ระบอบโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยประกอบด้วย บริษัทยักษ์ใหญ่ บริษัทใหญ่ บริษัทกลางใหญ่บริษัทขนาดกลาง ขนาดย่อม เล็ก และจิ๋ว โดยมีตัวชี้วัด เช่น จำนวนพนักงาน มูลค่าทุนหมุนเวียน และมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่จำหน่าย เป็นต้น
ในปัจจุบันนี้ กลุ่มบริษัทที่เรียกว่า SME (Small and Medium size Enterprises) หรือ บริษัทขนาดย่อมและกลางที่มีการจ้างงานระหว่าง 20-200 คน โดยมีอยู่ในไทยประมาณ 4 ล้านบริษัท และมีการจ้างงานที่ 75% และมีสัดส่วนเป็นประมาณร้อยละ 35.2 ของผลิตผลรวมประชาชาติ (Gross Domestic Products -GDP) เพื่ออำนวยการลงทุนและการดำเนินกิจการของกลุ่ม SME บรรดาธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายก็จะมีฝ่าย SME ไว้เป็นการเฉพาะ และในขณะเดียวกันทางภาครัฐก็มีทั้งธนาคารและองค์กรรัฐที่จะบริการและสนับสนุน SME เช่น ธนาคาร SME ธนาคาร Export - Import ธนาคารอิสลาม ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ และธนาคารกรุงไทย นอกจากนั้นทางภาครัฐก็ได้จัดตั้งองค์กรบริการ SME เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นต้น จัดได้ว่ากลุ่ม SME ไม่หงอยเหงา และไม่ถูกโดดเดี่ยวหรือลืมเลือนแต่อย่างใด
แต่ทว่ากลุ่มบริษัท SME ก็ยังต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่บั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขัน และการทำธุรกิจที่ได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า ปัญหาท้าทายต่างๆ มี อาทิ
- การเข้าถึงซึ่งแหล่งเงินทุน
- การขีดเขียนโครงการที่น่าเชื่อถือ
- การถูกครอบงำโดยบริษัทขนาดใหญ่ ไปจนถึงการถูกทุ่มตลาดจากต่างชาติ
- การใช้ภาษาอังกฤษผ่านทางเว็บไซต์และสิ่งตีพิมพ์ ที่ใช้คำพูดและสาระเนื้อหาที่กระชับและชัดเจน
- การมีบุคลากรที่สามารถสื่อสารกับผู้ค้าได้อย่างคล่องแคล่ว รัดกุม
- การได้รับการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะอย่างสม่ำเสมอ
- การปรับปรุงคุณภาพของหีบห่อ
- การมีองค์ความรู้และทักษะในการใช้เทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่ เป็นต้น
เพื่อแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ดังกล่าว ทางภาครัฐโดยสภาพัฒน์ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงดิจิทัล เศรษฐกิจและสังคม ก็จะต้องร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนและยกระดับ โดยเฉพาะองค์ความรู้และทักษะให้กับกลุ่มธุรกิจ SME ซึ่งก็คงจะต้องเริ่มต้นที่การศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และอาชีวศึกษา ไปจนถึงระดับอุดมศึกษา และคู่ขนานกันไปก็คือ การยกระดับองค์ความรู้และทักษะของผู้ที่ทำงานทำการกันอยู่แล้ว ซึ่งภาระหน้าที่หลักก็คงจะตกอยู่ที่กระทรวงแรงงานเป็นสำคัญ
ส่วนทางภาคเอกชนนั้น นอกเหนือจากสภาหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมที่เป็นหน่วยงานกลางของภาคเอกชนแล้ว สภาหอการค้าจังหวัดจะต้องมีบทบาทที่เข้มแข็งกว่านี้ในการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในการถ่ายทอดองค์ความรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และการบริหารจัดการที่สอดคล้องหรือไปด้วยกับสภาวะเปลี่ยนแปลงทางอากาศหรือสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ สู่สมาชิกและบุคลากรของหอการค้าจังหวัด
โดยสรุปประเด็นปัญหาของความท้าทาย ณ วันนี้ สำหรับกลุ่มธุรกิจ SME ก็จะมีเรื่องของการรู้และการใช้สื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้งเพื่อการผลิตและการตลาด การฝึกอบรมยกระดับบุคลากรให้มีความรู้และความสามารถในการใช้เครื่องมือเครื่องใช้สมัยใหม่ ไปจนถึงขีดความสามารถในการซ่อมแซมทำนุบำรุง และดูแลการใช้เครื่องมือเครื่องใช้สมัยใหม่เพื่อช่วยการทำงานของแรงงานมนุษย์ รวมทั้งการปรับความสมดุลระหว่างแรงงานมนุษย์กับแรงงานทดแทนที่มาจากเครื่องไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
การดำเนินการปรับปรุงตัวต่างๆ ให้กับบริษัท SME ฝ่ายไทยก็สามารถเรียนรู้จากสถาบันระหว่างประเทศ เช่น องค์การสหประชาชาติ และองค์การชำนาญการเฉพาะทางที่เป็นเครือข่ายได้ ไปจนถึงการร่วมมือกับทางฝ่ายบริษัทเอกชนข้ามชาติ และผู้ชำนาญการระหว่างประเทศต่างๆ
เรื่องการยกระดับกลุ่มธุรกิจ SME ถือเป็นวาระเร่งด่วนของชาติ เพราะกลุ่มธุรกิจ SME เป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจของประเทศอันหนึ่ง แต่กลุ่มธุรกิจ SME ไม่สามารถและไม่อยู่ในฐานะที่จะช่วยตัวเองให้ก้าวไปกับโลกได้อย่างทันท่วงที จำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากภาครัฐเป็นสำคัญ แต่อนาคตก็คงจะดูไม่ค่อยจะแจ่มใส ตราบใดที่ฝ่ายการเมืองยังคิดอ่านที่จะแก้ไขประเด็นปัญหาเศรษฐกิจไทยแบบเฉพาะหน้า ขอไปที ด้วยนโยบายประชานิยม และการจัดทำแผน และโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ขาดความรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับกลุ่มธุรกิจ SME และการติดอยู่กับความคิดที่ว่า การจัดอีเวนท์ เช่น การจัดสัมมนา จัดนิทรรศการ การจัดการดูงาน ก็เป็นเรื่องที่เพียงพอแล้ว อนาคต SME ไทยก็คงไม่เดินหน้าไปไหน
ดังนั้นจะมัวปล่อยให้ฝ่ายการเมืองคิดเอง ทำเอง ก็จะดูกระไรอยู่ เพราะมันเป็นเรื่องที่กลุ่มธุรกิจ SME จะต้องออกมารวมตัวกันเรียกร้องและประสานงานกับฝ่ายธนาคาร ฝ่ายวิชาการค้นคว้าวิจัย และฝ่ายสถาบันกลางของภาคเอกชน โดยต้องคำนึงว่าฝ่ายตนเป็นผู้เสียภาษี และเป็นเจ้าของงบประมาณที่ภาครัฐ เมื่อนำไปใช้จ่ายก็ต้องตอบสนองความต้องการของสังคมโดยทั่วไป และมุ่งไปที่กลุ่มธุรกิจขนาดย่อมและขนาดกลาง เป็นสำคัญ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี