หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศและสมาชิกกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้โอกาสการประชุมความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง หรือ MLC ครั้งที่ 10 ที่เมืองอันหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดระเบียบความสัมพันธ์ทางการค้า ความมั่นคง และความขัดแย้งของสมาชิกอาเซียนกลุ่มลุ่มน้ำโขง
น่าสนใจที่จีนพี่ใหญ่แห่งเอเชียให้ความสำคัญกับความขัดแย้งไทย-กัมพูชา น้อยกว่าความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้าจีน-เวียดนาม และความมีเสถียรภาพทางการเมืองในพม่า
การทูตจิบน้ำชากับ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย นายหวัง อี้ กล่าวว่า จีนสนับสนุนให้ไทยและกัมพูชาดำเนินการติดต่อและการเจรจากัน ขจัดความเข้าใจผิด ฟื้นฟูความเชื่อถือซึ่งกันและกัน ฟื้นฟูการไปมาหาสู่กันและความร่วมมืออย่างเป็นปกติ จีนสนับสนุนให้สองฝ่ายปฏิบัติตามความเห็นพ้องต้องกันของการประชุมพิเศษของคณะกรรมการร่วมเขตชายแดนกัมพูชาและไทยอย่างรอบด้าน เสริมสร้างสถานการณ์หยุดยิงในปัจจุบัน..
..จีนสนับสนุน “วิธีการอาเซียน” สนับสนุนให้สองฝ่ายตอบสนองความปรารถนาของประชาชนทั้งสองประเทศ เปิดด่านตรวจคนเข้าเมืองโดยเร็ว จีนยินดีปฏิบัติตามความปรารถนาของไทยและกัมพูชา ให้การช่วยเหลือต่อการขจัดทุ่นระเบิดในเขตชายแดน
นายหวัง อี้ กล่าวด้วยว่า กัมพูชาและไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี มิตรที่ดีของจีนทั้งคู่ หวังว่าสองฝ่ายเสริมสร้างการติดต่อแลกเปลี่ยนกัน ฟื้นฟูความเชื่อมั่นฉันมิตร จีนเชื่อว่า สองประเทศสามารถแก้ไขความขัดแย้งกันด้วยการเจรจาอย่างดี สนับสนุนอาเซียนขยายบทบาทที่ดี รักษาความสามัคคีของอาเซียนให้คงไว้
ในการพบกันสามฝ่ายจีน กัมพูชาและไทย นายหวัง อี้ พูดกว้างๆ ถึงความจำเป็นที่ไทย-กัมพูชาต้องปรองดองกันโดยไม่ลงรายละเอียดและมาตรการผลักดันให้ปรองดองกันอย่างไรราวกับจีนรู้ว่ารัฐบาลไทยชุดนี้อยู่ได้อีกไม่นาน และยากที่จะแก้ไขนิสัยถาวรของฮุนเซน จีนจึงให้ความสำคัญกับเวียดนาม และพม่ามากกว่า
สำนักข่าวซินหัว รายงานเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ว่า หวัง อี้ พบกับ บุ๋ย แทงห์ เชิน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม นอกกรอบ การประชุมความร่วมมือลานช้าง-แม่โขง นายหวังกล่าวว่า จีนกับเวียดนามยึดมั่นในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสริมสร้างความสัมพันธ์ฉัน “พี่น้องสหาย”
และกล่าวว่า “พวกเราก้าวสู่แนวทางสังคมนิยมยุคใหม่ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในประเทศจีนและเวียดนามท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงในศตวรรษนี้ จีนพร้อมสร้างประชาคมร่วมกับเวียดนาม และร่วมอนาคตในทางปฏิบัติทางยุทธศาสตร์ และกล่าวต่อไปว่า
จีนกับเวียดนามมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้าอย่างราบรื่นดียิ่งจีนกับเวียดนาม ร่วมกันต่อต้านการกีดกันการค้าฝ่ายเดียว และยึดมั่นในกติกาการค้าเสรีและปกป้องระบบการค้าสากล
จีนสนับสนุนให้เวียดนามสร้างระบบเศรษฐกิจเป็นอิสระ และชักชวนวิสาหกิจจีนมาลงทุนและทำธุรกิจในเวียดนามมากขึ้น นายหวัง กล่าวว่า“จีนพร้อมขยายความร่วมมือกับเวียดนามในพื้นที่นวัตกรรมเกิดใหม่ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เศรษฐกิจดิจิทัล และเครื่องบินพาณิชย์
นายหวังกล่าวด้วยว่า “จีนอำนวยความสะดวกนำเข้าประเทศจีนผลผลิตทางเกษตรของเวียดนาม ตลอดถึงการส่งเสริมกิจการค้าเวียดนามในจีน และหวังว่าเวียดนามจะสร้างความพึงพอใจให้บรรยากาศวิสาหกิจการค้าของจีน
นายบุ๋ย แทงห์ เชิน รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม กล่าวว่า เวียดนามพร้อมทำงานร่วมกับจีนในโครงการซึ่งมีการแลกเปลี่ยนระดับสูงกันในครึ่งหลังของปีนี้ และเสริมสร้างความร่วมมือการค้า และการลงทุน เชื่อมเส้นทางรถไฟ เชื่อมโยงบังคับใช้กฎหมายและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ด้วยทัศน์ที่เห็นความสำเร็จยั่งยืนร่วมกัน
เวียดนามยึดมั่นในยุทธศาสตร์การสื่อสารกับจีน เสริมสร้างความร่วมมือสามัคคีกลมเกลียว สนับสนุนซึ่งกันและกันในเวทีพหุภาคี และร่วมมือกันในการปกป้องสันติภาพในภูมิภาค รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม กล่าว
คำพูดของรัฐมนตรีต่างประเทศจีนและเวียดนาม เป็นนัยสำคัญบ่งชี้ว่า สองประเทศคอมมิวนิสต์ร่วมกันทำสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกาที่ละเมิดหลักการค้าเสรีขององค์การการค้าโลก หรือ WTO และขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ฝ่ายเดียว
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ระหว่างการประชุมความร่วมมือลานช้าง-แม่โขงเช่นกัน หวัง อี้ ได้ประชุมนอกรอบรัฐมนตรีต่างประเทศ 4 ฝ่ายได้แก่ จีน ลาว พม่า และไทย เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ทุกฝ่ายให้คำมั่นร่วมกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน
หวัง อี้ กล่าวในที่ประชุมว่าตั้งแต่ 4 ฝ่ายได้พบกันเมื่อปีกลาย สถานการณ์ในพม่าโดยรวมมีเสถียรภาพมีความก้าวหน้าในการฟื้นฟูพม่าหลังจากเกิดแผ่นดินไหว และปกป้องอธิปไตยอิสรภาพ และความมั่นคงในชาติ
นายหวัง เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดมั่นใน “การนำพาพม่า โดยพม่าเอง” คือปฏิบัติตามแนวทางของพม่า และสนับสนุนการเลือกแนวทางช่วยคนพม่าโดยการแก้ปัญหาความแตกต่างผ่านช่องทางเจรจา
นายหวังเน้น ความสำคัญในการยื่นมือเข้ามาของอาเซียน และความช่วยเหลือจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาเซียนเป็นช่องทางหลักการเจรจาในเวลาเดียวกันใช้กลไก เช่น การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการและประเทศเพื่อนบ้านพม่าช่วยผลักดันการเจรจาครอบคลุมทุกฝ่าย
นายหวังกล่าวด้วยว่า ประเทศเพื่อนบ้านควรให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของชาวพม่า และการพัฒนาในเวลาเดียวกันเขาเตือนว่า กองกำลังต่างชาติอาจทำลายความมีเสถียรภาพในภูมิภาคได้
รัฐมนตรีต่างประเทศพม่าแสดงความซาบซึ้งการสนับสนุนของจีน ลาว และประเทศไทย ในความพยายามช่วยแก้ปัญหาท้าทาย และยืนยันความก้าวหน้าสันติภาพภายในประเทศพม่า ตลอดถึงความคืบหน้ากระบวนเจรจาเพื่อปรองดองทางการเมือง เขากล่าวด้วยว่า พม่าขะมักเขม้นเตรียมการเลือกตั้งอย่างโปร่งใสในปลายปีนี้ เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน
นายทองสะหวัน พรหมวิหาร รัฐมนตรีต่างประเทศ สปป.ลาว แสดงความจริงใจในการสนับสนุนแนวทาง “พม่านำพา พม่าด้วยตนเอง” โดยกระบวนการการเมือง อย่างมีเสถียรภาพ และการปรองดองแห่งชาติ
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยกล่าวว่า ประเทศไทยยินดีร่วมทำงานกับชาติอาเซียนอื่นๆ ในการสนับสนุนและช่วยเหลือพม่าจัดการเลือกตั้ง บนพื้นฐานของหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายใน
นอกจากประเด็นพม่า รัฐมนตรีต่างประเทศ จาก 4 ประเทศ ยังได้หารือกันถึงความพยายามปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน นายหวัง เน้นว่า อาชญากรรมข้ามพรมแดนเป็นที่กังวลร่วมกันของ 4 ประเทศ ซึ่งมีความจำเป็นต้องร่วมมือกันในปฏิบัติการปราบปราม เขาเรียกร้องให้ร่วมมือกันปฏิบัติการเข้มข้นควบคุมชายแดน และร่วมมือกันอย่างแข็งขันในการบังคับใช้กฎหมายและเปลี่ยนความเข้มแข็งนั้นเป็นการพัฒนาธรรมาภิบาลสังคม
ซินหัว รายงานว่า ทุกฝ่ายยินดีร่วมมือการบังคับใช้กฎหมายอย่างแข็งขัน ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน เช่น บ่อนการพนัน การหลอกลวงฉ้อโกงทางเทเลคอม ค้ายาเสพติดค้ามนุษย์ และค้าอาวุธ
เป็นที่น่าสังเกตว่า กัมพูชาซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดของอาชญากรรมข้ามพรมแดน ไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมหารือแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามพรมแดน ที่นายหวัง อี้ เรียกร้องให้ร่วมมือกันบังคับใช้กฎหมายอย่างแข็งขัน และเข้มงวดควบคุมชายแดน แล้วแปลงจุดแข็งนี้เป็นการพัฒนาธรรมาภิบาลสังคม
ทั้งหมดที่ นายหวัง อี้ เรียกร้องตรงกับที่สังคมไทยต้องการให้รัฐบาลไทยจัดการกับกัมพูชา และนี่คงเป็นเลศนัยที่ หวัง อี้ ไม่เชิญกัมพูชาเข้าร่วมหารือปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน และจีน ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุนในเวียดนามและสถานการณ์ในพม่ามากกว่า ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
ที่เลวร้ายกว่านั้นคือจีน อำนวยความสะดวก ในการส่งผลผลิตทางเกษตรเวียดนามเข้าประเทศจีน ในขณะที่จีนเข้มงวดการนำเข้าผลผลิตเกษตรไทยเช่นทุเรียนมากขึ้น
จึงพูดได้ว่า จีนจัดระเบียบความสัมพันธ์รอบด้านกับประเทศอาเซียนกลุ่มลุ่มน้ำโขง ที่ปักกิ่งให้ความสำคัญกับการค้าการลงทุนในเวียดนาม และการเลือกตั้งในพม่ามากกว่าความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ไปอีกหลายปี
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี