วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)เปิดปฏิบัติการค้นพื้นที่ 19 จุดตามหา นายก๊ก อาน ผู้ต้องหาเป็นหัวหน้าขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติชาวกัมพูชา
เป็นที่น่าสังเกตว่า นายก๊ก อาน ใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการนานหลายปี เขามีลูกสาวถือสัญชาติไทยและซื้อบ้านราคาหลายล้าน 15 หลัง นับเป็นเรื่องประหลาดใจที่ทางการไทย
เพิ่งตามหาตัวในวันที่เขาไม่อยู่ในประเทศไทย
ทำให้เกิดความสงสัยว่า ทางการไทยขึงขังจริงจังเอาตอนนี้ เพราะผู้นำจิตวิญญาณรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังมีความขัดแย้งรุนแรงกับสหายฮุนเซน ผู้นำจิตวิญญาณรัฐบาลพรรคประชาชนกัมพูชา หรือไม่ เนื่องจากทางการไทยยืนยันว่านายก๊ก อาน เป็นคนสนิทฮุนเซน
ทันทีที่ตำรวจไทยแถลงว่า ยึดทรัพย์สินนายก๊ก อาน ไว้สอบสวนรวมทั้งยึดเงินสด 27 ล้านบาท และกำลังสอบสวนเส้นทางการเงินว่าได้มาจากการฉ้อโกงออนไลน์หรือไม่ สมเด็จฮุนเซน ได้โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อเวลา 18.41 น. วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 พูดถึงกรณีตำรวจไซเบอร์ออกหมายจับ “ก๊ก อาน” คนสนิท ว่า..
“ประเทศไทยควรเตือนตัวเอง! ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อทางการและตำรวจไทยที่เริ่มปฏิบัติการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ภายในอาณาเขตของตน ความพยายามนี้จะช่วยลดการไหลบ่าของอาชญากรรมไซเบอร์ที่ทะลักเข้ามาในกัมพูชา ซึ่งเป็นอาชญากรรมที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้งมาอย่างยาวนาน”
การรื้อถอนเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์นี้ ควรดำเนินการตั้งนานแล้ว แทนที่จะปล่อยให้ล่าช้ามาจนถึงตอนนี้ ในอดีตเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมายแก่กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอาชญากรรมที่มาจากแผ่นดินไทยโดยเฉพาะบริเวณชายแดน”
“ส่วนความคิดเห็นล่าสุดเกี่ยวกับการสืบสวนและปราบปรามนายก๊ก อาน ที่ทางการไทย สื่อและประชาชนจำนวนมาก ระบุว่าเป็นผลมาจากความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของเขากับข้าพเจ้านั้นศาลไทยควรเริ่มการสืบสวนนายทักษิณด้วย เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า #นายทักษิณมีความใกล้ชิดกับข้าพเจ้ามาก ถึงขนาดมีห้องพักที่บ้านของข้าพเจ้าด้วยซ้ำ มาดูกันว่าศาลไทยจะกล้าสืบสวนนายทักษิณหรือไม่”
เฟซบุ๊ก ฮุนเซน เหมือนการยอมรับว่า นายก๊ก อัน เป็นคนสนิททั้งกับเขาและนายทักษิณ ชินวัตร และบอกเป็นนัยว่านายทักษิณก็รู้ว่า ก๊ก อาน เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ นายทักษิณเองคงรู้ว่า ก๊ก อาน เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ดังที่เขาพูดว่า“รู้นะเจ้าของตึก 25 ชั้น 18 ชั้น ที่เป็นที่ตั้งคอลเซ็นเตอร์ เจ้าของเป็นใครถ้าปราบไม่ได้ไทยเข้าไปจัดการเอง ฯลฯ
พิเคราะห์จากเฟซบุ๊ก ฮุนเซน และคำพูดนายทักษิณ เชื่อว่า สองสหายเริ่มระหองระแหงกันตั้งแต่ “หลิว จงอี้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ไทย ปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปต เมื่อต้นปีนี้ ที่ทางไทยทำได้เพียงตัดไฟตัดอินเตอร์เนตบางส่วนเท่านั้น
ฮุนเซน ซึ่งปกครองกัมพูชาแบบคณาธิปไตยนานเกือบ 50 ปี มีอิทธิพลเหนือทุกสถาบันกัมพูชา คงเข้าใจว่า สหายในไทยยิ่งใหญ่คับฟ้าเหมือนเขา จึงไม่พอใจที่สหายในไทยปกป้อง ก๊ก อาน ไม่ได้ เมื่อครั้งไทยตัดไฟ ตัดอินเตอร์เนตบางส่วน
และเรื่องถูกขัดผลประโยชน์จากคอลเซ็นเตอร์บานปลายกลายมาเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ เมื่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่สามารถสั่งทหารไทยไม่ให้ตอบโต้ทหารเขมร ที่ฮุนเซนสร้างสถานการณ์ขัดแย้งเขตแดนกับประเทศไทย เพื่อสร้างภาพให้ฮุน มาเนต ลูกชาย ได้เป็นอีโร่ ผู้ทวงคืนดินแดนได้
ในความเป็นจริงรัฐบาลเพื่อไทย ตั้งแต่ผู้นำจิตวิญญาณ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม พยายามอย่างเต็มที่ ไม่ขัดขวางแผนการร้ายของฮุนเซน แต่รัฐบาลไทยไม่สามารถขัดขวางทหารในการปกป้องอธิปไตยของชาติได้ ดังที่นายกรัฐมนตรีไทยโทรศัพท์ไปบอก ลุงฮุนเซน ว่า “แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นคนของฝ่ายตรงข้ามเรา ฯลฯ” แต่ลุงฮุนเซน ไม่เชื่อใจตัวหลานสาว เอาคลิปเสียงมาประจานที่อาจทำให้หลานสาวอาจตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
ถึงจุดนี้เรียกได้ว่าเลือดเข้าตาทั้งตระกูลฮุนและตระกูลชิน พวกเขานี้จึงถือเอาความขัดแย้งระหว่างครอบครัวกับความขัดแย้งระหว่างชาติมารวมกัน อะไรทำลายอีกฝ่ายได้ต้องทำทุกทาง
การออกหมายจับนายก๊ก อาน จึงทำให้เข้าใจไปได้ว่า เป็นแผนการทำลายชื่อเสียง ฮุนเซน แต่หารู้ไหมว่ามันอาจกลายเป็นบูมเมอแรงกลับมาทิ่มแทงสหายไทยได้ เมื่อฮุนเซน ท้าทายว่า
“ไทยกล้าสอบสวนทักษิณไหม เนื่องจากว่าทักษิณเป็นคนสนิทข้าพเจ้าด้วยเช่นกัน”
กรณีนายก๊ก อาน จึงคล้ายกับ นายตู้ห่าว ซึ่งถูกกล่าวหาเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ฟักตัวอยู่ในประเทศไทยภายใต้อิทธิพลการเมือง ตู้ห่าว แต่งงานกันนายตำรวจหญิง ซึ่งเป็นหลานสาวอดีตอธิบดีกรมตำรวจและรองนายกรัฐมนตรีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ในห้วงเวลาที่ตู้ห่าว แผ่อิทธิพลความยิ่งใหญ่มีข่าวลือว่า รัฐมนตรีขาใหญ่ในเวลานั้นมีความสัมพันธ์กับนายตู้ห่าว ถึงขนาดใช้เครื่องบินส่วนตัวเขาเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ทางภาคอีสาน และข่าวลือหนาหูขึ้นเมื่อมีรายงานว่านายตู้ห่าว (ใช้ชื่อไทย) บริจาคเงินให้พรรคพลังประชารัฐ 3 ล้านบาท
แต่หลังจากลุงตู่สั่งปลดรัฐมนตรีขาใหญ่ และมีแนวโน้มจะแยกตัวจาก พปชร.ไปตั้งพรรคใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 นายตู้ห่าว ถูกจับดำเนินคดี
นายตู้ห่าว กับพวก 19 คนถูกข้อกล่าวหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด และฟอกเงิน อย่างไรก็ตามวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลพิพากษายกฟ้องนายตู้ห่าว และพวกรวม 19 คน คดีอาชญากรรมข้ามชาติ ฟอกเงินและยาเสพติด ศาลชี้พยานหลักฐานโจทก์ ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
คดีตู้ห่าว แสดงให้เห็นว่า อาชญากรรมข้ามชาติเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศไทยได้ ต้องมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และวันไหนผู้มีอิทธิพลทางการเมืองขัดแย้งแตกแยกกัน อาชญากรข้ามชาติก็ถูกจัดการเพื่อปิดปากหรือตัดตอนจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ตัวอย่าง คดีตู้ห่าว ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า หมายจับ ก๊ก อาน มีส่วนสัมพันธ์กับความขัดแย้งผู้ยิ่งใหญ่คับฟ้าในกัมพูชากับผู้ยิ่งใหญ่เหนือรัฐบาลเพื่อไทยหรือไม่ หรืออาจเป็นไปได้ว่าการตามล่านายก๊ก อาน เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี มาจากแรงกดดันจากวอชิงตัน เนื่องจากมีรายงานว่าสหรัฐขอความร่วมมือทางการไทยในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติชาวกัมพูชา
ข้อมูลที่ปรากฏในรายงานของผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมข้ามชาติและความมั่นคงในภูมิภาค จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เผยแพร่เมื่อ พ.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า เจ้าของคลาวด์ กาสิโน ชื่อ “ก๊ก อาน”
ในรายงานยังบอกด้วยว่า การก่ออาชญากรรมออนไลน์ที่กำลังใช้กัมพูชาเป็นฐานที่มั่นนั้น กลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ของประเทศ สร้างเม็ดเงินมากกว่าอุตสาหกรรมสิ่งทอและการผลิตเสื้อผ้าที่เคยเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ในกัมพูชาไปแล้ว ที่สำคัญ ยังอ้างถึงชื่อนักการเมืองระดับสูง ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพรรคประชาชนกัมพูชา รวมถึงสนิทสนมกับ “ฮุนเซน และ ฮุน มาเนต”
หนึ่งในนั้น ก็คือ “ก๊ก อาน” ที่ในรายงานกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปตและสีหนุวิลล์ นอกจากเป็นนักการเมืองระดับสูง ยังมีข้อมูลว่า ก๊ก อาน เป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของกัมพูชา เป็นนักธุรกิจเจ้าของกิจการหลากหลายประเภทรวมถึงโรงแรมและกาสิโนหลายแห่งทั้งที่ปอยเปตรวมทั้งสีหนุวิลล์
ข้อมูลของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการ สอท.พบว่าเจ้าของตึก 18 ชั้น และ 25 ชั้น เป็นชาวกัมพูชา โดยมีพยานบุคคล ยืนยันว่า ตึกทั้ง 2 หลัง ถูกใช้เป็นที่ทำงานของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ส่วนเจ้าของอาจเป็นคนเดียวกันกับกาสิโนที่อยู่ใกล้กันหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง น่าจะมีความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นใครจึงจะออกหมายจับได้ เมื่อออกหมายจับจะติดตามจับกุม จึงมีช่องทางประสานงานตามกฎหมาย ถ้าประเทศนั้นมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็ประสานผ่านช่องทางนั้น ถ้าไม่มีก็ใช้ทางการทูต หรือฝ่ายบังคับใช้กฎหมายด้วยกัน
ตำรวจไซเบอร์ ตรวจสอบข้อมูลคดีและที่ตั้งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พบว่าฐานขบวนการคอลเซ็นเตอร์ติดชายแดนไทยมีทั้งหมด 28 แห่ง โดยมี 1 แห่งอยู่ที่ประเทศลาว ที่เหลือกระจายอยู่ทั่วกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นปอยเปต พระสีหนุ หรือ บาเวต
ส่วนยอดการรับแจ้งความออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2565-31 พ.ค. 2568 รวมกว่า 900,000 เรื่อง มูลค่าความเสียหาย 91,000 ล้านบาท เฉพาะเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว รับแจ้งความกว่า 34,000 เรื่อง ความเสียหาย2,200,000 บาท ได้แต่ภาวนาให้ตำรวจไทยนำตัวนายก๊ก อาน มาดำเนินคดีให้ได้ และภาวนาขออย่าให้เรื่องจบแบบนายตู้ ห่าว
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี