เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจสำหรับกระทรวงการต่างประเทศในยุคนี้ ที่มีรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงชื่อ“มาริษ เสงี่ยมพงษ์” จะได้รับความไว้วางใจและได้รับความน่าเชื่อถือน้อยมากจากประชาชนคนไทย
ทั้งนี้ จากผลสำรวจของ“นิด้าโพล” โดยศูนย์สำรวจความคิดเห็นสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เมื่อวันที่ 10สิงหาคมที่ผ่านมา ระบุว่า จากผลสำรวจเรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี”นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเพียงแค่ 4.89 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่มีความไม่ไว้วางใจสูงถึง 41.76 เปอร์เซ็นต์
อีกทั้ง ในส่วนของความพอใจในการทำงาน,ปรากฏว่าประชาชนคนไทยพอใจการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศเพียงแค่ 4.81 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยความเห็นที่ไม่พอใจเลยมีสูงถึง 40.31 เปอร์เซ็นต์
หากเทียบกระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงกลาโหมหรือกองทัพ ยิ่งต่างกันราวฟ้ากับเหว เพราะประชาชนคนไทยให้ความไว้วางใจกองทัพถึง 75.73 เปอร์เซ็นต์ โดยที่มีเพียงแค่ 1.07 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ไม่ไว้วางใจ ขณะที่ความพอใจต่อการทำงานของกองทัพก็มีสูงถึง 75.42 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีเพียง 0.15 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ไม่พอใจเลย
กระทรวงต่างประเทศในยุคนี้ล้มเหลว เพราะนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ วัย 66 ปี“เด็กในคาถา”ของศูนย์กลางอำนาจเถื่อนบ้านจันทร์ส่องหล้า เป็นได้เพียงแค่ข้าราชการประจำระดับเสมียนเท่านั้น ซึ่งชื่อชั้นในทางการทูตไม่เป็นที่ปรากฏ แม้จะเติบโตและเป็นลูกหม้อของกระทรวงการต่างประเทศก็ตาม
“มาริษ เสงี่ยมพงษ์”รับใช้ใกล้ชิด“ทักษิณ ชินวัตร” ตั้งแต่ยังเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยในกระทรวงการต่างประเทศ สมัยที่“ทักษิณ”นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โควตาพรรคพลังธรรม ในปี2537 ยุค“รัฐบาลชวน หลีกภัย”
และต่อมา หลังจาก“ทักษิณ ชินวัตร”ออกจากพรรคพลังธรรมของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มาตั้งพรรคไทยรักไทย จนก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2544 ก็ยังเรียกตัว“มาริษเสงี่ยมพงษ์”จากกระทรวงการต่างประเทศ มาใช้งานที่ทำเนียบรัฐบาล และนายมาริษก็ยังรับใช้“ตระกูลชินวัตร” ในสมัย“รัฐบาลยิ่งลักษณ์ชินวัตร”นายกรัฐมนตรี“หุ่นเชิด”ของ“ทักษิณ”อีกคนหนึ่งด้วยเช่นกัน
การเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ“มาริษ เสงี่ยมพงษ์” ใน“รัฐบาลแพทอง ธารชินวัตร”ยุคนี้ ที่มี“ทักษิณ ชินวัตร”เป็นผู้ชักใย จึงไม่ต่างจาก“ข้าเก่าเต่าเลี้ยง”ของ“ตระกูลชินวัตร”
เช่นเดียวกับ“ภูมิธรรม เวชยชัย”รักษาการนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่ “หมอมิ้ง-นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช”เลขาธิการนายกรัฐมตรี โดยที่สองคนหลังนี้เติบโตมาจากบริษัทในเครือชินคอร์ปของ“ตระกูลชินวัตร” และทุกวันนี้จึงเป็นกำลังหลักของรัฐบาล“แพทองธาร ชินวัตร” ทั้งเป็นพี่เลี้ยงให้“คุณหนูนายน้อย-อุ๊งอิ๊งค์” และคอยสนองงานให้แก่“ทักษิณ”ผู้เป็น“นายใหญ่”
จะเห็นได้ว่า การทำงานในลักษณะ“ข้าเก่าเต่าเลี้ยง”นั้น จึงเป็นได้เพียงแค่“ผู้ตาม” ซึ่ง“นาย”ว่าอย่างไร “ขี้ข้า”ก็ต้องว่าตามนั้น คือไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง และไม่กล้าตัดสินใจในทุกๆ เรื่อง
น่าเศร้าก็ตรงที่ ประเทศไทยไม่ใช่บริษัทจำกัดของ“ตระกูลชินวัตร” แต่เป็นของประชาชนคนไทยทุกคน จึงทำให้กระทรวงการต่างประเทศที่มีเจ้ากระทรวงที่ชื่อ“มาริษ เสงี่ยมพงษ์” ต้องตกเป็นรองด้านการทูตและการเมืองระหว่างประเทศแก่สองพ่อลูก“ตระกูลฮุน”ของกัมพูชา คือ “ฮุน เซน-ฮุนมาเน็ต” ที่ก่อสงครามรุกรานไทยในครั้งนี้
การทำงานในเชิงรุกของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นได้ชัดล่าสุด จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทหารไทยจาก“ร้อย.ร.111”ลาดตระเวนพื้นที่รอยต่อ“ช่องโดนเอาว์-กฤษณา” บริเวณภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์จังหวัดศรีสะเกษ เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และได้รับบาดเจ็บ 3 นาย โดยที่ 1นายถึงกับข้อเท้าซ้ายขาด
ปรากฏว่า กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกแถลงการณ์ประท้วงในวันรุ่งขึ้นแบบขอไปทีในลักษณะอ้อมๆแอ้มๆ ทั้งที่การกระทำของกัมพูชา ขัดต่อ“อนุสัญญาออตตาวา”ชัดเจน เพราะเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการประชุม“GBC”เมื่อวันที่ 7สิงหาคมที่ประเทศมาเลเซีย เพิ่งผ่านมาได้เพียงแค่ 2 วัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำหนังสือร้องเรียนประธานการประชุมรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา จากเหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ซึ่งรวมทั้งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง และทำหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติขอรับความชัดเจนนั้น ถามว่า กระทรวงการต่างประเทศที่มีข้าเก่าเต่าเลี้ยงของตระกูลชินวัตรเป็นเจ้ากระทรวง ทำได้แค่นี้เองหรือ
คนไทยในประเทศนี้ อยากรู้ว่ากระทรวงการต่างประเทศจะฟ้อง“2 พ่อลูกตระกูลฮุน”ของเขมร ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ(ICC) ข้อหา“อาชญากรสงคราม” ชั่วโมงไหนมากกว่า !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี