สงครามรัสเซีย-ยูเครน กับความขัดแย้งไทย-กัมพูชา แตกต่างมากจนอยากจะนำมาเปรียบเทียบกันได้ แต่การเจรจาหยุดยิงในอลาสกาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา กับการเจรจาหยุดยิงในมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนว่า การเจรจาที่ทำโดยผู้นำที่แข็งแกร่ง กับ การเจรจาโดยผู้แทนรัฐบาลอ่อนแอที่ประชาชนมีความคลางแคลงใจเกิดผลแตกต่างกันอย่างไร
สื่อต่างประเทศรายงานตรงกันว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน แห่งรัฐรัสเซีย กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในอลาสกา จบลงโดยไม่มีข้อตกลงหยุดยิงเพื่อยุติสงครามในยูเครน
ปธน.ปูติน กล่าวหลังการประชุมว่า “เพื่อให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืน จำเป็นต้องแก้ไขต้นตอของความขัดแย้งในยูเครนทั้งหมด และฟื้นฟูสมดุลความมั่นคงที่เป็นธรรมทั้งในยุโรปและทั่วโลก”
ปธน.ปูตินปฏิเสธการหยุดยิง จนกว่าแก้ไขต้นตอของความขัดแย้งในยูเครนทั้งหมด เขาพูดอย่างนั้นได้เนื่องจากรัสเซียอยู่ในฐานะเป็นต่อทุกด้าน ไม่ว่าจะการทูต ทหาร เศรษฐกิจ และการเมือง การปรากฏตัว ที่อลาสกาถือเป็นชัยชนะทางการทูต ที่มาตรการแซงก์ชั่น ปูติน โดยอเมริกาและตะวันตกหมดความหมายตั้งแต่ปูตินมาถึง อลาสกา
เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า สาเหตุความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน เริ่มจากตะวันตกและนาโตละเมิดข้อตกลงปี 2533 ที่ไม่ให้ขยายอิทธิพลไปทางตะวันออกซึ่งถือเป็นการคุกคามรัสเซีย
ปี 2557 ชาวยูเครนโดยการสนับสนุนทางยุทธวิธีและปัจจัยจาก ซีไอเอ ชุมนุมประท้วงรุนแรงขับไล่ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก ของยูเครน โปโรเชนโกซึ่งเป็นประธานาธิบดีที่ฝักใฝ่รัสเซีย และเป็นกันชนให้รัสเซียจากการขยายอิทธิพลสหรัฐอเมริกาและนาโตมาทางตะวันออก
เมื่อทำลายโปโรเชนโกลงได้ ซีไอเอ และทหารจากหลายชาติหลายภาษาทะลักเข้ายูเครน ทหารต่างชาติเหล่านั้นก่อกวนรุกรานแคว้นที่คนเชื้อสายรัสเซียอยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ต่อมาเซเลนสกีชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีในปี 2562 เซเลนสกีฝักใฝ่ตะวันตกและต้องการให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต
ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซียที่คุกรุ่นเป็นไฟสุมขอน ตั้งแต่โค่นล้มโปโรเชนโก เกิดระเบิดบานปลายกลายเป็นสงครามยืดเยื้อมากว่าสามปีเจ็ดเดือน ตั้งแต่รัสเซียปฏิบัติการทหารในยูเครนเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565
ตลอดเวลากว่าสามปีที่รัสเซียทำสงครามกับยูเครน กองทัพรัสเซีย ถล่มยูเครนพินาศวอดวาย และยึดพื้นที่ได้กว่า20% พื้นที่ประเทศยูเครน ในแคว้นดอนบาส ลูอันสค์เคอร์ซอน และ ซาโปริซเซีย รัสเซียโจมตีถล่มเคียฟเมืองหลวงของยูเครนต่อเนื่อง
เมื่ออยู่ในฐานะได้เปรียบทุกด้าน ปธน.ปูติน ประกาศกร้าวว่า “หยุดก็ได้แต่ยูเครนต้องถอนทหารทั้งหมดออกจากสี่แคว้นที่รัสเซียยึดได้” นี่คือเงื่อนไขเจรจาหยุดยิงของผู้นำแข็งแกร่งที่มีอุดมการณ์รักชาติ
เมื่อนำการเจรจาหยุดยิงระหว่าง ทรัมป์กับปูติน มาเทียบเคียงกับการเจรจาหยุดยิงระหว่างนายภูมิธรรม เวชยชัยรักษาการแทนนายกรัฐมนตรีไทย กับ พลเอกเตีย เซยฮา รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ในประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมาที่นายภูมิธรรมรับข้อเสนอหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข ท่ามกลางความคลางแคลงใจของสังคมไทยว่า ทำไมนายภูมิธรรมรับข้อตกลงอย่างไม่มีเงื่อนไข ในขณะที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำ กองทัพกัมพูชามีทีท่าล่มสลาย ทหารกัมพูชาล้มตายหลายพันนาย
ถึงแม้รัฐบาลกัมพูชากล่าวว่าทหารกัมพูชาตายแค่ 13 นาย แต่โซเชียลในกัมพูชาแชร์กันเป็นไวรัลว่า ที่เน่าเหม็นอยู่ในป่า 8,200 ศพนั้นเป็นศพทหารไทย
ข้อมูลในโซเชียลกัมพูชา เป็นที่ยืนยันทหารเขมรตายหลายพันนาย เพราะการปั่นกระแสในกัมพูชาเสนอข้อมูลตรงข้ามความจริงอีกอย่าง ปธน.ทรัมป์ โพสต์ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมว่า การปะทะตามแนวชายแดนกัมพูชากับประเทศไทย เป็นเหตุให้มีคนตายหลายพันคน “ผมดีใจที่สามารถทำให้พวกหยุดยิงได้”
คำพูดของทรัมป์ บ่งชี้ว่า เขารู้ถึงความสูญเสียครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับกองทัพกัมพูชา ทรัมป์ จึงเป็นเจ้ากี่เจ้าการให้มีการหยุดยิงตามคำร้องของกัมพูชา โดยใช้เงื่อนไขขึ้นภาษีศุลกากร 36% กดดันไทย แต่สิ่งที่คนไทยคลางแคลงใจมากกว่านั้นคือ อเมริกา มาเลเซีย และกัมพูชาได้ตกลงกันล่วงหน้า กำหนดเวลาหยุดยิง 24.00 น. คืนวันที่ 28 ก.ค. หรือไม่?
ที่คนไทยสงสัย คือ ทำไมทหารกัมพูชา รู้เวลาหยุดยิงล่วงหน้า ถึงได้เสริมกำลังทหารเข้าสู่จุดปะทะหลายพันนายไม่กี่ชั่วโมงก่อนเส้นตายหยุดยิง ที่เลวร้ายกว่า นั่นคือ ขณะที่ทหารไทยกำลังยึดปราสาทตาควายซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญได้ มีไอ้โม่งสั่งการให้ทหารไทยหยุดยิง
ยังมีพฤติกรรมอีกมากมายที่คนไทยคลางแคลงใจในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่นำมาเทียบเคียงได้ว่า การเจรจาหยุดยิงโดยผู้นำแข็งแกร่งมีอุดมการณ์รักชาติกับการเจรจาโดยผู้นำอ่อนแอที่น่าคลางแคลงใจแตกต่างกันอย่างไร
การเจรจาหยุดยิงไทย-กัมพูชา บรรลุเป้าหมาย ตามความตั้งใจของสหรัฐ มาเลเซีย และกัมพูชา ตั้งแต่เวลา 24.00 น. วันที่ 28 กรกฎาคม แต่ความขัดแย้งยังคงมีต่อไป ตราบใดที่ฮุนเซนยังไม่บรรลุเป้าหมายสร้างลูกชายให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถยึดดินแดนประเทศไทยได้ และเชื่อว่า ฮุนเซน ไม่มีวันได้เห็นสิ่งนั้นในชาตินี้
สงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็เช่นกัน ไม่มีวันหยุดยิงได้ตราบใดที่เซเลนสกี กินหรูอยู่สบายคล้าย ฮุนเซน เขาต้องยื้อให้มีสงครามต่อไปเพื่อต่อลมหายใจการอยู่ในอำนาจ
เซเลนสกี มีนิสัยถาวรเหมือนฮุนเซน ที่มองชีวิตทหารและประชาชนเป็นผักเป็นหญ้า ตายไปกี่ล้านคนก็ไม่สนใจ ปิดบังได้ก็ปิดบังไว้ก่อน กัมพูชาไม่ยอมเก็บศพทหารเขมรที่ตายเกลื่อนในป่า และไม่ยอมรับศพที่ทหารไทยส่งให้ฉันใด เซเลนสกีก็ปิดบังการสูญเสียทหารยูเครนฉันนั้น
ฮุนเซน กับ เซเลนสกี มีดีเอ็นเอเหมือนกัน คือ การเป็นลูกอีช่างขอ เซเลนสกี เดินสายขอให้ประเทศนี้โน้นนั่นช่วยเหลือฉันใดกัมพูชาก็หน้าด้านขอฉันนั้น
ประเทศไทยโชคดีกว่ายูเครนและกัมพูชา ที่ประชาชนสนับสนุนและเป็นเกราะทองแดงกำแพงเหล็กให้กองทัพที่อัจฉริยะและกล้าหาญ ปกป้องอธิปไตย นำประเทศไทยก้าวหน้าไปในขณะที่รัฐบาลอ่อนแอและเป็นที่คลางแคลงใจคนส่วนใหญ่
ที่โชคดีกว่านั้น คือ อีกไม่กี่วันข้างหน้าประเทศไทยก็มีรัฐบาลใหม่ ที่หลายฝ่ายเชื่อว่า สามารถบริหารจัดการความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ได้ดีกว่ารัฐบาลชุดนี้ เนื่องจากรัฐบาลชุดใหม่ไม่เป็นหนี้บุญคุณ ฮุนเซน กัมพูชากับยูเครนต้องดิ้นรนวิ่งหาผู้สนับสนุนต่อไปอีกนาน เพราะทรยศหักหลังต่อผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ ระบอบฮุนเซน ต้องล่มสลายในไม่ช้าไม่นาน
ก่อนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ปธน.ทรัมป์ ได้ให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามของรัสเซียในยูเครน เขาพูดหลายครั้งว่ายุติสงครามได้ภายใน 24 ชั่วโมง ส่งผลให้ฝ่ายบริหารของทรัมป์ พยายามผลักดันอย่างหนักเพื่อยุติสงคราม แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
ล่าสุด ปธน.ทรัมป์ เสนอให้ยูเครนจำนนพื้นที่ 20% แลกกับสันติภาพยั่งยืน แต่ถูกปฏิเสธจากเซเลนสกีที่อ้างว่า รัสเซียจะใช้พื้นที่นั้นปฏิบัติการทางทหารรุกรานยูเครน
ตราบใดที่รัฐบาลเคียฟ และ รัฐบาลพนมเปญ ยังดิ้นรนเพื่ออยู่ในอำนาจนานที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยไม่ไยดีต่อชะตากรรมความเป็นความตายของคนในชาติ รัฐบาลสองประเทศนี้ก็ต้องบริหารประเทศบนกองศพต่อไป
สถานการณ์ในประเทศไทยดีขึ้นอย่างมีนัย เนื่องจากประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ ทรงห่วงใยในความปลอดภัยพสกนิกรพระองค์ท่าน ดังที่แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวกับนักเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรฯตอนหนึ่งว่า
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยอยู่ตลอดเวลา ท่านได้สอบถามสถานการณ์ไปที่แม่ทัพทุกวัน โดยกองงานของพระองค์ได้สอบถามสถานการณ์จากแม่ทัพ และได้รายงานทุกวัน สิ่งเหล่านี้คือจอมทัพไทย และตั้งแต่ประวัติศาสตร์ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์นำกองทัพ และปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นเดิม ดังนั้นทหารทุกคนพร้อมสละชีพเพื่อชาติทุกคน และปัจจุบันเรายังทำหน้าที่อยู่หน้าแนว แม้สถานการณ์จะเป็นอย่างไรเราก็พร้อมไม่ว่าจะยุติก็ได้ หรือจะรบต่อก็พร้อม”
เมื่อทหารพระราชาพูดกับเยาวชนของชาติอย่างนั้น คนไทยจึงมั่นใจในความมั่นคงและอธิปไตยของชาติ ด้านการเมืองคงเป็นไปตามครรลองของมัน แต่สิ่งหนึ่งที่คนไทยอุ่นใจได้ คือพระสยามเทวาธิราชทรงปกป้องประเทศไทยดลบันดาลให้ความยุติธรรมแสดงความศักดิ์สิทธิ์ออกมาในเวลาที่เหมาะสม
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี