กระแสการปรับคณะรัฐมนตรีมีขึ้นหลังจากเจ้าของพรรคตัวจริง แสดงความอหังการว่า ข้าคือศูนย์กลางอำนาจและอาจเป็นถึงศูนย์กลางจักรวาล ทำให้สมุนบริวารทั้งหลายนั่งไม่ติด โดยเฉพาะสมุนบริวารที่อยู่ค่ายจะไม่ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีอีกต่อไป ในส่วนกระทรวงกลาโหมก็แสดงผลงานเอาหน้าว่า เสนอกฎหมายต้านปฏิวัติรัฐประหารเข้าสภา
ต่อต้านปฏิวัติรัฐประหาร เป็นหมุดหมายสำคัญของพรรคเพื่อไทยตลอดมาเนื่องจากว่าผู้ถูกยึดอำนาจสองครั้งหลังในปี 2549 กับการยึดอำนาจปี 2557 ล้วนเป็นนายกรัฐมนตรีตระกูล “ชินวัตร”ผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นพรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีปี 2557 ส่วนทักษิณ ชินวัตร ถูกอำนาจถูกยึดอำนาจ 8 ปีก่อนหน้า พรรคเพื่อไทย จึงแค้นฝังเข็มว่า มีอำนาจวันไหนจะควบคุมกองทัพให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
นายสุทิน คลังแสง สส.พรรคเพื่อไทย มีวาสนาได้เป็น รัฐมนตรีกลาโหม เมื่อใกล้ถึงวันต้องอำลาตำแหน่งเสนาบดีก็ทดแทนบุญคุณเจ้าของเพื่อไทย ด้วยการผลักดันออกกฎหมายต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหาร โดยแถลงว่าที่ประชุมสภากลาโหม เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา รับทราบในร่างแก้ไขกฎหมายฉบับนี้แล้ว
ชื่อ กฎหมายฉบับเต็ม คือ พระราชบัญญัติ จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่...) โดยมีสาระสำคัญ ในการแก้ไขเพิ่มเติมที่น่าสนใจ ดังนี้ ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม มีการแก้ไขมาตรา 15 และมาตราอื่นๆ โดยมีการกำหนดเงื่อนไขการแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล โดยให้กระทรวงกลาโหม กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งนายพล ในแต่ละระดับไว้ 3 ประการคือ
1.ต้องไม่เคยมีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพลหรือมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด การค้ามนุษย์ การทำลายทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อม
2.ต้องไม่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม หรือประกอบธุรกิจหรือกิจการ
3.ไม่อยู่ในระหว่างถูกสอบสวนทางวินัยหรือระหว่างถูกดำเนินคดีอาญา เว้นแต่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท ความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือความผิดลหุโทษ
นายจำนงค์ ไชยมงคล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับผิดชอบงานด้านกฎหมาย ระบุว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ ยังให้อำนาจนายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี #มีคำสั่งให้พักราชการทันที เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าข้าราชการทหารผู้ใด ที่ใช้กำลัง ทหาร เพื่อยึดหรือควบคุม อำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจากรัฐบาลหรือเพื่อก่อการกบฏ
พิเคราะห์ตามร่างกฎหมายพูดได้ว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยสำเหนียกว่า การยึดอำนาจสองครั้งสุดท้ายล้วนมีเงื่อนไขมาจากการทุจริตคอร์รัปชั่นในรัฐบาล ที่มี DNA เดียวกันคือ ผลาญประเทศไทยให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และใช้สมุนบริวารสร้างความวุ่นวาย เพื่อเป็นเงื่อนไขยุบสภาแล้วฟอกตัวกลับมาใหม่ผ่านการเลือกตั้ง ทั้งสมัยทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้รูปแบบเดียวกัน คือ ทุจริตทางนโยบาย เมื่อประชาชนจับได้ไล่ทันก็ยุบสภาแล้วฟอกตัวด้วยการเลือกตั้งใหม่ และกลับเข้ามีอำนาจต่อไป แต่สิ่งที่สองพี่น้องแค้นฝังใจคือประชาชนไม่ตอบสนองแผนการชั่วร้าย ตรงกันข้ามคลื่นมหาชนนับแสนนับล้านชุมนุมประท้วงต่อต้านการเลือกตั้งใหม่จนเกิดความวุ่นวายเป็นเหตุให้ทหารต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยการยึดอำนาจ
ปี 2549 สมัยรัฐบาลไทยรักไทยนายกฯยุคนั้น มีข้อครหาทุจริตคอร์รัปชั่นและมีพฤติกรรมจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันฯประชาชนนำโดยพันธมิตรฯนับหมื่นนับแสน ออกมาชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาล นายกฯแก้ปัญหาด้วยยุบสภาแล้วจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเวลา 45 วัน การยุบสภาแล้วจัดให้เลือกตั้งใหม่ถูกฝ่ายค้านคว่ำบาตรประชาชนขัดขวาง สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตัดสินว่าการเลือกตั้ง 2 เมษายน 2549 เป็นโมฆะ หัวหน้า พรรคไทยรักไทยดื้อรั้นบริหารงานประเทศเหนือกฎเกณฑ์ต่อไป จนกระทั่ง ทหารยึดอำนาจ 19 กันยายน คณะทหารที่ยึดอำนาจ แถลงว่านอกจากทุจริตคอร์รัปชั่นแล้ว ผู้นำรัฐบาลยุคนั้นมีพฤติกรรมส่อไปในทางจาบจ้วงละเมิดสถาบันฯ การยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 จึงมิใช่การปฏิวัติรัฐประหารเพราะในความเป็นจริงทักษิณเป็นผู้ประกาศปฏิวัติตัวเองมาจากนิวยอร์ก ก่อนบิ๊กบังนำทหารประกาศยึดอำนาจหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น
ในกรณีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็เช่นกันเมื่อประชาชนนับแสนนับล้านประท้วงขับไล่รัฐบาลทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อช่วยเหลือพี่ชายให้พ้นผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ยุบสภาแล้ว จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ก็ถูกประชาชนประท้วงขัดขวาง และระหว่างรอการเลือกตั้งใหม่ ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี 8 คน พ้นจากหน้าที่ ในฐานความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในกรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ จึงเป็นที่ประจักษ์ว่า ทหารไม่ได้ยึดอำนาจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลผีหัวขาดที่ดื้อรั้นบริหารประเทศต่อไปโดยไม่มีกฎหมายรองรับ
พรรคเพื่อไทยต้องสำเหนียกด้วยว่าการยึดอำนาจนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้นมิใช่การปฏิวัติรัฐประหาร แต่เป็นการยึดอำนาจจากรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมในท่ามกลางความสับสนวุ่นวายเกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งทหารจำเป็นต้องเข้ามารักษาความสงบและกอบกู้ประเทศไทยที่เกือบจะกลายเป็นรัฐล้มเหลว และพรรคเพื่อไทยต้องสำเหนียกด้วยว่า การทุจริตทางนโยบายและการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเป็นเงื่อนไขสำคัญของการยึดอำนาจ
ที่นายสุทินแถลงว่าได้ผลักดันกฎหมายต้านปฏิวัติรัฐประหารนั้น จึงเหมือนการสุมฟืนเข้ากองไฟ ให้ยึดอำนาจได้เร็วขึ้น เพราะปัจจุบันนี้นอกจากเจ้าของพรรคเพื่อไทยทำตัวอยู่เหนือกฎหมายเหนือกฎเกณฑ์ใดๆ ของสังคมไทยโดยที่รัฐบาลเพื่อไทยใช้ช่องว่างทางกฎหมายช่วยให้นักโทษในความผิดทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ต้องติดคุกตามคำสั่งศาลแม้แต่วันเดียว รัฐบาลภายใต้การกำกับควบคุมของนายใหญ่ อ้างว่าปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ แต่ข้ออ้างนั้นไม่สามารถกลบเกลื่อนลบล้างความคลางแคลงใจความโกรธแค้นของประชาชนส่วนใหญ่ที่ขยายวงกว้างออกไปทุกขณะได้
นอกจากรัฐบาลสมคบกับนายใหญ่โกงความยุติธรรมแล้วรัฐบาลพรรคเพื่อไทยยังสร้างความคลางแคลงใจสงสัยในทุกวงการว่านโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ของพรรคเพื่อไทย เป็นแผนการเปิดช่องให้ทุจริตทางนโยบายหรือไม่?นโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ที่พรรคเพื่อไทยสัญญาว่าจะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้คนไทยตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งต้องใช้เงินบาทที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายถึงห้าแสนล้านบาทกับโครงการที่กำลังถูกต่อต้านทักท้วงขัดขวางจากธนาคารแห่งประเทศไทย คณะกรรมการป้องกันและปราบปราบทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการกฤษฎีกาตลอดถึงประชาชนทั่วไปกำลังเป็นฟืนกองใหญ่สุมไฟยึดอำนาจ
นอกจากนั้น รัฐมนตรีกลาโหมของพรรคเพื่อไทย ก็ช่วยสุมฟืนเข้าในกองไฟ เมื่อผลักดันกฎหมาย 3 ข้อที่เหมือนการดูถูกเหยียดหยามหลักการเลื่อนขั้นทหารระดับนายพลที่กองทัพถือปฏิบัติกันมาหลายทศวรรษ ที่สำคัญยังระบุว่าร่าง #กฎหมายฉบับนี้ยังให้อำนาจนายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีคำสั่งให้พักราชการทันที เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าข้าราชการทหารผู้ใด ที่ใช้กำลัง ทหาร เพื่อยึดหรือควบคุม อำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจากรัฐบาลหรือเพื่อก่อการกบฏ
ในข้อที่ให้อำนาจนายกฯสั่งพักราชการทันทีผู้ที่มีพฤติกรรมใช้กำลังทหารยึดอำนาจ พรรคเพื่อไทยไม่รู้หรือว่านายใหญ่เองเตรียมจะปลดหรือโยกย้ายผู้บัญชาการทหารบกก่อนถูกยึดอำนาจไม่กี่ชั่วโมง ดังนั้นกฎหมายป้องกันการปฏิวัติรัฐประหารหากประกาศใช้ก็ไม่ต่างจากกระดาษเช็ดก้น เพราะหลังยึดอำนาจทุกครั้งผู้ยึดอำนาจใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ยกเลิกรัฐธรรมนูญแล้ว ร่างมันขึ้นมาใหม่ ประเทศไทยจึงใช้รัฐธรรมนูญเปลืองที่สุดในโลกตั้งแต่ 2475 ถึงวันนี้เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่ยี่สิบใช้แล้ว
จึงเรียนรัฐมนตรีกลาโหมที่ชื่อเหมือนกับเราท่องให้ขึ้นใจว่า “ไม่ทุจริตทางนโยบายปฏิบัติตามกฎหมาย มีคุณธรรม มีธรรมาภิบาล”เป็นคาถาป้องกันยึดอำนาจได้ดีที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี