้วอ้างว่าเป็นความก้าวหน้า แต่ตั้งแต่เริ่มบังคับใช้ภาษีนำเข้า อัตราเงินเฟ้อ ก็ปรับตัวสูงขึ้น และภาคการผลิต ก็หดตัวต่อเนื่องหลายเดือน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากสงครามการค้า ที่เริ่มต้นโดยรัฐบาลทรัมป์นั่นเอง

สันติสุข มะโรงศรี

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:03 น. 'รมว.นฤมล'หารือ 2 องค์กรใหญ่ด้านภาษาจีนนานาชาติ กระชับความร่วมมือไทย-จีน
21:16 น. 'ในหลวง-พระราชินี'เสด็จฯทอดพระเนตรศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีและทรัพยากรด้านการศึกษา
20:54 น. เบื้องหลังฉลองพระองค์ 'สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี'
20:10 น. รวบ'หนุ่มอิสราเอล' หนีหมายจับคดีหลอกขายตั๋วผีออนไลน์
20:01 น. ตึงเครียดพุ่ง! จีนแนะประชาชนงดเที่ยวญี่ปุ่น หลัง'ทาคาอิจิ'พูดปมไต้หวัน
ดูทั้งหมด
ยูเนสโกประกาศยกย่อง 'ในหลวงรัชกาลที่ 9' และ 'สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ'
การทูตหยุดโลก 'อ.ธรณ์'ชี้ความสำคัญ ในหลวงเสด็จเยือนจีน
แรงมากแม่! 'เพลง ชนม์ทิดา'โพสต์สตอรี่ปริศนาพูดถึงเวรกรรม
เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงทำริบบิ้นสีดำถวายความอาลัย
บุกจับ2วัยรุ่นสร้างตัว เปิดเหมืองบิทคอยน์ซุก'สวนมะพร้าวบ้านแพ้ว' โกงไฟหลวงมหาศาล
ดูทั้งหมด
การสร้างสังคมไทยให้เป็นประชาธิปไตย โดยผ่านการปฏิรูประบบและกระบวนการกฎหมาย (1)
ห่าก๊อมขอมเก็งกอง
อาวุธเด็ดไทย อำนาจเหนือเขมร
บุคคลแนวหน้า : 17 พฤศจิกายน 2568
ไทยยืนหยัด ในสงครามล่าเมืองขึ้น ด้วย Reciprocal Tariffs
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ตึงเครียดพุ่ง! จีนแนะประชาชนงดเที่ยวญี่ปุ่น หลัง'ทาคาอิจิ'พูดปมไต้หวัน

พสกนิกรซาบซึ้ง 'เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ'พระราชทาน'เข็มกลัดโบว์ดำ'

'คปท.'ขยับ! นัดม็อบบุกสถานทูต 22 พ.ย.นี้ ประท้วง'อันวาร์-ทรัมป์'เข้าข้างเขมร-บีบไทย

ระทึก! ไฟไหม้โกดังสินค้าขนาดใหญ่ ยังไม่สามารถควบคุมเพลิง-ประเมินค่าเสียหายได้

หวานปนเซ็กซี่! 'ณเดชน์-ญาญ่า'ควงคู่เที่ยวทะเลเสิร์ฟโมเมนต์สวีท

‘กมธ.ตำรวจ’นั่งไม่ติด! จ่อเชิญ‘ผบ.ตร.-ไตรรงค์’แจงปมตำรวจรับส่วยพนันออนไลน์

  • Breaking News
  • \'รมว.นฤมล\'หารือ 2 องค์กรใหญ่ด้านภาษาจีนนานาชาติ กระชับความร่วมมือไทย-จีน 'รมว.นฤมล'หารือ 2 องค์กรใหญ่ด้านภาษาจีนนานาชาติ กระชับความร่วมมือไทย-จีน
  • \'ในหลวง-พระราชินี\'เสด็จฯทอดพระเนตรศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีและทรัพยากรด้านการศึกษา 'ในหลวง-พระราชินี'เสด็จฯทอดพระเนตรศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีและทรัพยากรด้านการศึกษา
  • เบื้องหลังฉลองพระองค์ \'สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี\' เบื้องหลังฉลองพระองค์ 'สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี'
  • รวบ\'หนุ่มอิสราเอล\' หนีหมายจับคดีหลอกขายตั๋วผีออนไลน์ รวบ'หนุ่มอิสราเอล' หนีหมายจับคดีหลอกขายตั๋วผีออนไลน์
  • ตึงเครียดพุ่ง! จีนแนะประชาชนงดเที่ยวญี่ปุ่น หลัง\'ทาคาอิจิ\'พูดปมไต้หวัน ตึงเครียดพุ่ง! จีนแนะประชาชนงดเที่ยวญี่ปุ่น หลัง'ทาคาอิจิ'พูดปมไต้หวัน
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ไทยยืนหยัด  ในสงครามล่าเมืองขึ้น ด้วย Reciprocal Tariffs

ไทยยืนหยัด ในสงครามล่าเมืองขึ้น ด้วย Reciprocal Tariffs

17 พ.ย. 2568

ปรากฏการณ์ ‘หมอนทอง... วิทยา’

ปรากฏการณ์ ‘หมอนทอง... วิทยา’

10 พ.ย. 2568

ปิดฉากมหากาพย์  ค่าเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ปิดฉากมหากาพย์ ค่าเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว

3 พ.ย. 2568

ถ้าลงนามแล้ว กัมพูชาไม่ทำ?

ถ้าลงนามแล้ว กัมพูชาไม่ทำ?

27 ต.ค. 2568

อัยการสูงสุดคนใหม่ ปมอุทธรณ์คดี 112 ทักษิณ  บทพิสูจน์ความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม

อัยการสูงสุดคนใหม่ ปมอุทธรณ์คดี 112 ทักษิณ บทพิสูจน์ความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม

20 ต.ค. 2568

การเมืองยุคหลังลุงตู่

การเมืองยุคหลังลุงตู่

13 ต.ค. 2568

ความจริง... ทองคำในทุนสำรองฯ ของไทย

ความจริง... ทองคำในทุนสำรองฯ ของไทย

6 ต.ค. 2568

ไม่อุทธรณ์คดี 112 ทักษิณ ?!?!

ไม่อุทธรณ์คดี 112 ทักษิณ ?!?!

29 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved