คุณพรรณิการ์ วานิช เกิดมาเพื่อ “ขวางโลก” เพราะ “โลก” ของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ไม่เหมือนกับโลกของเธอ เธอจึงต้องออกมาขวางด้วยการพูดบ่อนเซาะบ้าง ขัดขวางบ้าง ด้วยเหตุผล “ปรารถนาดีต่อประเทศชาติ” ถ้าเธอพูดผิด สังคมไม่ยอมรับหรือจับได้ว่าไม่จริง เธอก็พูดแถกไป – ไถมาหรือบิดเบือนอย่างหน้าตาเฉยจนน่าอัศจรรย์ใจ!
โลกในหัวเธอมีอะไร?
โลกที่อยู่ในหัวเธอคือสิ่งที่เรียกว่า “อุดมการณ์ลัทธิมาร์กซ์” เรียกอย่างเท่ว่า “มาร์กซิสต์” หรือลัทธิสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์ เช่นเดียวกับธนาธร ปิยบุตร ชัยธวัช เป็นต้น
“สังคมนิยม” กับ “คอมมิวนิสต์” นั้นเป็นลัทธิเดียวกัน เพียงแต่สังคมนิยมเป็นขั้นต้น ส่วนคอมมิวนิสต์นั้นเป็นขั้นปลาย ตามทฤษฎี....มันจะพัฒนาจากสังคมนิยมไปสู่คอมมิวนิสต์
จะเริ่มต้นได้ก็ต้องปฏิวัติอย่างที่คณะราษฎรหมายมั่น ต่อมาก็พรรคคอมมิวนิสต์ แห่งประเทศไทย เมื่อปฏิวัติไม่ได้เพราะไม่มีเงื่อนไข ก็ต้องใช้วิธีอื่นเพื่อเข้ายึดครองอำนาจรัฐ นั่นคือการเป็นผู้แทนราษฎร ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า “หีบเลือกตั้ง”
ระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นพื้นที่ให้ใครก็ได้ชุบตัว ปลอมตัว พลางความคิด เพื่อมิให้ขัดแย้งกับกฎหมายของประเทศและโลกความคิดหลักของสังคม ที่ยังต้องการ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
แต่ลัทธิมาร์กซ์ต้องการโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ เพราะถือว่าเป็นศัตรูทางชนชั้นที่สำคัญที่สุด พวกมาร์กซิสต์จึงต้องพลางความคิดของตน และก็พลางจนเหลือแต่กากของมาร์กซิสต์ คือไม่เอากษัตริย์เท่านั้น!
ดังนั้น “พรรคอนาคตใหม่” จึงถือกำเนิดขึ้น ต่อมาก็พรรคก้าวไกลที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 หรือร่างรัฐธรรมนูญใหม่ไปเลย เพื่อจัดการกับมาตรา 112 ให้สถาบันพระมหากษัตริย์หมดความหมาย - หมดพลังในสังคมไปเอง อย่างที่ศาลรัฐธรรมนูญได้พิพากษาพรรคก้าวไกลว่า “เซาะกร่อนบ่อนทำลาย”
พร้อมกันนั้นก็เสนอนโยบาย“รัฐสวัสดิการ” ที่แปรรูปมาจากสังคมนิยม เป็นการประนีประนอมและนุ่มนวลกว่าการปฏิวัติที่ใช้ความรุนแรง
นอกจากนี้ก็มีนโยบายแจกเงินในโครงการต่างๆ ซึ่งล้วนเป็น “นโยบายประชานิยม” ทั้งสิ้น รวมทั้งรัฐสวัสดิการด้วย
นโยบายเหล่านี้เป็น “เหยื่อล่อ”ผู้เลือกตั้ง แล้วเคลมคะแนนเสียงทั้งหมดว่าต้องการให้พรรคของตนแก้หรือยกเลิกมาตรา 112 รวมทั้งร่างรัฐธรรมนูญใหม่ด้วย
พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง แต่ก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลอย่างน่าทึ่งไม่แพ้กัน เพราะเอาแต่ยึดนโยบายมาตรา 112 ไว้ แล้วอ้างว่าเป็นประชามติของมหาชน ทั้งที่พรรคคุยโวว่ามีนโยบายถึง 300 ข้อ!
แต่ไม่มีข้อใดหรือทุกข้อรวมกันแล้วจะมีความสำคัญเท่านโยบายมาตรา 112!
ความผิดหวังที่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลและต่อมาพรรคก้าวไกลโดนยุบตามพรรคอนาคตใหม่ไปอีก ทำให้ “ขบวนการสีส้ม” ธาตุไฟแตกซ่านและพล่านจนมาถึงวันนี้
นี่เป็นเหตุหลักที่ทำให้กลายเป็นพวกขวางโลก (ปกติก็ขวางอยู่แล้ว)แต่ละคนจึง “ประดิษฐ์วาทะ” เป็นอาวุธออกมาต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามกับตนทางสื่อต่างๆ พวกสส.ก็บ่อนเซาะอยู่ในสภา
คุณพรรณิการ์ก็เช่นกัน
เพราะนับแต่ทหารเขมรกับไทยปะทะกันที่ชายแดน เธอก็ออกมาแสดงความเห็นแทบทุกวันตามสื่อต่างๆ เธอพูดเหมือนหวังดีต่อกองทัพและโรงพยาบาล แต่ไม่เป็นประโยชน์แก่ใครแม้แต่น้อย นอกจากฝ่ายของตัวเอง
เธอพูดอะไรบ้าง?
เมื่อเธอเห็นประชาชนที่ห่วงใยทหารซื้อเสื้อเกราะให้ทหารเธอก็บอกว่า “อาจผิดกฎหมาย” และ “ต้องดำเนินคดีประชาชนที่ซื้อเสื้อเกราะให้ทหาร”
“ไทยมีมือมืดบงการไม่อยากให้สงครามจบ” จนมีคนบอกว่าเธอแขวะเจ้าไม่จบ! เลี้ยงความเกลียดชังเพื่อให้นายทุนต่างชาติโอนเงินเข้าเรื่อยๆ
ตอนโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ประกาศเรื่องรับคนป่วยเขมรเข้ารักษาพร้อมกับชี้แจงเหตุผล แต่ขบวนการส้มไม่สน กลับใช้เป็นโอกาสโจมตีโรงพยาบาลทันทีว่า “ไม่มีมนุษยธรรม”พอโดนประชาชนที่ไม่ใช่ฝ่ายส้มโต้กลับ เธอก็แก้ตัวว่า “ในเวลาที่ประเทศชาติเผชิญกับวิกฤต สิ่งที่ประเทศชาติต้องการมากที่สุด ไม่ใช่การเฮโลพากันตามกระแส แต่คือการกล้าเตือนในสิ่งที่เราเห็นว่ามันจะเป็นภัยต่อประเทศชาติ”
ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่องที่เธอพูด ถ้าฟังไม่คิดก็จะเห็นเธอเป็นแม่พระของโรงพยาบาล ของทหาร ของประเทศอย่างที่พวกด้อมส้มเห็นไปเลย!
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี