ขณะที่ประเทศไทยเผชิญกับความขัดแย้งรุนแรงกับกัมพูชา ที่ระเบิดเป็นสงคราม 5 วัน ทหารหาญพลีชีพ 15 นาย และพลเรือน ชาวบ้านทั่วไปสังเวยชีวิตกับความโหดร้ายของศัตรูไป 15 คนไทยได้รับบาดเจ็บหลายร้อยรายก่อนตัวแทนพรรคเพื่อไทยไปทำข้อตกลงหยุดยิงจอมปลอมกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
นายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนรัฐบาลเพื่อไทยไปทำข้อตกลงหยุดยิงกับฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในประเทศมาเลเซีย ท่ามกลางความคลางแคลงใจของคนไทยว่าผู้แทนพรรคเพื่อไทยตกหลุมพรางกัมพูชาหรือไม่ เนื่องจากว่ารักษาการนายกรัฐมนตรีไทยไปทำข้อตกลงหยุดยิงกับกัมพูชา ตามคำบัญชาของสหายฮุน เซน ที่เขมรรู้ล่วงหน้าว่าต้องหยุดยิงตามเวลาที่กัมพูชากำหนด
และก็เป็นตามที่คนไทยส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้นายภูมิธรรมเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ทำตามบัญชาของสหายฮุนเซน ซึ่งได้ตกลงกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แสดงเป็นตัวกลางการเจรจา คนไทยจึงได้เห็นภาพอดสูใจ เมื่อนายฮุน มาเนต ยืนแถลงในโพเดียมฝ่ายเดียวด้วยความภูมิใจในความสำเร็จ
นายภูมิธรรมซึ่งยืนฟัง ฮุน มาเนต พล่ามอยู่ข้างโพเดียมเตรียมแถลงบ้างเมื่อฮุน มาเนต พูดเสร็จ นายภูมิธรรมขยับตัวเข้าใกล้ไมโครโฟนเตรียมแถลงต่อสื่อมวลชนถึงผลเจรจา นายอันวาร์ถลำแทรกตัวเข้ามาดันนายภูมิธรรมจากโพเดียมราวกับจะบอกเป็นนัยว่า“เอ็งไม่ต้องพูดอะไร ข้าพเจ้าได้ตกลงกับเจ้านายเอ๊งแล้ว”
นายภูมิธรรมยืนหน้าม่อยอยู่ในเวทีในขณะที่นายอันวาร์กอดคอฮุน มาเนต หัวเราะร่วนกันออกไป ภาพอันน่าอดสูใจนั้น ทำให้คนไทยจำนวนมากเข้าใจได้ทันทีว่าไทยหลงกลกัมพูชาที่สมคบกับสหายฮุนเซนและสหรัฐอเมริกากดดัน ให้ตกลงหยุดยิงจอมปลอมก่อนนายภูมิธรรมไปถึงมาเลเซีย
และมันก็ไปตามความคาดหมาย ฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลง ระดมยิงเข้ามาในอธิปไตยประเทศไทยตั้งแต่เวลา 03.00 น. ของวันที่ 29 ทั้งๆ ที่ตกลงหยุดยิงเวลา 24.00 ของวันที่ 28 อาจเป็นเพราะว่า กัมพูชา เป็นผู้กำหนดเวลาหยุดยิง พนมเปญจึงได้เสริมกำลังทหารเข้าพื้นที่ขัดแย้งล่วงหน้าและเมื่อถึงเส้นตายก็หยุดยิงเป็นพิธี
เมื่อแน่ใจว่าทหารไทยรักษาวินัยและกฎปะทะตามกติกาสากล ทหารไทยหยุดยิงตามเวลากำหนด ทหารเขมรซึ่งส่งกำลังเพิ่มเติมเข้ามาล่วงหน้า ฉวยโอกาสระดมยิงเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย ตั้งแต่ 03.00 น. หวังยึดพื้นที่ให้ได้มากที่สุดก่อนรุ่งสาง แต่ความเขมรก็ผิดความคาดหมาย ทหารไทยยังคงตั้งมั่นอยู่เขตอธิปไตยของไทย เขมรจึงยึดพื้นที่ไม่ได้แถมยังถูกทำลายเป็นจำนวนมาก
ความหนักแน่นมั่นคงของกองทัพไทยสร้างความผิดหวังให้ฮุนเซน มาเลเซีย และเชื่อว่าสหายฮุนเซน ก็รู้สึกเสียดายด้วย ผู้ตื่นรู้ในประเทศไทยจึงแสดงความเห็นเป็นนัยว่า “ศัตรูว่าร้าย ยังไม่เท่าไส้ศึก” ต่อมาหลายฝ่ายได้แสดงความรู้สึกว่า “ความยุติธรรมล่าช้า คือ ความอยุติธรรม”
ผู้ตื่นรู้ในประเทศไทยที่แสดงความรู้สึกผ่านทางโซเชียล บ่งชี้ว่า คนไทยจำนวนมากสิ้นหวังกับฝ่ายบริหารและหน่วยงาน ตลอดถึงองค์กรต่างๆ ในประเทศไทย แต่ก็ยังมีความหวังที่กองทัพไทยว่าจะนำพาประเทศชาติให้พ้นวิกฤตรอบด้านไปได้ ซึ่งหลายฝ่ายคิดไปไกลถึงกับเรียกร้องให้ทหารยึดอำนาจ แต่ความคิดนั้นถูกต่อต้านจากคนส่วนใหญ่ ที่เชื่อว่าการยึดอำนาจเท่ากับทอดบันไดให้คนชั่วร้ายลงจากหลังเสือได้แบบไม่บอบช้ำ เพราะคนชั่วร้ายมักใช้การยึดอำนาจเป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง
หลายครั้งแล้วที่ สทร.อ้างว่า “ผมทำให้ประเทศก้าวหน้า แต่ขัดผลประโยชน์ผู้มีอำนาจสั่งให้ทหารปฏิวัติรัฐบาลใต้อาณัติผม” คำพูดทำนองนี้เป็นแผ่นเสียงตกร่องมากว่ายี่สิบปี ที่คนชั่วร้ายสำรอกว่ามันเป็นคนดีนี่คือที่มาของวลีที่ว่า “ความยุติธรรมล่าช้า คือความอยุติธรรม”
คำพูดวลีนี้บ่งชี้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังศรัทธาเชื่อมั่น และตั้งความหวังอยู่กับกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตุลาการในศาลต่างๆ ยังคงเป็นความหวังของคนไทยว่า ท่านจะนำพาประเทศไทยให้พ้นจากวิกฤตศรัทธาต่อฝ่ายบริหารที่คนไทยสงสัยว่า เป็นไส้ศึกหรือไม่ สังเกตได้จากที่รัฐบาลจงใจว่างเว้นตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมไว้ในขณะที่กองทัพไทยปกป้องอธิปไตยของชาติโดยไม่มีผู้บังคับบัญชาตัดสินใจสั่งการตามกฎหมาย
คนไทยที่ไม่ไว้ใจฝ่ายบริหาร คนจำนวนมากจึงจดจ่ออยู่ที่คดีต่างๆ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลรัฐธรรมนูญ คนไทยหลายล้านคนเชื่อว่าทันทีที่ศาลตัดสินคดี ประเทศไทยจะหลุดพ้นจากวิกฤตศรัทธาต่อฝ่ายบริหาร ไม่ว่าศาลตัดสินสถานใด คนไทยได้กระจ่างว่าฝ่ายบริหารผิดถูกดีชั่วอย่างไร
นี่คือสาเหตุที่มีวลีว่า #ความยุติธรรมล่าช้า คือความอยุติธรรม” ความหมาย คือ กระบวนการยุติธรรมล่าช้า คนไทยก็ต้องกล้ำกลืนอยู่กับความชั่วร้ายต่อไป และหากบังเอิญทหารหมดความอดทนต่อสถานการณ์เลวร้าย ทหารแอ๊กชั่นขึ้นมาถึงตอนนั้นคนชั่วร้ายก็อ้างได้ว่ามันถูกทหารขับไล่
คนไทยจำนวนมากจึงรอด้วยใจระทึกว่า ความศักดิ์สิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมกับทหารฝ่ายไหนจะทำงานก่อนหลัง และคนไทยหวั่นไหวว่า หรือ กระบวนการยุติธรรมปล่อยให้ประเทศชาติล่มจมไปต่อหน้า โดยการกอดตำราว่า ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ตามตำรากฎหมายที่มีหลายหมื่นมาตรา ท่านอาจกล่าวเช่นนั้นได้ในฐานะผู้รู้ทางกฎหมาย แต่ในความเป็นปุถุชนท่านยอมให้ประเทศชาติล่มจมไปต่อหน้าได้ฤา
เวลาที่ยื้อกันสิบห้าวัน สิบวัน และอาจยื้อออกไปได้อีกตามช่องว่างทางกฎหมาย ที่ผู้รู้สามารถตีความตามความเข้าใจของแต่ละท่านได้ บางทีการตีความกฎหมายอาจไม่ทันคำพูดสั้นๆว่า “โปรดฟังอีกครั้งๆ” ก็ได้ หากถึงเวลานั้นกระบวนการยุติธรรมก็ทำให้คนไทยหัวใจสลายเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยยังเชื่อมั่นศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม และยึดมั่นศาลเป็นที่พึ่งสุดท้ายของคนไทยเนื่องจากว่าท่านพิจารณาคดีภายใต้พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จึงใคร่กราบเรียนกระบวนการยุติธรรมว่า ปัจจุบันประเทศไทยตกอยู่ในภาวะอันตราย ที่ฝ่ายบริหารนอกจากสงสัยอาจเป็นไส้ศึกแล้ว ยังไร้ประสิทธิภาพไม่มีสติปัญญา ไร้วุฒิภาวะ ฝ่ายบริหารอยู่ใต้อาณัติของคนชั่วร้ายที่ทำลายประเทศไทยจากทุจริตทางนโยบายซึ่งศาลฯตัดสินเด็ดขาดหลายคดีแล้ว
ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา หลายฝ่ายเชื่อว่า สมคบกันระหว่างผู้นำจิตวิญญาณรัฐบาลเพื่อไทย กับสมเด็จฮุนเซนผู้ยิ่งใหญ่ในกัมพูชา และเมื่อความขัดแย้งรุนแรงกลายเป็นการปะทะด้วยอาวุธ ถึงจุดที่กัมพูชาเพลี่ยงพล้ำกองทัพกัมพูชาอาจล่มสลาย ไส้ศึกจึงเสนอแผนการหยุดยิง
แผนการหยุดยิงจอมปลอม เชื่อว่า เป็นขบวนการใหญ่ที่ไส้ศึกติดต่อนายอันวาร์ให้เป็นตัวกลางเจรจา ในเวลาเดียวกันฝ่ายกัมพูชาก็ติดต่อสหรัฐอเมริกาขู่บังคับให้ไทยหยุดยิง ตามแผนการร้ายที่สหายในไทย ฮุน มาเนต และ อันวาร์ ดึงสหรัฐฯเข้ามาเป็นพี่ใหญ่ ซึ่งเป็นแผนการชั่วร้ายที่กัมพูชามีแต่ได้กับได้ ในขณะที่ประเทศไทยเสียหายถูกลากเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของมหาอำนาจตะวันตกกับมหาอำนาจตะวันออก
จะเห็นได้ว่าหลังการตกลงหยุดยิง ทหารไทยตกเป็นฝ่ายตั้งรับจากการละเมิดหยุดยิงของกัมพูชา ในขณะที่อเมริกาชื่นชม ฮุนเซน และนายอันวาร์ ในเวลาเดียวกันนายฌอน โอนีลล์ ว่าที่ทูตสหรัฐประจำประเทศไทยให้ปากคำต่อวุฒิสภาสหรัฐว่า #เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่เสริมสร้างความเป็นพันธมิตรระหว่างสหรัฐและไทย#
ในขณะที่สหรัฐอเมริกาชื่นชมกัมพูชาและข่มขู่ประเทศไทยอยู่นั้น นายอันวาร์เดินสายขอความร่วมมือกับอินโดเซียและชาติอาเซียนนอกสุวรรณภูมิให้สนับสนุนแผนการหยุดยิงจอมปลอม มาเลเซียนำทูตทหารอาเซียนหลายชาติไปสังเกตการณ์ในประเทศกัมพูชา
ในเวลาเดียวกันทหารไทยต้องตอบโต้ แก้ข้อกล่าวหาบิดเบือนของกัมพูชาและต้องปกป้องอธิปไตยของชาติจากการลอบกัดของกัมพูชาในเวลาเดียวกัน ในขณะที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยตอบโต้ทางการทูตแบบขอไปที
นี่คือสาเหตุที่คนไทยพูดว่า “ความยุติธรรมล่าช้า คือความอยุติธรรม” ความอยุติธรรมที่ว่าไม่ได้เกิดขึ้นต่อคนไทยผู้ใดผู้หนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นความอยุติธรรมต่อประเทศไทย ที่ถูกมหาอำนาจ อริราชศัตรู และไส้ศึกย่ำยี ความเลวร้ายทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะไทยมีรัฐบาลที่อ่อนแอ
คนไทยจึงวิงวอนให้กระบวนการยุติธรรมกอบกู้ชาติ ด้วยการพิจารณาคดีที่เกี่ยวกับฝ่ายบริหารในเวลาอันสมควร เพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตศรัทธาไปได้ กราบเรียนกระบวนยุติธรรมด้วยความจริงใจว่า ประเทศไทยไม่มีฝ่ายบริหารชุดไหนเลวร้ายไปกว่าฝ่ายบริหารชุดนี้แล้ว
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี