วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
รัฐสวัสดิการของนักการเมือง
เรื่อง “รัฐสวัสดิการ” นี้พูดกันมาตั้งแต่50 ปีมาแล้ว ยิ่งลัทธิคอมมิวนิสต์ล่มสลายทั้งโลกก็ยิ่งพูดถึงกันมาก โดยเฉพาะพวกนิยมลัทธิสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ เพราะรัฐสวัสดิการนั้น“แปรรูป” มาจากลัทธิดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อสร้าง “ความเท่าเทียมในด้านเศรษฐกิจ” เป็นหลักเหมือนกัน แต่ใช้วิธีเก็บภาษีแบบ “อัตราก้าวหน้า” แทนการปฏิวัติ ยิ่งรวยยิ่งต้องเสียภาษีมากแบบทบทวี ไม่ใช่เก็บเป็นเปอร์เซ็นต์
มีพรรคการเมืองหลายพรรคอยากจะใช้นโยบายนี้ แต่ก็ไม่ได้ใช้ เพราะภาษีที่เก็บได้ไม่พอจะมาทำเรื่องนี้ เพราะฐานภาษีของไทยนั้นแคบมากเก็บจากคนไม่กี่คน เมื่อปีที่แล้วมีรายงานว่าเก็บได้แค่ 3.9 ล้านคน!
จากประชากรประมาณ 67 ล้านคน
แต่ “พรรคอนาคตใหม่” ก็ใช้นโยบายนี้เรียกคะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่และพวกซ้ายเก่าซ้ายแก่ และซ้ายฟันน้ำนมได้เป็นกอบเป็นกำ และใช้เป็น “เหยื่อล่อ” เรื่อยมาจนถึงพรรคประชาชนในปัจจุบัน
ถามว่าปัจจุบันนี้รัฐเก็บภาษีและมีรายได้อื่นๆ พอจะทำรัฐสวัสดิการแล้วหรือ?
ก็ขอตอบว่า “ยังไม่พอ” และจะไม่พอไปอีกนาน ดูนโยบายแจกเงิน 1 หมื่นบาท “แค่ครั้งเดียว” ของพรรคเพื่อไทย ยังแจกได้ไม่ครบทุกคน แล้วก็โมเมเงียบไป แต่ถ้าเป็นรัฐสวัสดิการจะต้อง “จ่าย” กันต่อเนื่องยาวนาน เพราะไม่ใช่นโยบายชั่วครั้ง
ประเทศไทยมีหนี้มหาศาล รายจ่ายประจำแต่ละปีประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ จึงเหลือเงินพัฒนาประเทศไม่มากนัก แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย?
คุณศิริกัญญา ตันสกุล เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะ “สนับสนุน” ให้บริษัททุนใหญ่ๆ ออกไปลงทุนต่างประเทศ เพื่อให้ธุรกิจการค้า SMEในประเทศไทยได้เติบโต แต่ภาษีที่เก็บได้ในปัจจุบันนี้ส่วนมากก็มาจากบริษัททุนขนาดใหญ่ทั้งนั้น ถ้าให้พวกเขาไปลงทุนต่างประเทศ ก็จะยิ่งมีรายได้จากภาษีน้อยลง
หวังพึ่ง SME จะมีกี่รายที่อยู่รอด กี่รายที่พอมีกำไรจ่ายภาษี ความหวังที่จะได้ภาษีจากการค้าธุรกิจพวกนี้กลับจะเป็นภาระมากขึ้น
การหาเสียงด้วยนโยบายรัฐสวัสดิการจึงไม่มีความรับผิดชอบ ไม่ซื่อตรง ตั้งหน้าตั้งตาจะเอาแต่คะแนนเสียง เพื่ออำนาจของพวกนักการเมืองเท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง...ทุกวันนี้ประเทศไทยมี“นโยบาย - โครงการ” แบบรัฐสวัสดิการเยอะมากที่เรียกกันว่า “ประชานิยม” นั่นแหละ ที่พรรคการเมืองสร้างแข่งกันเพื่อคะแนนเสียง ได้แก่ โครงการแจกเงินต่างๆ แจกตั้งแต่ทารกจนถึงผู้ชรา ผู้พิการ เกษตรกร การรักษาพยาบาล
ตอนนี้รัฐบาลของคุณอนุทินก็จะเอาโครงการคนละครึ่งมาใช้อีก ซึ่งส่วนดีก็คือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อีกส่วนหนึ่งรัฐต้องจ่ายครึ่งหนึ่ง และ “ครึ่ง” นี้แหละที่เป็นเงินของรัฐ มันจึงเป็นสวัสดิการของรัฐ แต่ก็มีประโยชน์กว่าแจกคนละ 1 หมื่นบาท
“นโยบาย - โครงการ” สามารถปรับเปลี่ยนหรือยกเลิกได้ ซึ่งดีกว่ารัฐสวัสดิการที่จะต้องทำกันให้ยืนยาวอย่างประเทศทางยุโรปเหนือ หรือจนกว่ารัฐจะเจ๊ง!
ตอนนี้หลายประเทศทางยุโรปเหนือก็กำลังเผชิญกับปัญหารายได้ไม่พอจ่าย!
ผมเชื่อว่า แม้พรรคส้มจะได้จัดตั้งเป็นรัฐบาลในสมัยหน้า นโยบายนี้ก็ไม่สามารถเป็นจริงได้ ถ้าจะทำจริงจังก็ต้องขยายฐานภาษีให้กว้างขึ้น คนที่ไม่เคยเสียภาษีก็จะต้องเสีย อาจต้องเก็บทุกคนที่มีรายได้ คนที่เสียอยู่แล้วก็ต้องเสียเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายนี้ให้พอแก้ผ้าเอาหน้ารอดได้
คือไม่เหมือน - ไม่เท่าอย่างประเทศในยุโรปเหนือ
จะเหมือน - จะเท่าก็คืออัตราภาษีที่จะต้องเก็บถึง 40-50 เปอร์เซ็นต์
พรรคส้มก็จะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่แน่ๆ คือเสียงต่อต้านการเก็บภาษี ทั้งจากคนที่ถูกเก็บมากขึ้นกว่าเดิม และการขยายฐานภาษีที่จะต้องเก็บจากคนไม่เคยเสียภาษี
คนที่เลือกพรรคส้มเพราะนโยบายประชานิยมนั่นแหละที่จะเสียงดัง เพราะไปสร้างฝันให้พวกเขาว่า “ทำงานน้อย ได้เงินมากพักผ่อนนาน” แต่กลับเก็บภาษีพวกเขา!
นักการเมืองนั้นเอาแต่ได้ เอาแต่ประโยชน์ใส่ตน สร้างแต่นโยบายประชานิยมเป็นเหยื่อล่อประชาชนมายาวนาน เพื่อให้ได้คะแนนเสียงสำหรับการเข้าสู่อำนาจของตน จนประชาชนเคยตัวเอาแต่ได้ เอาแต่ประโยชน์ตนเช่นกัน!
สุดท้ายประชาชนก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี แต่นักการเมืองได้ไปก่อนแล้ว คือได้ครองอำนาจ ได้ครอบครองได้ผลประโยชน์ ได้ขยายอิทธิพล แต่จะนำพาประเทศเสี่ยงต่อความฉิบหาย
(ตอนหน้าคือ “รัฐสวัสดิการของสังคมไทย”ซึ่งมีมาก่อนรัฐสวัสดิการของนักการเมือง)
วิมล ไทรนิ่มนวล

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี