วันอังคาร ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล ให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันที่30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ในครั้งนี้หากเปรียบกับเหตุการณ์ “สึนามิ”เป็นอย่างไร นายอนุทินตอบว่า “ครั้งนี้หนักกว่า” ส่วนหนักกว่าเทียบกันได้อย่างไรนั้น ผู้สื่อข่าวไม่ได้ถาม
แต่หากลองเทียบดูระหว่างเหตุการณ์ “สึนามิ” ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่มีนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กับเหตุการณ์มหาอุทกภัยใน 9 จังหวัดภาคใต้ครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 19-27 พฤศจิกายน 2568 ในสมัยรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ใน พ.ศ.นี้ จะว่าไปแล้วก็จริงอย่างที่นายอนุทินให้สัมภาษณ์ ว่า “ครั้งนี้หนักกว่า”
เหตุการณ์ “สึนามิ” เมื่อ 21 ปีที่แล้วเกิดจากคลื่นยักษ์ถล่มในพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งอันดามัน อันประกอบด้วยจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ตรัง และสตูล ครอบคลุมพื้นที่ 25 อำเภอ 95 ตำบล 407 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,017 ครัวเรือน หรือประมาณ 58,550 คน
ผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้นเพียงแค่วันเดียวทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 5,395 ศพ แยกเป็นคนไทย 2,059 ศพชาวต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว 2,436 ศพและไม่สามารถระบุตัวตนได้ 900 ศพ โดยจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ จังหวัดพังงา 4,225 ศพ รองลงมาคือ จังหวัดกระบี่ 721 ศพ, ภูเก็ต 279 ศพ, ระนอง 159 ศพ,สตูล 6 ศพ และตรัง 5 ศพ นอกจากนั้น ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 8,000 คน และสูญหายอีกจำนวนมาก โดยมีเด็กกำพร้าที่บิดาหรือมารดา หรือผู้อุปการะเสียชีวิต มีจำนวนทั้งสิ้น 1,971 คน
สำหรับมหาอุทกภัยครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะฝนตกหนักจนถึงขั้นวิกฤต ซึ่งกรมชลประทานระบุว่า “ฝนหนักสุดในรอบ 300 ปี” ในพื้นที่ 9 จังหวัด คือ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยหนักที่สุดคือ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ครอบคลุมพื้นที่ 105 อำเภอ 723 ตำบล 5,381 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ1,226,627 ครัวเรือน หรือประมาณ 3,542,583 คน
ผลจากเหตุการณ์ที่เกิดมหาอุทกภัยครั้งนี้ รวม 1 สัปดาห์จากตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ของกระทรวงสาธารณสุข มีผู้เสียชีวิต 170 ศพ ใน 8 จังหวัด โดยจังหวัด
ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือ สงขลา มีผู้เสียชีวิต 131 ศพ รองลงไปก็คือ นครศรีธรรมราช 10 ศพ, ปัตตานี 9 ศพ, สตูล 5 ศพ, ยะลา 5 ศพ, นราธิวาส 4 ศพ, พัทลุง 4 ศพ และตรัง 2 ศพ โดยยอดผู้เสียชีวิตที่จังหวัดสงขลานั้น รวมถึงผู้เสียชีวิตจากโรคประจำตัวในระหว่างน้ำท่วมด้วย และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิสูจน์หลักฐาน ขณะที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
เหตุการณ์ “สึนามิ” มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้น 4,806 หลัง โดยแยกเป็นประเภทเสียหายทั้งหมด 3,302 หลัง และประเภทบ้านเรือนเสียหายบางส่วน 1,504 หลัง ส่วนมหาอุทกภัยครั้งนี้ยังไม่มีตัวเลขสรุปรวมอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ “สึนามิ” นั้น ตัวเลขเกี่ยวกับความเสียหายทางเศรษฐกิจใน 6 จังหวัดที่ประสบภัย มีมูลค่าประมาณ 12,258.32 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ โดยได้มีการบันทึกว่า เหตุการณ์ “สึนามิ” ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ของปี 2548 ลดลงครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับปี 2547 ส่วนใหญ่
เป็นการลดลงในครึ่งปีแรก โดยรายได้ลดลงถึง ร้อยละ 67.3
กิจการและสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ “สึนามิ” คือ โรงแรมและภัตตาคาร ซึ่งมีความเสียหายมากที่สุดในจังหวัดพังงา รองลงมาคือ ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง และสตูล โดยเฉพาะกิจการโรงแรมและภัตตาคารบริเวณเขาหลัก จังหวัดพังงา และเกาะพีพีจังหวัดกระบี่ เนื่องจากส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายจนไม่สามารถเปิดดำเนินกิจการได้ ทำให้พนักงานเกือบ 1 หมื่นคนต้องว่างงาน เช่น โรงแรมบริเวณเขาหลัก ถึงกับต้องปิดกิจการ และมีการเลิกจ้างพนักงานมากกว่า 4,000 คน
เมื่อนำเหตุการณ์ “สึนามิ” มาเปรียบเทียบกับ “มหาอุทกภัย” ในครั้งนี้ ต้องถือว่าครั้งนี้หนักจริงๆ เพราะไม่เพียงแต่จำนวนประชาชนผู้ประสบภัยจะสูงกว่าหลายเท่าเท่านั้น คือ “สึนามิ” มีจำนวน 1.2 หมื่นคน แต่ “มหาอุทกภัย” ครั้งนี้มีถึง 3.5 ล้านคน และล้วนแล้วแต่ต้องตกอยู่ในสภาพสิ้นเนื้อประดาตัวกันแทบทั้งสิ้น
ขณะที่ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ ก็เช่นกันมหาอุทกภัยครั้งนี้ความเสียหายคงไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท-1 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ “สึนามิ” ที่มูลค่าเสียหาย 1.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากผลกระทบไม่เพียงแต่แค่จังหวัดท่องเที่ยวเท่านั้น แต่อำเภอหาดใหญ่ยังเป็นเมือง “ธุรกิจการค้า” ที่สำคัญในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างซึ่งจะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว โดยเฉพาะผู้ประกอบการจะต้องสร้างเนื้อสร้างตัวกันใหม่
ที่สำคัญที่สุด ในช่วงเหตุการณ์ “สึนามิ” โลกของการสื่อสารยังไม่เจริญเท่ากับเหตุการณ์ “มหาอุทกภัย” ครั้งนี้ ข่าวสารจึงมีความจริงมากกว่าความเท็จ ต่างจาก พ.ศ.นี้ที่ข่าวลวงข่าวเท็จถูกปล่อยออกมาเพื่อมุ่งทำลายล้างทางการเมืองของแต่ละฝ่าย แม้กระทั่งตัวเลขผู้เสียชีวิตก็ยังถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อทำให้ประชาชนเกิดความสับสน และเกิดความไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี
เหตุการณ์มหาอุทกภัยครั้งนี้ แม้ไม่ใช่สงคราม แต่ก็เหมือนสงคราม ซึ่งเมื่อคนไทยใน 9 จังหวัดภาคใต้เดือดร้อนมีทุกข์ คนไทยทั้งประเทศก็ย่อมต้องแบกรับชะตากรรมร่วมกัน
เพราะฉะนั้น ณ นาทีนี้ คนไทยทุกคนจะต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ถึงจะฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ ลืมกันหมดแล้วหรือ “คุณเสี้ยม” ทั้งหลาย-“ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

‘เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์’ร่วมกับ ‘ซีเนริโอ’ จัดพิธีไหว้ครูประจำปี 2568
‘แพม’ เมาท์ฉ่ำบทร้ายใน ‘ลวง’ ไม่ง่าย เผยปะทะ ‘กานต์’ สุดหิน ต้องทำสมาธิอย่างหนัก
ช่อง 7HD เปิดโผละครใหม่ส่งท้ายปี 3 ปีที่รอคอย รีเทิร์นคู่จิ้น 'ยูโร-พิ้งค์พลอย'ลง 'แหวนรักข้ามเวลา'
‘ช่อง 7HD’ก้าวสู่ปีที่ 59 บรรยากาศยินดีสุดอบอุ่น ร่วมมอบเงินสมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี
‘มิกค์ – พิ้งค์พลอย’ จับคู่เสิร์ฟฟินครั้งแรก สนุกจัดเต็ม ใน ‘แผนรักฉบับร้าย’

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี