วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568
• รายงานพิเศษ : การปฏิรูประบบและกระบวนการกฎหมายเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนในสังคมไทย :
ยุทธศาสตร์การสร้างนิติรัฐและพลเมืองที่มีคุณภาพรายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ในการสร้างสังคมไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่มั่นคงและยั่งยืน โดยใช้การปฏิรูประบบและกระบวนการทางกฎหมายเป็นเครื่องมือหลักในการนำทาง
การวิเคราะห์นี้ : ตั้งอยู่บนความเข้าใจเชิงลึกถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมไทย โดยเฉพาะการครอบงำของระบบข้าราชการประจำและอิทธิพลของทุนใหญ่ทางการเมือง ฯลฯ ซึ่งทำให้ความพยายามในการเปลี่ยนผ่านที่ผ่านมา ไม่ประสบผลสำเร็จอย่างแท้จริง
บทที่ 1: หลักการพื้นฐานและบริบททางยุทธศาสตร์ของการเปลี่ยนผ่าน
1.1 หลักการประชาธิปไตยโดยนิติรัฐและการวินิจฉัยบริบทไทย
นิยามนิติรัฐ (Rule of Law)ในบริบทการเปลี่ยนผ่าน
หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน คือ การสร้างหลักนิติรัฐ (Rule of Law)อย่างเข้มแข็ง หลักการนี้ มิได้หมายถึงเพียงการมีกฎหมายใช้ แต่หมายถึง การสร้างหลักประกันว่ากฎหมายอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ทุกคนเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย รวมถึงรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใช้อำนาจเองด้วย
การปฏิรูปที่เน้นหลักนิติรัฐ
จึงเป็นแนวทางที่เน้นการสร้างฉันทามติและการยอมรับร่วมกันในกติกาใหม่ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไปและสันติ (peacefultransition) แทนที่จะต้องอาศัยความรุนแรงหรือการปฏิวัติ
การวิเคราะห์รากปัญหาของสังคมไทย : ปัญหาเชิงโครงสร้างและการถูกครอบงำประสบการณ์ของสังคมไทยแสดงให้เห็นว่าการนำแนวคิดประชาธิปไตยตะวันตกมาใช้ทั้งดุ้นโดยไม่สอดคล้องกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมนั้น สร้างผลเสียต่อบ้านเมืองไม่น้อย
ปัญหาที่สั่งสมมาอย่างยาวนานและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยสามารถแบ่งได้ดังนี้ :
ปัญหาเชิงโครงสร้าง : การยึดกุมอำนาจโดยระบบข้าราชการประจำ (Bureaucratic Capture)และกลุ่มทุนใหญ่ทางการเมือง (financial interests in politics) :
ผลการศึกษาชี้ชัดว่าลักษณะที่เด่นชัดที่สุดของ “ประชาธิปไตยแบบไทย” คือการยอมให้ข้าราชการประจำและกลุ่มทุนผลประโยชน์ เข้ายึดกุมอำนาจทางการเมือง ซึ่งทำให้แนวคิดและกลไกประชาธิปไตยที่นำเข้ามาถูกบิดเบือนไป จากเนื้อหาสาระที่แท้จริง. อำนาจอธิปไตยมิได้ตกถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง และสิทธิเสรีภาพของประชาชนยังคงขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ปกครองในแต่ละยุคสมัย.
ผู้นำฝ่ายบริหาร (นายกรัฐมนตรี) เกือบทั้งหมดที่ผ่านมาไม่ได้มาจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยตรง และหรือความสามารถในการดำรงตำแหน่งนั้นพึ่งพาการสนับสนุนจากสถาบันของข้าราชการประจำ โดยเฉพาะกองทัพและทุนใหญ่ทางการเมือง มากกว่าสถาบันทางการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง
การปฏิรูปจึงต้องมุ่งเป้าไปที่การลดทอนบทบาททางการเมืองและอิทธิพล ในการแต่งตั้งของกลุ่มข้าราชการประจำเหล่านี้รวมทั้งกลุ่มทุนใหญ่ทางการเมือง เพื่อให้กลไกประชาธิปไตยสามารถทำงานได้อย่างมีสาระ.
ปัญหาเชิงแนวคิด :
วาทกรรมการเมืองที่บิดเบือนและการใช้ทุนเป็นเครื่องมือ: กรอบความคิดที่ถูกครอบงำโดยวาทกรรมตะวันตกบางส่วน เช่น การเชื่อว่า“การเลือกตั้งคือประชาธิปไตย” เป็นหนทางเดียวและต้องอดทนรอคอยให้ดีขึ้นเอง ได้กลายมาเป็นเครื่องมือในการทำลายประชาธิปไตยของประชาชน เมื่อระบบทุนใหญ่และพรรคการเมืองสมคบกันใช้การเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเป็นเครื่องมือ และเมื่อเป็นรัฐบาลก็ดำเนินการคอร์รัปชันเพื่อถอนทุนและสะสมทุนใหญ่
การปฏิเสธที่จะยอมรับการรัฐประหารโดยเด็ดขาดในทุกกรณี
แม้กระทั่งการล้มรัฐบาลเผด็จการรัฐสภาที่เกิดจากการสมคบกันของพรรคการเมืองและทุนใหญ่ ก็เป็นอีกหนึ่งวาทกรรมที่จำกัดแนวทางการแก้ไขปัญหาของสังคมไทย เนื่องจากการไม่เคยสรุปบทเรียนที่แท้จริง และอิทธิพลทางความคิดของ กรอบและค่านิยมประชาธิปไตยตะวันตกที่ว่า “ประชาธิปไตย คือ การเลือกตั้ง” ใช่หรือไม่
เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของการปฏิรูป
การปฏิรูปต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือ การสร้างสถาบันประชาธิปไตยที่มีความเข้มแข็งและมีเสถียรภาพการเปลี่ยนผ่านต้องมุ่งเน้นการสร้างความชอบธรรมผ่านกติกาทางกฎหมาย โดยการยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายที่เป็นเครื่องมือของระบอบเก่า และตรากฎหมายใหม่ที่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยและการคุ้มครองสิทธิ
1.1 บทเรียนจากการเปลี่ยนผ่านโดยสันติวิธีของนานาชาติ (Comparative LegalTransitions) การศึกษากรณีของประเทศที่เปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยโดยการปฏิรูประบบและกระบวนการทางกฎหมาย แสดงให้เห็นถึงลักษณะสำคัญและขั้นตอนที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับบริบทไทยได้
ความสำคัญของกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไปและการสร้างฉันทามติ
ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย มักมีการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุมหลายด้าน ไม่เพียงแต่ด้านการเมืองเท่านั้น แต่รวมถึงกระบวนการยุติธรรม ระบบเศรษฐกิจ และสวัสดิการสังคม อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์จากประเทศต่างๆ (เช่น แอฟริกาใต้และประเทศในละตินอเมริกา) ชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านที่เร่งรีบเกินไปอาจนำไปสู่ความไร้เสถียรภาพอย่างมาก เนื่องจากรัฐบาลใหม่มักเผชิญกับความคาดหวังที่สูงของประชาชนในด้านผลลัพธ์ที่รวดเร็วและการขยายการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างทันที
การสร้างความเชื่อมั่นในระบอบใหม่จึงต้องอาศัยเวลาและความซับซ้อนของการอภิปรายและปฏิรูปในประเด็นรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี การเปลี่ยนผ่านที่ยั่งยืนจึงเกิดขึ้นจากการสร้างฉันทามติและการยอมรับร่วมกันในกติกาใหม่โดยเน้นสันติวิธีแทนที่จะใช้ความรุนแรง
ชัยวัฒน์ สุรวิชัย

'ดร.ส้ม' ลั่นไม่เคยเคลมผลงานใคร ยันลุยดัน กม.คุกคามทางเพศมาตั้งแต่ปี62
มีหนาว! คุกคามทางเพศผ่านโซเชียลมีเดีย มีผลบังคับใช้แล้ววันนี้
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ ฉบับใหม่ กำหนดคุณสมบัติต้องห้าม ผู้ใหญ่บ้าน
สุริยะใส ย้อนเกล็ด เลือกตั้ง ไม่เอาลุง ครั้งนี้ ไม่เอาเทา คงได้ รัฐบาลเทวดา
แฉทุนจีนแย่งอาชีพคนไทย รุกธุรกิจเผาถ่านกะลามะพร้าว ทำผู้ประกอบการไทยเดือดร้อน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี