“แพทอง ชินวัตร”จะอยู่หรือไป..จะรอดหรือไม่รอด..อดใจรออีกไม่นาน..เพราะศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตาในวันที่ 29 สิงหาคมที่จะถึงนี้..กรณี“คลิปอัปยศ”ในการเจรจากับ“ฮุน เซน”ทรราชแห่งเขมร เพื่อนรักเพื่อนเกลอของ“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นบิดา
กรณีนี้ 36 สว.ร้องศาลรัฐธรรมนูญว่า..“แพทองธาร ชินวัตร”ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์..และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง..โดยระบุในคำร้องว่า “แพทอง”ในฐานะผู้ถูกร้อง..แสดงออกถึงความนิ่งเฉย..และไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบหรือกำหนดมาตรการ..รวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเอง..ให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบ..ที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะวิสัยและพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ..เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัว..ในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา..พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด..ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2..คือ..พล.ท.บุญสิน พาดกลาง..ผู้ถูกร้องเห็นว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้าม
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม..สองปีที่บรรดา“สส. 500”..โดยเฉพาะจากพรรคเพื่อไทยที่เป็นฝ่ายรัฐบาล 140 คน..และ สส.พรรคประชาชนที่เป็นฝ่ายค้าน 143 คน..ปากอ้างประชาธิปไตย..เข้าทำหน้าที่หลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นมานั้น..ไม่สมราคาคุยเลยแม้แต่น้อย..บ้านเมืองมีแต่ความวิบัติฉิบหายเกิดขึ้น
สงครามกัมพูชารุกรานอธิปไตยและบูรณภาพดินแดนของไทย..อันเนื่องมาจากการผลประโยชน์ไม่ลงตัวแบบ“เพื่อนรักหักเหลี่ยม”..ของ“ตระกูลชิน”กับ“ตระกูลฮุน”..ที่เวลานี้เหมือนจบแต่ไม่จบ..ซึ่งกัมพูชายังละเมิดข้อตกลงอยู่ทุกวี่ทุกวัน..ที่ไม่เพียงแต่ทหารไทยจะสูญเสียขาและบาดเจ็บ..จากการลอบวางระเบิดสังหารบุคคลของ“สุนัขลอบกัด”อย่างกัมพูชา..โดยลอบวางทุ่นระเบิดเพิ่มขึ้นใหม่ๆ..แทบจะกลายเป็นเหตุสูญเสียรายวันแล้ว..การโกหกมดเท็จในการทำ“สงครามข่าวสาร”จากฝ่ายกัมพูชา..ก็มีให้เห็นไม่เว้นวัน
ทั้งนี้..ตามข้อตกลง“GBC”เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568..ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์..ประเทศมาเลเซีย..ข้อ 9 มีข้อตกลงร่วมกันว่า..“ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะงดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอม..เพื่อลดความตึงเครียด..ลดความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน..และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจรจาอย่างสันติ”
ปรากฏว่า..เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา..ทหารไทย 1 นาย..ต้องสูญเสียขาข้างซ้ายจากการเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล..ระหว่างการการลาดตระเวนทางฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมืองธม..อำเภอพนมดงรัก..จังหวัดสุรินทร์..ซึ่งเป็นบริเวณที่อยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทยนั้น..กัมพูชาก็โหกหน้าตายชนิดที่“ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ”ว่า..ไม่ใช่ฝีมือของฝ่ายตน
โดย พล.ท.มาลี โสเจียตา..หรือ“นางมาลีดอกไม้”..โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา..ได้แถลงเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมวานนี้..ด้วยการปฏิเสธเสียงแข็งว่า..ทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาลักลอบเข้ามาฝังในดินแดนไทยนั้น..เป็นข้อกล่าวหาของไทยที่ไร้หลักฐานชัดเจน.พร้อมทั้งย้ำว่า “กัมพูชาไม่เคย..และจะไม่ใช้..หรือวางกับระเบิดใหม่อย่างเด็ดขาด..จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการและโปร่งใส..เพื่อหาข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..และพื้นที่เกิดเหตุเป็นเขตอธิปไตยของกัมพูชา”
มิหนำซ้ำ..พล.ท.มาลี โสเจียตา..ยังเปิดฉากทำสงครามข่าวสารรุกไทยต่อ..เพื่อสื่อไปยังนานาประเทศว่า..“กัมพูชาได้เตือนหลายครั้งว่า..พื้นที่นี้ยังคงมีวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามที่ผ่านมา..กัมพูชายืนยันจุดยืนชัดเจนในการเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568..และข้อตกลง 13 ข้อ..จากประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม (GBC) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม..โดยมีผู้สังเกตการณ์จากมาเลเซีย..สหรัฐฯ..และจีน..ซึ่งกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายคงกำลังพลในตำแหน่งเดิม..ห้ามเคลื่อนย้ายหรือเดินลาดตระเวนเข้าใกล้จุดยืนของอีกฝ่าย”
ขณะที่ฝ่ายไทย..โดยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่หมดความไว้วางใจจากประชาชนคนไทย..ดังผลสำรวจของ“นิด้าโพล”ครั้งล่าสุด..ที่ระบุว่ามีเพียงแค่ร้อยละ 4.66 ที่ให้ความไว้วางใจนั้น..ก็ยังเป็นไก่รองบ่อนของกัมพูชา..แทนที่จะสู้กับกัมพูชาก็หันหน้ามา“แว้งกัด”คนไทยด้วยกันเอง..จากคำสัมภาษณ์ของนายภูมิธรรม เวชยชัย..รักษาการนายกรัฐมนตรี..จากการให้สัมภาษณ์สื่อที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมวานนี้..ซึ่งประกาศจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับทุกคน..ที่กล่าวหาตนว่า“เข้าข้างเขมร”
นายภูมิธรรม เวชยชัย..ซึ่งเปรียบเสมือน“ข้าเก่าเต่าเลี้ยง”ของ“ทักษิณ ชินวัตร”...ร่ายยาวจากการให้สัมภาษณ์คครั้งนี้ว่า..“การที่บอกว่าผมไปเข้าข้างเขมร..บอกว่าระเบิดที่ลงที่โรงพยาบาล..ไม่ใช่อย่างโน้นอย่างนี้..ไม่จริงนะครับ..และถ้าไปดูเทปทั้งหมด..เขาถามว่าจะชี้แจงอย่างไรหรือไม่..ทำไมระเบิดถึงลงเฉพาะที่นี่..ผมก็บอกว่าเขาไม่ได้ยิงเฉพาะเจาะจงเป้าหมาย..หากยิงเฉพาะเจาะจงเป้าหมาย..จะไม่มีการเสียชีวิตของพลเรือนเลย..เป็นการยิงด้วยระเบิด‘BM-21’..ที่ออกมาทีจำนวนมาก..กระจัดกระจาย..ไม่ได้ไปที่เป้าหมายทางทหาร..นั่นหมายความว่าพลเรือนและโรงพยาบาล..ผมคิดว่าอย่าเอาไปบิดเบือนทำลายรัฐบาล..สร้างความไม่ไว้วางใจรัฐบาล..ทำให้ประชาชนในประเทศเกิดความแตกแยก”
และอีกหนึ่งถ้อยความ..จากการให้สัมภาษณ์ของนายภูมิธรรม เวชยชัย..“มีนักวิจารณ์การเมืองบางคน..ไปพูดว่าให้ตัดขาผม..จะได้รู้ว่าหัวอกเป็นอย่างไร..ทั้งหมดนี้ผมจะฟ้องหมด..ผมนี่เป็นคนที่ไม่คิดจะฟ้องใคร..แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องทำให้ประจักษ์..อย่างที่ผมเคยทำในอดีต..ผมเคยถูกโจมตี..จนกระทั่งสนธิ (ลิ้มทองกุล) แพ้ผมในชั้นศาลฎีกา..อันนี้เคยมาแล้ว..ขอโทษมาแล้ว..เรื่องนี้เหมือนกัน..อย่าพูดอะไรพล่อยๆ..อย่าพูดอะไรทำให้เกิดความแตกแยก..อย่าพูดอะไรที่ทำร้ายคนอื่น”
อย่างไรก็ดี..สส.บ้านเรานั้น เป็นสิ่งที่เรียกว่า“หนังหนา-หน้าหนา”..ประเภท“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา”..ชาวบ้านเขาสาปส่งไล่ส่งไม่เอาแล้ว ก็ยังไม่รู้สำนึก..และอย่าได้นำคำว่า“ประชาชน”ไปแอบอ้างว่า“จะทำให้คนไทยแตกแยก”..จากคำสัมภาษณ์ของ“ภูมิธรรม เวชยชัย”..เพราะทุกวันนี้ประชาชนคนไทยสามัคคีกันดี..จึงทำให้ทหารหาญในแนวหน้าเกิดความ“อุ่นใจ”..มีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่ประชาชนไม่ไว้วางใจ..ขนาด“แพทองธาร ชินวัตร”ยังบอกว่า “แม่ทัพ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม”..และเป็นเหตุให้ 36 สว.ต้องร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี..เข้าข่ายฐาน“ทรยศชายชาติ”
ถ้า“แพทองธาร ชินวัตร”จะต้องถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี..กรณี“คลิปอัปยศ”..ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้..และจะทำให้รัฐบาลต้องพ้นสภาพไปด้วยนั้น..แค่นี้ก็ยังไม่พอ..เพราะถ้า“แพทองธาร”และรัฐบาลต้องมีอันเป็นไป..ตัวตายตัวแทนของ“ระบอบทักษิณ”ก็ยังมีเกิดขึ้นตามมาใหม่อีก
ทางเดียวคือ..รอลุ้นคดี“มาตรา 144”ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย..ทั้ง“เศรษฐา ทวีสิน” และ“แพทองธาร ชินวัตร”โยกเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568..จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท..เพื่อสำหรับใช้ชำระหนี้เงินกู้, ดอกเบี้ย และเงินที่กำหนดให้จ่าย..มาลดแลกแจกแถมในโครงการประชานิยม“แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท”..ซึ่งเข้าข่ายความผิดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 144..และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 มาตรา 28
งานนี้ถ้า ป.ป.ช.ส่งสำนวนคดีต่อไปถึงศาลรัฐธรรมนูญเมื่อใด..ทั้ง สส. และ สว. เกือบทั้งรัฐสภา..นอกจากจะต้องพ้นสมาชิกสภาพแล้ว..ก็ยังถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองอีกด้วย..เช่นที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย..พรรคเพื่อไทย..เพิ่งโดนมาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมานี้เอง ฐานละเมิดมาตรา 144 นอกจากต้องพ้นสภาพจากการเป็น สส. ก็ยังถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี
เจ้าประคู้น-ถ้ามาตรา 144 แผลงฤทธิ์ต่อ..ก็ถือว่าเป็นการทำบุญทำทานครั้งใหญ่..เหมือนล้างประเทศให้ความสกปรกโสโครกหมดสิ้นไป !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี