ฮุนเซน อดีตเขมรแดงผู้ก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลที่เวียดนามสถาปนาขึ้นในปี 2528 เขาเป็นนายกรัฐมนตรีขณะที่เขมร 4 ฝ่ายยังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเองรัฐบาลพนมเปญในเวลานั้นไม่เป็นที่ยอมรับของชาติประชาธิปไตยส่วนใหญ่
ปี 2532 รัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เชิญ ฮุนเซน มาเยือนประเทศไทย จึงพูดได้ว่า ประเทศไทยเป็นหน้าต่างบานใหญ่เปิดให้ประเทศประชาธิปไตยได้รับรองรัฐบาลพนมเปญเป็นทางการ
และหลังจากยูเอ็นจัดให้มีการเลือกตั้งครั้งแรกในปี2536 รัฐบาลพนมเปญตั้ง พรรคประชาชนกัมพูชา (พปช.)ลงสมัครรับเลือกตั้ง พ่ายแพ้แก่ พรรคฟุนซินเปก ของเจ้านโรดม รณฤทธิ์
แพ้เลือกตั้งแล้วฮุนเซนไม่ยอมลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยความเป็นรัฐบาลเผด็จการมานานฮุนเซนขู่จะใช้กำลังทหารจัดการกับพรรคชนะเลือกตั้ง เจ้ารณฤทธิ์ ต้องจำใจให้ฮุนเซนร่วมเป็นนายกรัฐมนตรีคู่กับเจ้ารณฤทธิ์ในรัฐบาลแห่งชาติ
รัฐบาลที่มีนายรัฐมนตรีสองคน บริหารงานแบบประสานงากัน นอกจากบริหารการเมืองไม่ราบรื่นแล้ว ยังมีนายสม รังสี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง เป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ที่ ฮุนเซนไม่สามารถใช้เงินแผ่นดินตามอำเภอใจได้ ปี 2537 ฮุนเซน กำจัดสม รังสี พ้นจากรัฐมนตรีคลังได้สำเร็จ
พ.ศ.2540 ฮุนเซนก่อการรัฐประหารนองเลือดขับไล่ เจ้านโรดม รณฤทธิ์ ออกจากอำนาจ แสดงถึงไร้ความปรานีในการช่วงชิงอำนาจ ที่คนฝ่ายเจ้ารณฤทธิ์ตายไปร้อยกว่าคน
จากการปฏิวัตินองเลือดปี 2540 ฮุนเซน กุมอำนาจเบ็ดเสร็จในกัมพูชาตั้งแต่นั้นมาพรรคของ สม รังสี มีความนิยมสูง ก็ไม่ถึงขั้นเป็นภัยต่อฮุนเซนได้ จนกระทั่งสม รังสี ยุบพรรคมารวมกับพรรคสิทธิมนุษยชนกัมพูชา โดยมีชื่อใหม่ว่า พรรคกอบกู้ชาติกัมพูชา หรือ ซีเอ็นอาร์พี
พรรคซีเอ็นอาร์พีได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อครั้งเลือกตั้งในปี 2556 โดยพรรคซีเอ็นอาร์พีคว้าเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนฯ มาได้ 55 ที่นั่ง ในขณะที่พรรคประชาชนกัมพูชา ของฮุนเซนได้ 68 ที่นั่ง ส่งผลให้พรรคซีเอ็นอาร์พีเป็นพรรคคู่แข่งที่สำคัญของพรรครัฐบาล ที่การเลือกตั้งครั้งต่อไปของกัมพูชาถูกกำหนดไว้ว่าจะมีขึ้นในปี 2561
และก็เป็นตามความคาดหมายว่า ฮุนเซน กำจัดทุกคนที่ขวางทางเขา พรรคซีเอ็นอาร์พีถูกยุบในปี 2561 สม รังสี และ สส. ยี่สิบกว่าคน หนีเข้ามาในประเทศไทยก่อนต่อไปฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา
สม รังสี คู่แค้นทางการเมืองฮุนเซนฉวยโอกาสที่ไทย-กัมพูชาปะทะกัน เปิดปฏิบัติการรักชาติคู่ขนานโดยรณรงค์ผ่าน “สภาต่อต้านแห่งชาติกัมพูชา หรือซีเอ็นอาร์ซี ที่วางแผนโค่นล้มระบอบฮุนเซน อดีตผู้นำพรรคซีเอ็นอาร์พี โผล่ขึ้นบนสปอตไลท์การเมืองกัมพูชาในนาม “ซีเอ็นอาร์ซี” ที่ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลพนมเปญเปิดเผยข้อมูลสำคัญต่อสาธารณะ
สม รังสี รณรงค์หาความจริงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ทหารแนวหน้าที่เสียชีวิตระหว่างปะทะกับกองทัพไทย แกนนำ “ซีเอ็นอาร์ซี” ในต่างประเทศแสดงพลังความสามัคคีระหว่างคนกัมพูชาต่างประเทศกับคนกัมพูชาในประเทศสนับสนุนทหารแนวหน้า เขากล่าวว่า รัฐบาลฮุน มาเนต ปิดบังการตายจริงของทหาร เพราะทหารที่เสียชีวิตจากการปะทะเป็นทหารลูกหลานชาวบ้าน ซึ่งต่างกับทหารองครักษ์พิทักษ์ ฮุนเซน หรือ BHQ ที่ไม่ได้ลงไปปะทะแนวหน้า
ในเวลาเดียวกัน ซีเอ็นอาร์ซี รณรงค์ ให้ชาวกัมพูชาต่างประเทศใช้สื่อสังคมเรี่ยไรเงินช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ โดยซีเอ็นอาร์ซีทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้ครอบครัวที่ไม่สามารถติดต่อกับทหารแนวหน้าได้
การเคลื่อนไหวของซีเอ็นอาร์ซี สร้างความหวั่นไหวต่อระบอบฮุนเซน อย่างมีนัย ฮุนเซน ถึงโพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้ว่า
..“สิ่งที่ผิดพลาดสำหรับกัมพูชาคือมีนักการเมืองฝ่ายค้านที่ทรยศต่อชาติและประชาชน เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ เมืองชองเบรี ประเทศฝรั่งเศส นายสม รังสี นายคิม ซก และนายซอน ดารา พร้อมด้วยพรรคพวก ได้พบปะกัน
นายสม รังสี ซึ่งเป็นผู้นำขบวนการกบฏนอกประเทศ ได้กล่าวชื่นชมกองทัพไทยและดูหมิ่นกองทัพกัมพูชา ว่า กองทัพกัมพูชาไม่มีอาวุธที่จะต่อสู้กับกองทัพไทยและยิงขีปนาวุธเข้าใส่ประเทศไทยโดยไม่ถูกเป้าหมาย ตกใส่บ้านเรือน วัดวาอาราม และทุ่งนาของประชาชน เป็นต้น นักโทษผู้นี้กล่าวหาว่าสมเด็จฮุนเซน ไม่มีทางสู้กับประเทศไทยได้เลย คำพูดแบบนี้มาจากผู้มีเชื้อสายเขมรหรือคำพูดเหล่านั้นเป็นคำพูดของผู้รักชาติหรือคนทรยศ?..”
การตอบโต้อย่างเผ็ดร้อน แสดงให้เห็นถึงความหวั่นไหวต่อการเคลื่อนไหวของ ซีเอ็นอาร์ซี ที่นำโดยสม รังสี และมู โสชัว อเมริกัน-กัมพูชา เนื่องจากว่า มู โสชัว กับสม รังสี มีเครือข่ายในสภาคองเกรสสหรัฐ นอกจากนั้นพวกเขายังเป็นที่นิยมของคนกัมพูชาต่างประเทศและในประเทศ และ มีเครือข่ายสื่อออนไลน์เข้าถึงรากหญ้าในกัมพูชาได้
ซีเอ็นอาร์ซี รณรงค์ให้เปิดเผยความจริง สร้างความสั่นคลอนให้ระบอบฮุนเซนที่ไม่สามารถควบคุมการสื่อสารภายในประเทศได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกต่อไป ซีเอ็นอาร์ซี จึงเป็นอาวุธร้ายที่ทำลายระบอบฮุนเซนจากภายในและต่างประเทศได้
นี่คือความผิดพลาดของฮุนเซน ที่เนรคุณประเทศไทย ซึ่งเปิดช่องให้ศัตรูภายในผสมโรงทำลายระบอบฮุนเซนได้ นอกจากต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งทางการเมืองที่ต่อสู้กันมานาน ระบอบฮุนเซน กำลังมีปัญหาการทรยศผู้มีพระคุณ เช่น จีนและเวียดนาม
มีรายงานว่าเวียดนามเคลื่อนกำลังทหารไปตอนใต้ใกล้ชายแดนกัมพูชา เพื่อป้องกันขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งไซเบอร์สแกมในกัมพูชา ที่เคลื่อนย้ายฐานปฏิบัติการจากใกล้ชายแดนไทยไปที่ตั้งใหม่ใกล้ชายแดนเวียดนาม
นอกจากนั้นมีรายงานว่า จีนและเวียดนามไม่พอใจที่ระบอบฮุนเซน หันไปพึ่งอเมริกาให้ช่วยแก้ปัญหาการปะทะกับกองทัพไทย ในขณะที่กองทัพกัมพูชาเพลี่ยงพล้ำใกล้ล่มสลาย เวียดนามกับจีนกลัวว่า หากเหตุการณ์เลวร้ายไปกว่านี้สหรัฐอเมริกาอาจขยายอิทธิพลในกัมพูชามากขึ้น
ด้าน สปป.ลาว ซึ่งมีชายแดนติดกับกัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบจากกระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชาตกในเขตจำปาสักลาวจึงเคลื่อนกำลังทหารมาใกล้ชายแดนกัมพูชา
จึงกล่าวได้ว่า กัมพูชามีปัญหารอบด้าน และไม่อยู่ในภาวะปะทะกับกองทัพไทยได้อีกต่อไป สิ่งที่กัมพูชาทำได้คือ ลอบกัดกองทัพไทยด้วยการวางกับระเบิดซึ่งละเมิดอนุสัญญาออตาวาว่าด้วยการวางระเบิด สะสม หรือส่งต่อทุ่นระเบิดทำลายบุคคล
ด้านสงครามน้ำลายฮุนเซน ทำกับประเทศไทยได้อีกไม่เกิน 30 วัน เมื่อรัฐบาลชุดนี้พ้นจากหน้าที่ ประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่ เขมรคงกลืนน้ำลายขอคืนดีกับประเทศไทย ที่มีรัฐบาลใหม่เข้มแข็งและไม่เป็นหนี้บุญคุณฮุนเซน
ฮุนเซน จึงไม่ต่างจากอดีตเผด็จการมาร์กอสแห่งฟิลิปปินส์ ที่ล่มสลายจากการปฏิวัติประชาชนภายในประเทศที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเผด็จการมาจากนอกประเทศ
เบนิโญ อากีโน จูเนียร์ คู่ต่อสู้ทางการเมืองเผด็จการเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ลี้ภัยในอเมริกา 3 ปี ก่อนเดินทางกลับฟิลิปปินส์ ที่เขาถูกลอบสังหารเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2526 บนลานจอด สนามบินนานาชาติมะนิลา
การลอบสังหาร อากีโน เป็นแรงกระตุ้นให้ชาวฟิลิปปินส์นับล้านคนลุกฮือขึ้นมาปฏิวัติเผด็จการมาร์กอส ต้องหอบครอบครัวไปลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา และเสียชีวิตในฮาวายในปี 2532
เหตุการณ์เช่นเดียวกันอาจเกิดขึ้นในกัมพูชา ที่มีรายงานว่าทหารบางฝ่ายอึดอัดกับการรวบอำนาจของตระกูลฮุน วันไหนที่กลุ่มต่อต้านระบอบฮุนเซน มีความกล้าหาญเดินทางกลับบ้าน เชื่อว่าชาวกัมพูชานับล้านคนและทหารต้องลุกฮือขึ้นมาโค่นล้มเผด็จการฮุนเซนลงได้
ซีเอ็นอาร์ซี เป็นองค์กรชาวกัมพูชาต่างประเทศ ตั้งขึ้นเพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยในกัมพูชา ซึ่งจัดตั้งโดยมู โสชัว อดีตรองหัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชา ที่ลี้ภัยในสหรัฐฯ พร้อมๆ กับที่ สม รังสี ลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส
ตั้งแต่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ สม รังสีกับ มู โสชัวหวังว่า สักวันได้กลับกัมพูชา สม รังสี ประกาศว่า“วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562 ผมจะหาทางกลับกัมพูชา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
แผนการของเขาคือ ระดมแรงงานเขมรในประเทศไทยเดินขบวนไปคลองลึก ด่านชายแดนอรัญประเทศ เพื่อคุ้มกัน สม รังสี และอดีตสส.ซีเอ็นอาร์พี กลับกัมพูชา
สม รังสี มาถึงสุวรรณภูมิ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 แต่เขาไม่สามารถออกจากสนามบินได้ รัฐบาลไทยในเวลานั้นจัดการให้เขาบินไปมาเลเซียแทน
ล่าสุด วันที่ 9 สิงหาคม มู โสชัว กับ สม รังสีจัดประชุมกับแกนนำพรรคซีเอ็นอาร์พี ถกกันถึงสาเหตุความขัดแย้งไทย-กัมพูชา และวางยุทธศาสตร์ล้มระบบ ฮุนเซน
เชื่อว่า ตั้งแต่นี้ไป ฮุนเซน ทุ่มเทความสนใจกับการเคลื่อนไหว นายสม รังสี และ มู โสชัว มากกว่าการปะทะกับกองทัพไทย และเมื่อประเทศไทยมีรัฐบาลใหม่ กองทัพไทยก็สามารถกำจัดการลอบกัดของกัมพูชาได้เต็มความสามารถ โดยไม่มีไส้ศึกคอยขัดขวางกองทัพไทยอีกต่อไป
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี