“แพทองธาร ชินวัตร”กำลังดิ้นเฮือกสุดท้าย..จากกรณี“คลิปอัปยศ”..แต่ถึงจะดันทุรังอย่างไรก็ไม่น่าจะอยู่ในอำนาจต่อไปได้..ซึ่งเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนเมื่อวานนี้..ได้ออกไป“กู้เรตติ้ง”..โดยลงพื้นที่ที่จังหวัดสระแก้ว
ปรากฏว่า“แพทองธาร ชินวัตร”..ได้ถูกชาวบ้านส่งเสียงตะโกนขับไล่ให้ลาออก.. พร้อมชูป้ายประท้วง..มีข้อความว่า“นายกขายชาติ-นายกเนรคุณ“, “นายกไทยใจเขมร“ และ “นายกทรราชชั่วทั้งโคตร“ เป็นต้น
ขณะที่ฝั่งเขมรในวันเดียวกัน..“ฮุน เซน”ผู้มีอำนาจตัวจริงและเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงของเขมร..แต่งชุดลายพรางทหารออกตรวจแนวรบ..จากการเยี่ยมทหารและประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุดรมีชัย..ซึ่งเป็นพื้นที่ติดชายแดนไทยทางด้านจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ.. มี พล.อ.เตีย บันห์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี..และรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา..บิดาของ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา..รองนายกรัฐมนตรี..และรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาคนปัจจุบันร่วมคณะด้วย
เห็นภาพเคลื่อนไหวสองภาพจากฝั่งไทยและเขมรในครั้งนี้แล้ว..ทำให้นึกถึง“ทักษิณ ชินวัตร”..ที่ใครก็รู้ว่าเป็น“นายกรัฐมนตรีตัวจริง”ของประเทศนี้..บัดนี้หายไปไหน..หรือไป“แอบซุกรู”อยู่แห่งหนตำบลใด..ทำไมไม่ออกมาช่วย“แพทองธาร ชินวัตร”บุตรสาวที่ตนเป็น“ผู้ชักใย”..เฉกเช่น“ฮุน เซน”สันดานงูเห่าเพื่อนรัก..ซึ่งออกมาเดินนำหน้า“ฮุน มาเนต”..บุตรชายที่เป็นนายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”ของตน
มิหนำซ้ำ..“ทักษิณ ชินวัตร”..อาจจะถึงกับวิบัติฉิบหายก็ได้..ที่เพื่อนรักชื่อ“ฮุน เซน”..ประกาศว่า..วันที่ 27 มิถุนายนวันนี้..“จะส่งข้อความพิเศษนี้ไปยังประชาชนชาวไทย”..อันเป็นข่าวที่“เว็บไซต์ข่าวพนมเปญโพสต์”..รายงานเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนเมื่อวานนี้โดยระบุว่า..“ฮุน เซน”จะเปิดเผยแผนการของ“ทักษิณ”ที่จะเปลี่ยนแปลง“ผู้นำของไทย”..รวมถึงการดูหมิ่นสถาบัน
คำถามก็คือ..“ผู้นำของไทย”ที่“ฮุน เซน”กล่าวถึงนั้น..เป็นผู้นำรัฐบาล..คือนายกรัฐมนตรี..หรือผู้นำที่เป็นองค์พระประมุขของชาติไทย..เพราะจอมเจ้าเล่ห์แห่งเขมรได้พูดถึง“การดูหมิ่นสถาบัน”ของ“ทักษิณ ชินวัตร”..ที่เวลานี้เป็นจำเลยคดีมาตรา 112 แฝงเอาไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม..สำหรับ“คลิปอัปยศ”..ที่ทำให้“แพทองธาร ชินวัตร”ถึงกับตกอยู่ในสภาพลูกผีลูกคนในเวลานี้นั้น..เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา..“แพทองธาร”ได้แถลงอีกครั้ง..โดยแก้ตัวไม่ยอมรับผิดในสิ่งที่กระทำลงไปว่า..“ตัวดิฉันเองก็ไม่ได้อะไร..แล้วดิฉันก็ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร”
ย้อนกลับไปดู“คลิปอัปยศ”..จากการสนทนาทางโทรศัพท์ของ“แพทองธาร ชินวัตร” กับ“ฮุน เซน”..ในค่ำวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา..จนกลายเป็นประเด็นร้อน..ทำให้ประชาชนคนไทยต้องลุกขึ้นมาส่งเสียงขับไล่กันทั้งบ้านทั้งเมืองอยู่ในเวลานี้..และอาจจะทำให้“แพทองธาร”ต้องถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งถอดออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี..พร้อมทั้งยังตกเป็นผู้ต้องในคดีอาญาฐาน“ทรยศขายชาติ”อีกด้วยนั้น-ถ้อยความสำคัญบางส่วนว่าอย่างนี้
“ไม่อยากให้อังเคิล (uncle)..ไปฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา..เพราะว่าพอไปฟังฝั่งตรงข้าม..อย่างพวกแม่ทัพภาคสอง..เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย..ซึ่งพอไปฟังฝั่งนั้นเสร็จ..ก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจ..หรือโกรธ..เพราะจริงๆ..แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลยค่ะ”
และอีกท่อนหนึ่งที่สำคัญ..“เพราะตอนนี้..ทางนั้นเขาอยากจะดูเท่..เขาก็จะพูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ..แต่ว่าจริงๆ..ที่เราต้องการคือ..ต้องการความสงบสุขให้เกิดขึ้น..เหมือนตอนก่อนที่จะปะทะกันตรงชายแดนน่ะค่ะ,..อยากให้ท่านฮุน เซน..เห็นใจหลานหน่อย..เพราะว่าตอนนี้..คนในประเทศไทยเขาไล่ไปเป็นนายกฯที่เขมรหมดแล้ว..จริงๆ..แล้ว..ท่านอยากได้อะไร..ก็ให้ท่านบอกมา..เดี๋ยวจะดู..เดี๋ยวจะจัดการให้”
จากคำสนทนาตามที่ยกมานั้น..“แพทองธาร ชินวัตร”ไม่อาจแก้ตัวแบบไร้เดียงสาปัญญานิ่มได้เลยว่า..“ตัวดิฉันเองก็ไม่ได้อะไร..แล้วดิฉันก็ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร”
ทั้งนี้..มีบทความชิ้นหนึ่งของ“สุภาวดี ตันติยานนท์”..นักการตลาดและนักคิดเชิงอนาคต..ที่เผยแพร่ในโลกโซเชียลอยู่ในเวลานี้..เขียนไว้อย่างน่าสนใจ..เกี่ยวกับประเด็นที่“แพทองธาร ชินวัตร”แก้ตัว..และเพื่อเป็นการเปิดมุมมองให้กว้างขึ้น-ขอยกบางส่วนมาบอกต่อดังนี้
“สุภาวดี ตันติยานนท์”..เปิดประเด็นในบทความว่า..“น่าสลดใจกับบทบาทผู้นำ..เมื่อรัฐไทยถูกลดทอนเหลือแค่การคุยโทรศัพท์สายตรงจากหลานถึง Uncle : การเจรจาที่ไร้รัฐ..และอธิปไตยที่หล่นหาย”
พร้อมตั้งคำถามว่า..“มีประเทศไหนบ้าง..ที่อำนาจอธิปไตยของรัฐ..ถูกย่อส่วนเหลือเพียงปลายนิ้วบนสมาร์ตโฟน ?..เมื่อผู้นำหญิงของไทยต่อสายตรงถึงอดีตผู้นำเขมร..พร้อมคำมั่นว่า..‘ถ้าอยากได้อะไรก็ขอมา..เดี๋ยวจัดให้’..เราก็ได้เห็นการมีอยู่ของรัฐหายไปจากโต๊ะเจรจา..เหลือเพียงเสียงและเงาในความสัมพันธ์ส่วนบุคคล..ผลประโยชน์ของประเทศไทยถูกจัดการผ่านความสัมพันธ์ส่วนตัว”
และอีก 6 ย่อหน้าถัดจากนี้..จากบทความของ“สุภาวดี ตันติยานนท์”
“แพทองธาร ชินวัตร..พูดในน้ำเสียงของ‘หลาน’..มากกว่านายกรัฐมนตรี..เธอใช้ถ้อยคำอ่อนน้อม..เรียกฮุน เซน..ว่า‘อังเคิล’..แทนตัวเองว่า‘อิ๊งค์’..และพยายามทุกทางเพื่อให้เรื่องเงียบ..สงบ..ราบรื่น..ไม่กระทบภาพลักษณ์ของรัฐบาลตน”
“แต่สิ่งที่หายไปในปลายสายนั้น..ไม่ใช่เสียง..สิ่งที่หายไป.คือรัฐ..ประเทศไทย..ไม่มีการกล่าวถึงผลประโยชน์ของประเทศไทย..ประชาชนไทย..อธิปไตยไทย..ไม่มีการอ้างอิงกระทรวงการต่างประเทศ..ไม่มีทีมความมั่นคงร่วมรับรู้..ไม่มีเงื่อนไขต่อรองอย่างเป็นระบบ..มีเพียง‘การเจรจาหลังบ้าน’ ที่เกิดขึ้นบนฐานของความสัมพันธ์ครอบครัว..และอารมณ์ร่วมส่วนตัว”
“ในทางตรงข้าม..ฮุน เซน..ยืนกรานในนามรัฐกัมพูชา..เขาพูดด้วยวาทกรรมของอธิปไตย..ใช้คำว่า ‘การปรับกำลัง’..‘การปิดด่าน’..‘การตอบโต้ทางการค้า’.. และเน้นว่าทางฝั่งเขา..‘ทำตามข้อตกลงแล้ว ไทยยังไม่ทำตาม’..มันคือความต่างของการพูดแบบรัฐ..กับการพูดแบบคนในมิติส่วนตัว”
“เมื่อแพทองธารกล่าวหาว่า..แม่ทัพภาค 2 เป็น ‘ฝ่ายตรงข้าม’..พร้อมย้ำว่า ‘อยากได้อะไรก็บอก เดี๋ยวจัดการให้’..เราก็เห็นอำนาจรัฐละลายลงไปในความสัมพันธ์ส่วนตัวอย่างไม่มีแนวต้าน”
“รัฐหายไปตรงไหน ?..หายไปตรงที่กองทัพไม่ได้มีที่นั่งบนโต๊ะเจรจา..หายไปตรงที่กระทรวงต่างประเทศกลายเป็นเพียงผู้แถลงข่าวตามหลัง..และหายไปตรงที่เสียงของนายกฯ..กลายเป็นเสียงของ ‘อิ๊งค์’..ไม่ใช่เสียงของประเทศไทย”
“ในแง่กฎหมาย..การกระทำเช่นนี้อาจไม่ได้ผิดอาญาโดยตรง..แต่มันละเมิดหลักการบริหารบ้านเมืองที่ดีอย่างร้ายแรง..รัฐธรรมนูญระบุว่า..ผู้ใช้อำนาจรัฐต้องใช้อำนาจผ่านองค์กรตามกฎหมาย..ไม่ใช่ในฐานะบุคคล..การที่นายกฯ ใช้ช่องทางส่วนตัวจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ..โดยไม่มีเอกสาร..ไม่มีทีม..และไม่มีสถาบันรัฐใดรองรับ..จึงอาจเข้าข่ายละเมิดวินัยอย่างร้ายแรง..หรืออย่างน้อย..ก็เป็นการบกพร่องในหน้าที่”
ครับชัดเจน !..ไม่เพียงแค่“แพทองธาร ชินวัตร”..อาจเข้าข่ายละเมิดวินัยอย่างร้ายแรง..หรือเป็นการบกพร่องในหน้าที่เท่านั้น..แต่เข้าข่ายถึงขั้นขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี..ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5)..ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์..และมีพฤติกรรมผิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง..อีกทั้งยังมีคดีอาญา“ทรยศขายชาติ”..ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจด้วยอีกข้อหาหนึ่ง
วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนพรุ่งนี้..ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ..ระหว่างเวลา 16.00 น.-21.00 น. คงจะได้เห็นปรากฏการณ์การชุมนุมของ“พลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย”..ที่ประชาชนคนไทยทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด..ออกมาร่วมชุมนุมกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน
“แพทองธาร ชินวัตร”ต้องลาออก..และพรรคร่วมรัฐบาลต้องถอนตัวเดี๋ยวนี้ทันที-“อุ๊งอิ๊งค์ออกไป” !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี