หากใครก็ตาม หรือศาลชนิดไหนก็ตาม บอกว่าการที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ที่ชื่อแพทองธาร ชินวัตร ลูกของทักษิณ ชินวัตร (นักโทษชายที่ถูกพิพากษาให้ต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 8 ปี แต่ทว่าไม่เข้าคุกเลยแม้แต่วันเดียว) ได้พูดอย่างชัดเจนกับฮุนเซนแห่งกัมพูชา ว่า ทหารมันเป็นคนละพวกกับเรา (ซึ่งเราหมายถึงแพทองธารกับฮุนเซน) เป็นการพูดเพราะความรักชาติ รักประเทศแล้วละก็ ต่อไปก็ต้องเข้าใจด้วยว่า การที่ใครคนใดคนหนึ่งบอกว่าตั้งใจทำลายประเทศไทย มันคือการแสดงความรักชาติชนิดหนึ่ง
การที่ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยจีบปากจีบคอฉอเลาะจำนรรจากับผู้นำการเมืองต่างชาติ โดยบอกชัดๆ ไม่อ้อมค้อมว่าทหารไทย (มัน) เป็นศัตรูกับนายกรัฐมนตรีไทย แล้วนายกรัฐมนตรีไทยรายนั้นก็ดันประกาศว่าตนเองเป็นเพื่อน เป็นมิตร เป็นฝ่ายเดียวกับผู้นำการเมืองของกัมพูชา ขอย้ำว่านายกรัฐมนตรีไทยพูดกับผู้นำการเมืองกัมพูชา ในยามที่ผู้นำกัมพูชาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการนำเรื่องพรมแดนไทยกับกัมพูชาไปขึ้นศาลโลก เพราะต้องการให้ศาลโลกตัดสินให้ดินแดนหรือพรมแดนไทยที่เขาต้องการตกเป็นของเขา
ใครก็ตามที่ไม่โง่เขลาเบาปัญญาจนเกินไปเมื่อได้ฟังเสียงฉอเลาะของแพทองธารกับฮุนเซนแล้ว ก็ต้องเข้าใจตรงกันโดยพลันว่านี่คือการประกาศตัวเป็นพวกเดียวกับฮุนเซน ย้ำว่าฮุนเซนประกาศว่าจะนำเรื่องพรมแดนของไทยที่กัมพูชาต้องการครอบครองไปขึ้นศาลโลก เพราะย่ามใจคิดว่าศาลโลกจะตัดสินให้ไทยต้องเสียดินแดนเหมือนครั้งที่กัมพูชาฟ้องศาลโลกแล้วชนะไทยเรื่องปราสาทพระวิหาร
แพทองธารอ้างว่าการที่ประกาศตัวเป็นศัตรูกับทหารของไทยคือเทคนิคการเจรจาต่อรองกับฮุนเซน เมื่อแพทองธารอ้างแบบไร้ตรรกะเช่นนั้น ก็มีคำถามถามกลับว่า หากแพทองธารประกาศกับคู่สนทนาว่า แพทองธารเป็นศัตรูกับทักษิณ เพราะทักษิณเป็นคนไม่รักชาติ แต่แพทองธารรักชาติมากมายมหาศาลท่วมฟ้าท่วมดิน จึงต้องประกาศตัวเป็นศัตรูกับทักษิณ ถามว่าหากทักษิณได้ยินได้รับรู้เรื่องนี้ ทักษิณจะรู้สึกยินดีใช่หรือไม่ที่ลูกสาวเป็นคนรักชาติมากจนถึงกับประกาศเป็นศัตรูกับทักษิณได้
หรือมีคำถามว่า สมมุติว่าถ้าหากแพทองธารสนทนากับอนุทิน ชาญวีรกูล เกลอเก่าก่อนที่จะแยกวงออกจากการร่วมรัฐบาล แล้วบอกว่าเรามาร่วมมือกันหักหลังพรรครวมไทยสร้างชาติแล้วเมื่อเราทำสำเร็จ เราก็เขี่ยรวมไทยสร้างชาติออกจากการร่วมรัฐบาล แล้วพรรคการเมืองของเราคือเพื่อไทยกับภูมิใจไทยแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรีกัน หรือไม่แพทองธาร ก็บอกว่า เมื่อหักหลังรวมไทยสร้างชาติแล้ว พรรคเพื่อไทยจะยกเก้าอี้รัฐมนตรีที่เคยเป็นของรวมไทยสร้างชาติให้ภูมิใจไทย หากเรื่องแบบนี้เป็นความจริงแล้วเรื่องหลุดออกไปถึงหูรวมไทยสร้างชาติ ถามว่ารวมไทยสร้างชาติจะยังรู้สึกว่าแพทองธารกับอนุทินเป็นมิตรรักเกลอแก้วกับรวมไทยสร้างชาติต่อไปหรือไม่ แต่หากแพทองธารบอกว่า ก็ไม่ผิดอะไรนี่นาเพราะเป็นแค่การพูดกันธรรมดาๆ เป็นเทคนิคการเจรจาเท่านั้น เพราะยังไม่ได้เกิดการหักหลังรวมไทยสร้างชาติอย่างจริงจัง หากแพทองธารอ้างแบบนี้ รวมไทยสร้างชาติรับได้หรือไม่
มีอีกกรณีหนึ่งที่มีการพูดเชิงตั้งคำถามกันมากในสังคมไทย โดยมีผู้สมมุติว่าหากแพทองธาร มีบทสนทนากับใครก็ตาม หรือสนทนากับฮุนเซน ก็ได้ โดยบอกว่าเธอต้องได้กลับไปเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออย่างแน่นอน เพราะพ่อและแม่ของดิฉันจ่ายเงินหลายร้อยกิโลกรัมเพื่อซื้อ........... เรียบร้อยแล้ว โดยซื้อได้แล้ว 5 คน เพราะฉะนั้นดิฉันได้กลับไปเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ หากเรื่องนี้หลุดไปสู่สาธารณชน ถามว่าคนที่ถูกอ้างว่าซื้อได้แล้วทั้งห้าคนนั้นจะรู้สึกอย่างไร หรือจะรู้สึกว่าไม่มีปัญหาใดๆ เพราะเป็นแค่คำพูดเท่านั้น
สาธารณชนกำลังเฝ้ารอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ว่าจะออกมาเช่นใด แต่ก่อนที่ศาลฯ จะมีคำวินิจฉัยออกมา คนชาติไหนก็ตามที่ได้ยินบทสนทนาที่พูดว่า uncle จะเอาอะไรก็บอกอิ๊งค์มา อิ๊งค์จัดการให้ทันที รวมถึงคำว่า ทหารมันอยากเท่ มันทำเรื่องเอง มันเป็นคนละฝ่ายกับเรา ขอย้ำว่าได้ฟังเพียงเท่านี้ก็บอกตรงกันว่านี่มันคือการขายชาติ แต่หากศาลฯ จะตั้งคำถามว่าขายชาติคืออะไร ก็เป็นเรื่องของศาลฯ ก็แล้วกัน แล้วจงรอดูว่าประชาชนไทยจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้
เฉลิมชัย ยอดมาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี