สงครามรอบใหม่ที่อิสราเอลเปิดฉากก่อน อ้างว่า เพื่อหยุดยั้งการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ทำลายโรงงานผลิตขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ของอิหร่าน และได้รับการตอบโต้หนักหนาสาหัสจากเตหะราน สร้างความวิบัติเสียหายแก่พลเรือนทั้งสองฝ่ายและสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เช้าวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน ขีปนาวุธ (Missiles) จากอิหร่านกว่าร้อยนัดพุ่งเข้าใส่โครงสร้างพื้นฐาน โรงงานผลิตน้ำมัน และอาคารที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ หลายเมืองของอิสราเอล วีดีโอสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นโชว์ให้เห็น Missiles พุ่งเข้าใส่โรงงานและคลังน้ำมันในเมืองไฮฟา ทางเหนือของอิสราเอล แรงระเบิดทำให้เกิดเปลวเพลิงสูงกว่า 150 เมตร นอกจากนั้นวีดีโอยังฉายให้เห็น Missiles หลายลูกถล่มอาคารใหญ่ในเมืองไฮฟา
แหล่งข่าวใน จาฟฟาเมืองชายฝั่งทางใต้อิสราเอล บอกกับแนวหน้าว่า มี Missiles จำนวนมากยิงเข้ามาตั้งแต่คืนวันอาทิตย์และส่วนใหญ่ถูกสกัดทำลายได้ แต่ Missiles สองลูกถล่มที่อยู่อาศัยห่างจากที่อยู่แหล่งข่าวไปทางใต้ประมาณ 1.5 ไมล์
“มีรายงานว่า อพาร์ทเมนท์หกชั้นถูกทำลายทั้งหลัง” แหล่งข่าวกล่าวและเสริมว่า..“ขณะนี้กู้ภัยกำลังค้นหาผู้รอดชีวิตและเก็บศพกันอยู่ สถานการณ์เลวร้ายทำให้จิตตก แต่เราไม่อาจบ่นได้ เพราะคนใน “กาซา” อยู่กับเหตุการณ์เช่นนี้มาเกือบ 600 วัน”
แหล่งข่าวหมายถึงชาวปาเลสไตน์กว่า 2.4 ล้านคนในฉนวนกาซา ที่ถูกกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ถล่มด้วยอาวุธหนักทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 ที่อิสราเอลอ้างว่า บุกเข้าไปทำลายล้างฮามาส ที่ข้ามแดนไปสั่งหารอิสราเอลและคนหลายสัญชาติกว่า 1,000 ศพ ตอนตีสองของคืนวันที่ 7 ตุลาคม ฮามาสใช้เวลาทำลายล้างอิสราเอล นานกว่าเจ็ดชั่วโมง ก่อนได้รับการตอบโต้จากกองทัพอิสราเอล
หลังจากฮามาสจับตัวประกันประมาณ 500 คน หลบหนีกลับเข้าไปในกาซา IDF ข้ามชายแดนตามไปทำลายล้างฮามาสในฉนวนกาซา และปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันนานเกือบหกร้อยวัน ทำให้ปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้วกว่า 60,000 ศพ 90% เป็นพลเรือนเด็กเล็ก สตรีและคนชรา จนชาวโลกประณามว่า อิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์ ด้วยเป้าหมายแท้จริง คือยึดครองกาซาจากปาเลสไตน์ ในข้ออ้างทำลายล้างฮามาสบังหน้า เพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปาเลสไตน์
การที่อิสราเอลเปิดฉากถล่มอิหร่านครั้งนี้ ก็มีข้ออ้างหยุดยั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเตหะราน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อสงครามของอิสราเอล-อิหร่าน ที่มีอเมริกาอยู่เบื้องหลังเป็นการทำลายเศรษฐกิจโลกและพลเรือนทั้งสองฝ่าย
ข้อมูลจากสำนักข่าว อัล-จาซีรา ณ วันอาทิตย์ที่15 มิถุนายน มีผู้เสียชีวิตในอิหร่านอย่างน้อย 224 ศพบาดเจ็บอยู่ในโรงพยาบาล 1,277 คน อัล-จาซีรา อ้างตัวเลขกระทรวงสาธารณสุขอิหร่าน ที่ระบุว่า 95% ผู้ตายและได้รับบาดเจ็บเป็นพลเรือน
ฝ่ายอิสราเอลมีคนตายจากอิหร่านโจมตี 19 ศพ และได้รับบาดเจ็บ 380 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนเหมือนผู้สูญเสียในอิหร่าน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่า อิสราเอลมักปิดบังตัวเลขจากการสูญเสียที่เป็นจริง
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ผลกระทบจากสงครามอิสราเอล-อิหร่าน ณ เช้าวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน น้ำมันราคาสูงขึ้น 7% จากอาทิตย์ก่อน จากความกังวลความขัดแย้งอาจ
ขยายวงกว้างออกไปคุกคามต่อการส่งออกน้ำมันทั่วโลก ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น จาก 73.85 ดอลลาร์สหรัฐต่อหนึ่งบาร์เรล เป็น 75 ดอลลาร์ต่อหนึ่งบาร์เรล
ซีเอ็นเอ็นรายงานด้วยว่า เช้าวันจันทร์ที่ 16 มีเสียงระเบิดดังสนั่นในเมืองไฮฟาของอิสราเอล Missiles อิหร่านทำลายอาคารและโครงสร้างพื้นฐานพลังงานอิสราเอล จากแรงทำลายของ
Missiles อิหร่านซีเอ็นเอ็นรายงานด้วยว่า ความขัดแย้งได้สร้างความวิตก จะเกิดการขัดขวางเส้นทางส่งออกน้ำมันในภูมิภาค นักวิเคราะห์กังวลความขัดแย้งจะส่งผลกระทบต่อช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางส่งน้ำมันทั่วโลก
อัล-จาซีรา รายงานว่า การตอบโต้ของเตหะรานคืนวันอาทิตย์ต่อเนื่องถึงเช้าจันทร์ เป็นผลจากที่ อิสราเอลเปิดฉากถล่มทางอากาศเมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน อิสราเอลใช้เครื่องบินรบ 200 ลำ ที่ถล่มเป้าหมายโรงงานนิวเคลียร์และโครงสร้างพื้นฐานทางทหารหลายสิบแห่ง ทั่วประเทศอิหร่าน
อาทิ โรงงานนิวเคลียร์ในเมืองนาตานซ์ ที่อิสราเอลแถลงว่าการโจมตีรอบแรกสังหารเจ้าหน้าที่ระดับผู้บัญชาการ กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามอิหร่าน 4 นาย รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์หลายคน ซึ่งอิสราเอลอ้างว่า ได้โจมตีเป้าหมายทำลายความสามารถสร้างอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน และทำให้กองทัพพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามอิหร่านพิการไปแล้ว
เป้าโจมตีอิสราเอลคือ 1.เมืองหลวงเตหะราน และโครงสร้างพื้นฐานทหารที่อยู่รอบๆ เมืองหลวง 2.เมืองนาตานซ์ มีรายงานว่า เป็นคลังแสงและแหล่งเก็บยูเรเนียม อิสราเอลอ้างว่า
โรงงานยูเรเนียมถูกกล่มทำลาย 3.เมืองตาบริซ เกิดระเบิดใกล้ศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ และโครงสร้างพื้นฐานทหารสองแห่ง 4.เมือง อืสฟาฮาน ตอนใต้ของเตหะราน และเมืองอารัค ทางตะวันตกเฉียงใต้เตหะราน 5.เมืองเคอร์มานชาห์ ตะวันตก เตหะรานที่ตั้งโรงงานผลิตขีปนาวุธใต้ดินถูกถล่มใกล้ชายแดนอิรัก
ซีเอ็นเอ็น รายงานด้วยว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธไม่ให้การสนับสนุนแผนการลอบสังหาร “อยาตอลเลาะห์โคไมนี” ผู้นำสูงสุดอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกับลูกน้องของเขา ปฏิเสธรายงานดังกล่าว เนทันยาฮู ให้สัมภาษณ์ฟอกซ์นิวส์ว่า “มีข่าวคลาดเคลื่อนมากมาย ผมไม่เคยพูดคุยเรื่องดังกล่าว ผมไม่เลยเถิดไปถึงจุดนั้น (ลอบสังหารโคไมนี)” และกล่าวเสริมว่า “ผมบอกได้เพียงว่า เราทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ และผมคิดว่าสหรัฐรู้ว่าอะไรเป็นผลดีกับอเมริกา”
นายกีเดียน ซาอาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็น ว่า เป้าหมายของอิสราเอล ไม่ใช่เปลี่ยนรัฐบาลเตหะรานถึงแม้อิสราเอลยังคงขยายวงโจมตีอิหร่าน อิสราเอลถล่มทางอากาศอิหร่านคืนวันพฤหัสบดี (เวลาอเมริกา) เป็นการโจมตีที่วางแผนล่วงหน้า การเปิดเกมรุกของเราอยู่บนพื้นที่ของข่าวกรองชั้นสูงสุดว่าอิหร่านใกล้ถึงจุดสำเร็จพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์”
ซาอาร์ ยืนยันว่าเป้าของอิสราเอล ไม่ใช่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลอิหร่าน “รัฐมนตรีมั่นคงของเราได้กำหนดว่าเปลี่ยนแปลงรัฐบาลไม่ใช่จุดประสงค์ของเรา..เรื่องนี้อยู่ที่การตัดสินใจของชาวอิหร่านเอง เราชาวอิสราเอลไม่ได้มองพลเมืองอิหร่านเป็นศัตรู เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจนกระทั่งปี 1979 เกิดปฏิวัติอิสลาม เมื่อรัฐบาลบ้าคลั่งป่าเถื่อนครองอำนาจ ตอนนั้น และเหมือนกับตอนนี้ ที่ประชาชนร้องตะโกน “มอบความตายให้อเมริกา” “มอบความตายให้อิสราเอล” และมีเป้าหมายกำจัดรัฐอิสราเอล”
ไม่ใช่เรื่องของเราจะตัดสินใจเปลี่ยนรัฐบาลเตหะราน มันเป็นเรื่องของชาวอิหร่านที่ปฏิบัติการหรือทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการทำ ซาอาร์ กล่าวและเสริมว่า “จุดประสงค์ของเราคือกำจัดโครงการนิวเคลียร์ โครงการขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ต้องหยุด และไม่สร้างเงื่อนไขให้เดินหน้าต่อไปได้ นั่นเป็นเป้าของเราเช่นกัน”
เชื่อว่าข่าวกรองชั้นสูงสุดของอิสราเอลที่ได้มาจากซีไอเอ คงเหมือนกับที่สหรัฐเคยใช้เป็นข้ออ้างรุกรานอิหร่าน โดยข่าวกรองซีไอเอ ยืนยันว่า อิรัก มีอาวุธนิวเคลียร์ และอาวุธเคมีร้ายแรง
มีอานุภาพทำลายล้างสูงอยู่ในอุโมงค์ลึก เป็นเหตุให้สหรัฐและกองทัพพันธมิตรนำกำลังรุกรานอิรักในปี 2003 (พ.ศ.2546)
หลังจากทำลายล้างอิรักโดยใช้ขีปนาวุธโทมาฮอว์ก ทะลุทะลวงถ้ำหลายแห่ง สหรัฐไม่พบอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธเคมีร้ายแรงทำลายล้างสูงแม้แต่ชิ้นเดียว จนถึงวันนี้ปี 2025 ซัดดัม ฮุสเซน ผู้นำอิรักถูกสังหาร ประเทศอิรักถูกทำลายล้างยับเยินไม่ปรากฏว่า อิรักมีอาวุธทำลายล้างสูงแต่อย่างใด
สหรัฐใช้ข่าวกรองซีไอเอ เป็นข้ออ้างบุกรุกทำลายล้างอิรักฉันใด ข้ออ้างของอิสราเอลที่มีสหรัฐหนุนหลัง ว่าอิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ใกล้เสร็จก็อาจเป็นฉันนั้น ซึ่งเตหะรานยืนยันตลอดมาว่า พัฒนานิวเคลียร์เพื่อพลังงานเท่านั้น มิได้พัฒนานิวเคลียร์เป็นอาวุธแต่อย่างใด
แต่หากอิสราเอลโดยมีอเมริกาหนุนหลัง กระสันทำสงครามนิวเคลียร์กับอิหร่าน ก็มั่นใจว่า พันธมิตรของเตหะรานจะสนองตัณหาบ้าสงครามอิสราเอลที่ออกหน้าแทนอเมริกาได้
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี