วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“ประชาชนต้องการเสรีภาพ ทั้งเสรีภาพในฐานะปัจเจกบุคคลและเสรีภาพในการปกครองตนเอง”
นี่เป็น “ใจความหลัก” ที่ผู้กระสันอำนาจใช้เป็นข้ออ้างเพื่อช่วงชิงอำนาจมาทุกยุคทุกสมัย แตกต่างก็เพียงถ้อยคำ
คณะราษฎรใช้เป็นข้ออ้างปล้นชิงพระราชอำนาจจากในหลวงรัชกาลที่ 7 เพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองจาก “สมบูรณาญาสิทธิราชย์” เป็น “ประชาธิปไตย”
จากนั้นก็มีการสร้างรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง มีการขบถ มีการรัฐประหารแย่งชิงอำนาจกันเองในคณะราษฎร จนถึงปีพ.ศ 2500 เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ยึดอำนาจ จึงหมดยุคของคณะราษฎร
ในช่วงเวลาที่คณะราษฎรแย่งชิงอำนาจกันเองนั้น ประชาชนในเมืองเป็นผู้ชมมากกว่าจะเป็นผู้มีส่วนร่วม ส่วนคนบ้านนอกคอกนาไกลปืนเที่ยงก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำมาหากินกันต่อไปอย่างเดิม ไม่ได้ส่งผลให้ราษฎรมีชีวิตที่ดีขึ้นแต่อย่างใด
นี่เป็นครั้งแรกที่ระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นได้แค่ “เครื่องมือ” ชิงอำนาจกันของผู้กระสันอำนาจ ส่วนประชาชนก็ยังดำเนินชีวิตอย่างเดิมต่อไป แค่ได้รับรู้ว่าประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น
มาถึงยุคจอมพลสฤษดิ์เผด็จอำนาจปกครองประเทศนั้นผู้คนมีการศึกษามากขึ้น มีฐานะดีขึ้น โดยเฉพาะคนในกรุงเทพฯ จึงมีการเรียกร้องต้องการประชาธิปไตย แต่ต้องใช้เวลานานจนถึงยุคของจอมพลถนอม กิตติขจร กับจอมพลประภาส จารุเสถียร ที่เป็นผู้คุมอำนาจปกครองประเทศ ที่เสียงเรียกร้องต้องการประชาธิปไตยดังขึ้นอย่างจริงจัง โดยมีนักศึกษา ปัญญาชนเป็นหัวขบวน
รัฐบาลทำเรื่องผิดพลาดหลายเรื่องจนนำไปสู่การประท้วงขับไล่ และจบลงด้วยผู้นำรัฐบาลต้องเดินทางออกนอกประเทศ
ระบอบประชาธิปไตยตามทฤษฎีคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
มีการร่างรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้งแต่พอถึงปีพ.ศ.2519 จอมพลถนอมบวชเป็นเณรเดินทางกลับประเทศไทย ก็เกิดการประท้วงใหญ่นำโดยนักศึกษา ปัญญาชนและกรรมกรหัวสังคมนิยม โดยมีพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยอยู่เบื้องหลัง จนนำไปสู่การปราบปรามอย่างรุนแรง เกิดเป็นโศกนาฏกรรมที่ยากจะลบเลือนในวันที่ 6 ตุลาคม
ทหารยึดอำนาจอีกครั้ง นักศึกษา ปัญญาชน กรรมกร หนีเข้าป่าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เพื่อต่อสู้กับรัฐ ที่พวกเขาเห็นว่าเป็นเผด็จการและต้องการสถาปนาระบอบสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์แทน
แม้ต่อมามีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง พวกเขาก็ยังเห็นว่าเป็นรัฐเผด็จการ
สำหรับพวกสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์นั้น ระบอบประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง ก็ยังเป็นระบอบเผด็จการ เพราะใช้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมหรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่า “ตลาดเสรี” ที่สำคัญคือยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อ “คนป่าคืนเมือง” ด้วยนโยบาย 66/2523 พวกเขาส่วนหนึ่งเข้าสังกัดพรรคการเมือง ลงเลือกตั้ง แม้ได้เป็นสส. ได้เป็นรัฐบาล พวกเขาก็ยังเห็นว่าประเทศไทยยังเป็นเผด็จการอย่างเดิม ไม่ใช่เพราะมีทหารยึดอำนาจเท่านั้น หากแต่ยังมีสถาบันพระมหากษัตริย์
การเป็นนักการเมืองของพวกเขาจึงต้องการใช้อำนาจทางการเมือง (ที่มีกฎหมายรองรับ) บ่อนเซาะสถาบันพระมหากษัตริย์และเปลี่ยนระบอบการปกครองด้วยรัฐธรรมนูญเป็นหลัก
ล่วงมาถึงปัจจุบัน มีพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นเพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะ นโยบายอื่นๆของพรรคล้วนเป็น “เหยื่อล่อ” คนเลือกตั้งเท่านั้น
พรรคการเมืองนี้แม้มี “รากความคิด” จากลัทธิสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์ แต่ก็มีเป้าหมายระยะแรกอยู่ที่การเปลี่ยนประเทศจาก “ราชอาณาจักร” เป็น “สาธารณรัฐ”
คือล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สำเร็จก่อน ส่วนเป้าหมายระยะที่ 2 นั้นเจ้าของพรรคและแม่เจ้าของพรรคประกาศมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรคแล้วว่า “เขาจะเป็นสี จิ้นผิง ของเมืองไทย”
นั่นคือการปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม-คอมมิวนิสต์ โดยใช้ตลาดเสรีเป็นเครื่องมืออย่างจีนทุกวันนี้
ดังนั้น พวกเขาและลิ่วล้อกองเชียร์ สื่อและเอ็นจีโอจึงประสานเสียงโจมตีประเทศไทยว่าเป็นเผด็จการ และพยายามบ่อนเซาะสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งถ้อยคำ การกระทำ รวมทั้งพยายามสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ลดทอนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์
เมื่อยังทำไม่สำเร็จ พวกเขาก็ป่าวร้องกันต่อไปว่าประเทศนี้เป็นเผด็จการ ปิดกั้น - กดทับสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
สิทธิและเสรีภาพของพวกเขาก็คือความเกลียดชัง ริษยา อาฆาต ต้องการจะทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่พวกเขากระสันจะครองอำนาจแทน แต่ยังทำไม่สำเร็จ จึงคับแค้นใจและพาลว่าตนไม่มีสิทธิและเสรีภาพ
ตราบใดที่สถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่เป็นเสาเอกของบ้านเมือง พวกเขาก็จะยังคงป่าวร้องต่อไปว่าประชาชนในประเทศนี้ไม่มีสิทธิและเสรีภาพ ถูกกดทับ – ปิดกั้นกระทั่งความฝัน!
วิมล ไทรนิ่มนวล

พร้อมเต็มสูบ! ทัพเทนนิสไทยตั้งเป้าโกย4ทอง
ถล่มอิเหนา8-0!บอลหญิงเฉียบประเดิมซีเกมส์
'วราวุธ'เปิดนิทรรศการอสญฺญกาย-ศิลป์แห่งพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในมิติร่วมสมัย ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
นศ.อาชีวะช่างไฟฟ้า ให้บริการตรวจสอบ-ซ่อมแซมระบบไฟฟ้าบ้านน้ำท่วม แล้วกว่า 300 ครัวเรือน
เคลื่อนไหวรัวๆ เดย์ ไทเทเนี่ยมโพสต์คำคมปริศนา ท่ามกลางดราม่านานา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี