วันอังคาร ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ความอำมหิตผิดมนุษย์ของ “ระบอบฮุนเซน” โดย “ฮุน เซน” และ “ฮุน มาเนต” สองทรราชพ่อลูกแห่งเขมร เห็นได้จากทหารกัมพูชาที่ถูกเกณฑ์มารบแล้วต้องกลายเป็นศพ และถูกปล่อยทิ้งที่แนวรบกลางป่ากลางเขา แทนที่จะนำร่างทหารผู้เสียชีวิตกลับไปไห้ครอบครัวและญาติพี่น้อง เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติและสมศักดิ์ศรีของทหาร สองพ่อลูกคู่นี้ก็ไม่ทำ
ประเมินกันว่า ทหารกัมพูชาเสียชีวิตจากการก่อสงครามรุกรานไทย ของ“ฮุน เซน”และ“ฮุน มาเนต” ระหว่างวันที่ 24-28 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 2 พันนาย และสูญหายกว่า 6 พันนาย ซึ่งทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นเด็กหนุ่มอยู่ในวัย 17-20 ปี ถูกเกณฑ์มาเป็นทหาร โดยมีการบังคับฝึกเพียงแค่ 10 วันเท่านั้น แล้วก็ถูกส่งเข้าสู่สมรภูมิรบในแนวหน้า และสุดท้ายก็ต้องกลายเป็นศพสังเวยชีวิตให้แก่“ระบอบฮุนเซน”
ที่น่าเศร้าใจยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ ความโหดร้ายป่าเถื่อนของ“ฮุน เซน”ผู้กระหายสงคราม เห็นค่าชีวิตในความเป็นมนุษย์เพียงเฉพาะแค่ทหารระดับแม่ทัพนายกอง ที่เป็นคนสนิทและถวายหัวรับใช้“ตระกูลฮุน”เท่านั้น ส่วนระดับล่างปล่อยให้เน่าเหม็นอยู่กลางป่ากลางเขา กลายเป็น“ซากอศุภะ”อันโอชะให้ฝูงอีแร้งและฝูงสัตว์มารุมทึ้งกิน
จะเห็นได้จากที่ปรากฎเป็นข่าวว่า “ฮุน เซน”ทรราชแห่งเขมรผู้นี้ ให้ความสำคัญเฉพาะนายทหารระดับแม่ทัพนายกองในแนวรบเพียง 4 นาย ที่เสียชีวิตจากการก่อสงครามครั้งนี้เท่านั้น โดยได้นำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติในแนวหลัง
ศพแรก-พล.อ.สรัย ดึ๊ก รองผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ที่มาบัญชาการในฐานะผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ซึ่งเสียชีวิตจากการสู้รบเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 จากการนำทหารหน่วยองค์รักษ์“BHQ”ของ“ฮุน เซน” รวมทั้งหน่วย 911 และทหารรับจ้าง เข้าโจมตีทหารไทยตรงแนวรบบริเวณปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
ศพที่สอง-พล.ต.ดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 กองกำลังภาคพื้นดิน ถูกกระสุนปืนใหญ่เสียชีวิตที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ จากการสู้รบกับทหารไทยเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568
และอีก 2 ศพ ที่เป็นระดับผู้ควบคุมและสั่งการการรบในแนวหน้า คือ พลจัตวา สิน เจีย ที่เข้ามาบัญชาการแทน พล.ตรี ดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 และ พ.อ.จัน มุนี ผบ.กองพันแทรกแซงที่ 8 กองพลแทรกแซงที่ 3 ซึ่งเสียชีวิตจากสงครามรุกรานไทยโดยฝ่ายกัมพูชาในครั้งนี้เช่นกัน
ไม่เพียงแต่เท่านั้น แม้กระทั่งศพของทหารกัมพูชา 18 นาย ซึ่งเสียชีวิตจากการสู้รบในพื้นที่บริเวณภูมะเขือ ที่กองทัพไทยได้ส่งคืนให้แก่กองทัพกัมพูชา ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อนำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาในภูมิลำเนาต่อไปอย่างสมเกียรติ ตามหลักมนุษยธรรมสากล ปรากฏว่า ทางฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธที่จะรับศพ โดยอ้างว่าไม่ใช่ทหารของกัมพูชา
อย่างไรก็ดี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธาน“GBC” หรือประธานคณะกรรมการชายแดนทั่วไปฝ่ายไทย ที่จะต้องบินไปประชุมกับกัมพูชาในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ที่ประเทศมาเลเซีย ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมวานนี้ว่า
“เสียใจแทนทหารกัมพูชาที่เสียชีวิต คือทางรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธว่าไม่ใช่ทหารของเขา ซึ่งความจริงจะใช่หรือไม่นั้น ก็เป็นคนกัมพูชาที่มาเสียชีวิตในฝั่งเรา และจากการปฏิบัติการที่ผ่านมา มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหน้าแนวฝ่ายไทยในพื้นที่เขตกัมพูชาจำนวนมาก ยังไม่ได้รับการเก็บกลับไป จึงแจ้งรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาไปว่า ให้เก็บศพกลับไปให้ถูกต้องตามสุขลักษณะ และให้สมเกียรติสมศักดิ์ศรีความเป็นทหาร จึงอยากให้สื่อมวลชนช่วยทำความเข้าใจและสื่อไปถึงรัฐบาลกัมพูชาว่า อยากให้ดูแลทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ขณะนี้รัฐบาลกัมพูชายอมรับแล้ว แต่ก็ยังปฏิเสธว่าไม่ใช่ ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจ ถ้าวิญญาณทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตรับรู้ได้ เขาก็คงจะเสียใจ”
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ยังกล่าวด้วยว่า “ได้ย้ำกับ พล.อ.เตีย เช็ยฮา รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาว่า อยากให้เร่งมาเก็บ เพราะ 1.หากปล่อยไว้นานอาจเกิดโรคระบาดได้ และอาจทำให้ประชาชนกัมพูชาที่อยู่ในบริเวณนั้นได้รับเชื้อโรค 2.ทหารด้วยกันจะเคารพศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้น หากเสียชีวิตเราจะไม่หมิ่นศักดิ์ศรี”
ทางด้าน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงภายหลังการประชุม ศบ.ทก.เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมวานนี้ว่า การที่รัฐบาลและกองทัพกัมพูชา เพิกเฉยและละเลยการปฏิบัติต่อศพทหารของตนเอง ด้วยการทอดทิ้งร่างผู้เสียชีวิต ไม่เพียงแต่ขัดหลักศีลธรรมเท่านั้น ยังถือว่า ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างชัดเจน ตามอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 1 และฉบับที่ 4 “ว่าด้วยการเก็บรักษาและเคารพร่างผู้เสียชีวิตจากการสู้รบ”
พร้อมกันนี้ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ ยังระบุว่า “นอกจากนี้ ทางฝ่ายกัมพูชา ยังละเมิดต่อเกียรติยศของกองทัพกัมพูชาเอง เพราะไม่ดำเนินการใดๆ ต่อร่างผู้เสียชีวิต สะท้อนการละเลยศักดิ์ศรีของทหาร เป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเสียใจอย่างยิ่ง สร้างผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของทหารกัมพูชาที่ยังมีชีวิต และครอบครัว ซึ่งครอบครัวของทหารดังกล่าวได้พยายามตามหาญาติของตนเอง อีกทั้งการกระทำดังกล่าวยังขัดต่อหลักศาสนาของกัมพูชา ที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ รวมทั้งกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขลักษณะข้ามแดน เพราะการปล่อยศพไว้โดยไม่เก็บกู้ อาจลุกลามเป็นปัญหาข้ามพรมแดน นอกจากเรื่องของกลิ่น ยังมีโอกาสแพร่เชื้อโรค เป็นอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ขอฝากไปยังกัมพูชา ให้เคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ของประชาชนชาวกัมพูชา โดยเฉพาะทหาร”
บรรทัดนี้ คงต้องบอกว่า“ระบอบฮุนเซน”นั้นโหดร้ายและน่ากลัว ไม่เพียงแต่ประชาชนชาวกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อภูมิภาคนี้ด้วย โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านสมาชิกอาเซียน เพราะกัมพูชาโดย“ฮุน เซน” และ“ฮุน มาเนต”ไปลากดึงสหรัฐอเมริกาเข้ามาถึงหลังประตูบ้านของจีน เพื่อหนุนอำนาจให้แก่ตนเอง
ด้วยเหตุนี้ อาเซียนก็จะกลายเป็นพื้นที่“ทุ่งสังหาร”ของสองขั้วมหาอำนาจ ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาในที่สุด !
รุ่งเรือง ปรีชากุล

ทะลุล้าน ‘โต๋นแตร-ทินกร’ โปรโมทซีรีส์กลางสยาม ‘I Promise I Will Come Back ฉันคอยเธอ’ รีรัน
LG ร่วมกับ มูลนิธิ เมเจอร์ แคร์ สร้างโอกาสทางการเรียนรู้ ส่งมอบ ‘ห้องหนังเพื่อการเรียนรู้’ ห้องที่ 79
‘แผนรักฉบับร้าย’ คึกคัก ‘มิกค์-พิ้งค์พลอย’ นำทีม ชวนทัพนักแสดงเมาท์ฉ่ำ รับกระแสสุดปัง
‘นิว นภัสสร’ เปิดตัว Bibbidii Line Up 2026 ผุดโปรเจ็กต์ใหม่เอาใจแฟนๆ สายซีรีส์
‘หญิง รฐา’ เล่านาทีเจอเนื้องอก 6 ซม.

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี