ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ พรรคส้มดิ้นสุดๆ เพื่อรั้งให้คนที่เคยสนับสนุนพรรคตนยังคงสนับสนุนต่อไป เพราะนับแต่วันที่เขมรยิงปืนใหญ่ข้ามพรมแดนมาตกลงแผ่นดินไทย ทำลายปั๊มน้ำมัน ร้านค้าโรงพยาบาลและบ้านเรือนเสียหายอย่างหนัก รวมทั้งมีชาวบ้านเสียชีวิตอีกหลายคน คนไทยต่างก็โกรธแค้น ทหารก็ตอบโต้กลายเป็นการปะทะกันตามแนวชายแดนหลายพื้นที่หลายจังหวัด
แต่พรรคส้มไม่โกรธแค้น!
คนรักชาติให้กำลังใจทหารในการสู้รบ ทหารไทยทำลายทหารเขมรจำนวนมาก ด้วยอาวุธที่ทันสมัยและยึดพื้นที่และภูต่างๆ ที่ทหารเขมรเคยยึดครองอยู่ก่อนกลับมา 11 แห่ง
ชัยชนะของทหารไทยทำให้พรรคส้มโกรธแค้น!
โกรธทั้งคนรักชาติและทหารที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายปกป้องอธิปไตยและพลเมือง รวมทั้งปกป้องพวกเขาทุกคนด้วย!
ทั้งนักการเมือง นักกิจกรรม เอ็นจีโอ นักวิชาการ นักวิเคราะห์การเมือง สื่อส้ม และด้อมทั้งหลาย ต่างก็ดาหน้าออกมาประณามคนรักชาติและทหารด้วยวาทะเท่ๆ
พรรคส้มนั้นทำอะไรไม่เป็น คิดไม่ได้ แม้แต่วาทะเท่ๆ ก็ยังต้องลอก -ต้องดัดแปลงของคนอื่นมาเป็นของตน แล้วพ่นให้ลิ่วล้อปลาบปลื้ม และหลงว่าพวกเขามีปัญญาเลอเลิศ เพราะเคยใช้ได้ผลมาแล้วนับแต่การเลือกตั้งยุคพรรคอนาคตใหม่ และพีคสุดๆ ในยุคพรรคก้าวไกล พวกเขาจึงติดใจใช้วาทะเท่ๆ เป็นเหยื่อล่อพวกลิ่วล้อเรื่อยมา
พวกเขาใช้ถ้อยคำหรือวาทะเท่ๆ เป็นอาวุธโจมตีคนรักชาติและทหารว่า “คลั่งชาติ” “ลัทธิชาตินิยม” “สิทธิมนุษยชน” และ “มนุษยธรรม”
ถ้อยคำนั้นมีความหมายตั้งแต่สื่ออย่างตรงไปตรงมาก็มี ซ่อนความหมายก็มี มีนัยอย่างอื่นก็มี ซึ่งมันสามารถกำหนดจิตใจคนฟังได้ เช่น ปลุกเร้าให้เชื่อตาม หรือต่อต้าน หรือคัดค้าน หรือ
ฮึกเหิม ดังนั้นคนที่ต้องการประสบความสำเร็จ หรือประสบความสำเร็จแล้วรวมทั้งรัฐบุรุษทั้งหลายจึงใช้ถ้อยคำและวาทะ “สร้างตัว” กันทั้งนั้น
เช่นประธานาธิบดีเคนเนดี้กล่าวว่า “อย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่านบ้าง แต่จงถามว่าท่านจะให้อะไรแก่ประเทศชาติบ้าง” วาทะนี้กินใจคนฟังและมันบอกว่าเคนเนดี้รักชาติมาก
ส่วนพรรคส้มก็ใช้มาแล้ว เช่นใช้ปลุกใจ “ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส”
ใช้เหยียดหยามคนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า “ฝุ่นใต้ตีน”
ครั้งนี้พวกเขาใช้คำว่า “คลั่งชาติ”หรือ “ลัทธิชาตินิยม” “สิทธิมนุษยชน”และ “มนุษยธรรม”
ผมจะกล่าวถึง 2 คำ คือ “ลัทธิชาตินิยม” กับ “ลัทธิมนุษยธรรม” ซึ่งเขาพูดแค่ “มนุษยธรรม” แต่หมายถึงลัทธิอุดมการณ์เช่นกัน
“ลัทธิ” นั้นคือ “การจัดตั้ง” หรือการทำให้เป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นเป็นทฤษฎี อุดมการณ์ ความเชื่อ ซึ่งแตกต่างจาก “ความรู้สึก - สำนึก” ที่ทุกคนมีกันตามปกติ
“ลัทธิชาตินิยม” จึงเกิดจากการทำให้เป็นความเชื่อ อุดมการณ์ ส่วนมากก็เกิดจากการปลุกปั่นให้คนบ้าคลั่งหลงชาติตัวเอง หลงคนที่ปลุกปั่น ที่เห็นได้ชัดก็คือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์
ส่วน “ความรู้สึกชาตินิยม” หรือความรู้สึกรักชาตินั้นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับสัตว์โลกทั้งหลายที่รักและหวงผืนดินถิ่นอาศัยของมัน ไม่ต้องมีใครไปจัดตั้ง ไปปลุกระดมให้มันรัก มันเป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย มนุษย์นั้นแม้จะมีความคิด - ความเชื่อ แต่ก็มีสัญชาตญาณรักผืนดินถิ่นเกิดเช่นกัน ความรู้สึกรักนี้จึงไม่ใช่ลัทธิอุดมการณ์ใดๆ อย่างที่พรรคส้มใช้ประณาม
“ลัทธิมนุษยธรรม” ก็เช่นกัน ต้องทำให้เป็นความเชื่อ เป็นอุดมการณ์ เป็นชุดความคิด พรรคส้มใช้คำนี้เป็นเครื่องมือกดดันคนรักชาติ ทหารและโรงพยาบาลให้รักษาทหารเขมรและชาว
เขมร พร้อมกับใช้เป็นอาวุธโจมตีว่าไม่มีความเป็นมนุษย์ จิตใจตกต่ำ เพราะต้องการแต่จะเข่นฆ่าทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม
และยังโชว์ให้โลกเห็นว่าพรรคตนสูงส่งด้วยคุณธรรมของมนุษย์
ส่วน “มนุษยธรรม” ที่คนรักชาติมีนั้นเป็น “ความรู้สึก” ไม่ใช่ความคิดพวกเขารู้สึกสงสาร เห็นใจ ห่วงใย ปรารถนาจะช่วยเหลือ หรือกล่าวอย่างสั้นก็คือความเมตตากรุณา
พรรคส้มใช้วาทะเท่ๆ โดยไม่รู้ความหมายของคำ ใช้มั่วเลอะเทอะ จนมันกลายเป็นวาทะที่สำส่อนเช่นเดียวกับความปลิ้นปล้อนกลับกลอกของพวกเขา
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี