นับแต่วันที่คณะราษฎรปล้นชิงพระราชอำนาจและพระราชทรัพย์จากในหลวงรัชกาลที่ 7 มาถึงวันนี้ก็นานถึง 93 ปีแล้ว แต่ประชาธิปไตยไทยก็ยังไร้เดียงสา แม้ว่าคำนี้จะถูกพูดถึงกัน...คงเฉลี่ยนาทีละหลายครั้ง!
ทำไมประชาธิปไตยจึงไร้เดียงสา?
คนที่สนใจการเมืองรู้ดีอยู่แล้ว แต่ก็แปลกแม้จะรู้ดีแต่ก็ทำเป็นไร้เดียงสาก็มี! เพราะรักชอบนักการเมืองต่างกัน ถ้านับรวมพวกที่ไม่รู้ด้วย ก็ยิ่งทำให้ประชาธิปไตยไร้เดียงสามากขึ้น จนกลายเป็นปัญญาอ่อนอย่างทุกวันนี้
คนที่รู้ดี รู้ว่า “การเลือกตั้ง” เป็น “พิธี” เลือกคนเป็นตัวแทนไปเป็นรัฐบาล เป็นฝ่ายออกกฎหมายและแก้กฎหมายนั้นมันไม่มีประสิทธิภาพ มันไม่สามารถเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถกับภาระหน้าที่ได้ ส่วนมากก็ได้พวกผู้มีอิทธิพล พวกที่ผิดหวังหรือไม่พอใจอาชีพของตน พวกที่ทำผิดกฎหมายหรือเคยทำผิดกฎหมาย พวกอยากมีอำนาจ พวกอยากโกงกิน กระทั่งถึงพวกขยะปฏิกูลของสังคม ได้แต่ไปนั่งหลับๆ ตื่นๆ ในสภา คอยยกมือตามคำสั่งของเจ้าของพรรค
คนดีมีความสามารถนั้นมี แต่ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าของพรรค ซึ่งก็คิดถึงแต่ประโยชน์ของตนเป็นหลัก ไม่เช่นนั้นจะตั้งพรรคหรือบริษัทส่วนตัวขึ้นมาทำไม
ชั่วร้ายกว่านั้น เจ้าของพรรคหลายพรรคก็รับเงินจากเจ้าของพรรคใหญ่หรือนายทุนใหญ่ๆ ของประเทศ พวกเจ้าของพรรคพวกนี้จึงกลายเป็นตัวแทนของเจ้าของพรรคใหญ่และนายทุนใหญ่ๆ ไป ไม่ใช่ตัวแทนของประชาชนอย่างที่นักการเมืองคอยพูดย้ำอยู่ทุกวัน
ส่วนประชาชนคนเลือกตั้งก็ไร้เดียงสาเสียส่วนมาก เลือกแต่ “คนที่รักพรรคที่ใช่” ตามการ “เป่าหูฝังหัว” ของพวกนักการเมือง ไม่สนใจว่าคนหรือพรรคที่ตนเลือกจะดีหรือชั่ว ขอให้มีเงินแจก มีนโยบายแจกเยอะๆ ก็พอ
นั่นยังไร้เดียงสาไม่พอ!
เมื่อเลือกแล้วบางส่วนก็ไปทำมาหากิน ไม่สนอะไรทั้งนั้น บางส่วนก็คอยปกป้อง คอยอวย คอยอุ้ม คอยแบกคอยแก้ต่างแทนนักการเมืองยอดขมองอิ่มของตน เรียกว่าหลงจนโง่หัวไม่ขึ้น
คุณทักษิณแม้จนวันนี้ก็ยังมีคนหลงจนโง่หัวไม่ขึ้น
คุณธนาธร คุณพิธาก็ยังมีคนหลงมหาศาล ไม่ยอมโงหัวขึ้นมองโลกแห่งความเป็นจริง
คุณพีระพันธุ์ก็ไม่เว้นที่มีคนหลง เพราะเขามีภารกิจเรื่อง “พลังงานที่เป็นธรรม” ต้องทำให้สำเร็จ
ผมก็ขอยกเป็นตัวอย่างเสียด้วยว่า แฟนคลับของเขาหลงใหลอย่างไร
เมื่อวานข่าวและภาพแพร่กระจายในสื่อว่าคุณพีระพันธุ์ร่วมดินเนอร์ในฐานะที่เป็นรัฐบาล ได้ถูกจัดให้นั่งติดกับคุณทักษิณ และออกมายืนส่งหรือรอรับคุณทักษิณผมก็ไม่ทราบ ก็มีคนที่ไม่พอใจคุณพีระพันธุ์ เพราะไม่ต้องการให้สนับสนุนคนที่ถูกประณามว่า “ขายชาติ -โกงชาติ” พวกเขาไม่ต้องการให้พรรคร่วมไทยสร้างชาติทรยศอุดมการณ์ของ “ลุงตู่”
แต่พวกที่หลงใหลคุณพีระพันธุ์ก็ออกมาเขียนบทความยาวบ้างสั้นบ้างว่าเหตุที่คุณพีระพันธุ์ต้องนั่งติดกับคุณทักษิณก็เพราะถูกจัดให้นั่งตามตำแหน่งฐานะ การยืนต้อนรับหรือส่งก็เป็นมารยาท และไม่ได้ก้มหัวให้คุณทักษิณ (ไหว้)
แล้วก็สรุปว่ามีเพียงคุณพีระพันธุ์คนเดียวที่จะ “ปลดล็อก” เรื่องพลังงานได้ บ้างก็นำเอาผลงานที่เขาเคยทำมายืนยันยาวเหยียดเช่นเคย
บางคนพาลด่า “คอลัมนิสต์ไทยโพสต์” ที่เห็นแตกตกต่างกับคุณพีระพันธุ์ และพวกเขา
แบบว่าพูดกันคนละเรื่อง เป้าหมายคนละอย่าง
ส่วนผมก็เอาภาพที่คุณพีระพันธุ์ยืนมองคนอื่นไหว้ และภาพที่คุณพีระพันธุ์ ไหว้คุณทักษิณลงคู่กันในเฟซบุ๊ก แล้วเขียนจั่วหัวว่า “เจ้าพ่อพลังงานตรวจแถว”
ต่อมาผมนำภาพคุณพีระพันธุ์ที่กำลังไหว้คุณทักษิณภาพเดียวลงในเฟซบุ๊ก ประกอบข้อความว่าคุณทักษิณ “เป็นเจ้าพ่อ เป็นเจ้าของประเทศ เป็นเจ้าพ่อพลังงาน เป็นเจ้าของพรรคการเมือง เป็นนายทุนให้พรรคอื่น....” ก็มีคนโกรธที่ผมนำภาพที่คุณพีระพันธุ์ไหว้คุณทักษิณ มาลง เธอเขียนในคอมเมนต์ว่า “ลงภาพนี้ เพื่อ”
นี่จึงเป็นเหตุที่ผมใช้คำว่า “หลงจนโง่หัวไม่ขึ้น” ในบทความนี้ ซึ่งก็เห็นเรื่อยมาว่ามีคนแบบนี้เยอะ ไม่แตกต่างกับพวกส้ม พวกแดง แต่อย่างใด แต่ก็ทราบดีว่าไม่ได้หลงนักการเมืองทุกคน
ก็เพราะเหตุประชาชนหลงใหลนักการเมืองไม่ลืมหูลืมตา ประชาธิปไตยจึงไร้เดียงสาอยู่อย่างนี้ และทำให้ประเทศชาติถูกบ่อนทำลายทั้งจากภัยภายนอกและภัยภายใน จนดูเหมือนว่าประเทศชาติมาถึงทางตันแล้ว
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี