แนวหน้า มั่งคง ตรงไป ตรงมา...nn ทุกคนจำเป็นต้องหมั่นใช่ปัญญาพิจารณาการกระทำของตนให้รอบคอบอยู่เสมอ ระมัดระวังทำการทุกอย่างด้วยเหตุผล ด้วยความมีสติ ด้วยความรู้ตัว เพื่อเอาชนะความชั่วร้ายทั้งมวลให้ได้โดยตลอด และสามารถก้าวไปถึงความสำเร็จที่แท้จริงทั้งในการงานและการครองชีวิต...(พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรและอนุปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ประจำปีการศึกษา 2515 วันที่ 13 กรกฎาคม 2516)...
nn มีคำถามว่ารัฐบาลไทยทุกชุดที่ผ่านมา มีชุดไหนบ้างที่พูดความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์กับประชาชนบ้าง เหตุผลที่ต้องตั้งคำถามนี้ก็เพราะว่า ประชาชนจับได้เสมอๆ ว่ารัฐบาลไทยไม่ชอบพูดความจริง ส่วนเรื่องที่ชอบพูดก็มักจะเป็นความไม่จริงเสียเป็นส่วนใหญ่...
nn รัฐบาลคสช. ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดความจริงกับประชาชนหรือไม่ เรื่องนี้วิญญูชนประจักษ์ชัดเป็นอย่างดีอยู่แก่ใจส่วนประเด็นที่รัฐบาลนี้บอกว่าไม่เคยให้ความสนอกสนใจกับคะแนนนิยมทางการเมือง เพราะไม่ใช่นักการเมือง และไม่เคยคิดหวังใดๆ ทางการเมือง คำพูดแบบนี้ยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้จมูกของคนพูดยาวขึ้น และยาวขึ้นตลอดเวลา เพียงแต่ว่าคนพูดเคยดูจมูกของตนเองเท่านั้น...
nn แม้รัฐบาลคสช. จะป่าวประกาศปาวๆ ว่าการจัดประชุมครม.สัญจร ไม่ใช่การหาเสียงทางการเมือง และไม่ต้องการคะแนนนิยมทางการเมืองเลยแม้แต่น้อย แต่ทำไปเพื่อความสุขและความเจริญของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ แต่เมื่อกลับไปพิจารณาข้อเท็จจริงของการจัดประชุมครม. สัญจรที่ผ่านไปแล้ว 7 ครั้ง ครั้งแรกที่โคราช เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2560 ตามมาด้วยที่พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณฯ เดือนกันยายน 2560 ตามมาด้วยที่ปัตตานี และสงขลา เดือนพฤศจิกายน 2560 แล้วครั้งที่ 4 ก็ไปที่พิษณุโลก สุโขทัย เดือนธันวาคม 2560 พอขึ้นปี 2561 ก็ไปที่จันทบุรี ตราด เดือนกุมภาพันธ์ ประชุมครม. สัญจรครั้งที่ 6 จัดที่ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี เดือนมีนาคม และครั้งล่าสุดคือครั้งที่ 7 จัดที่บุรีรัมย์ สุรินทร์ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งทำให้นายกรัฐมนตรีตื่นตาตื่นใจมาก เพราะงานนี้มีผู้คนที่ถูกจัดเตรียมไว้ไปต้อนรับจนเต็มสนามช้างบุรีรัมย์ เมื่อพิจารณาดูการประชุมครม. สัญจรทุกครั้งก็น่าจะสรุปได้ว่ารัฐบาลคสช.หาเสียงหรือไม่...
nn ล่าสุดได้ข่าวมาแล้วว่าจะมีการประชุมครม. สัญจรครั้งที่ 8 ที่พิจิตร และนครสวรรค์ ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ แต่ก็ยังไม่มีใครยืนยันได้มั่นเหมาะว่าการประชุมครม.สัญจรของรัฐบาลคสช. จะเกิดขึ้นต่อไปอีกหรือไม่ แล้วจะมีอีกกี่ครั้ง แต่ที่ยืนยันได้ชัดเจนจากปากคำของรัฐบาลคือ การประชุมครม. สัญจรทุกครั้งที่ผ่านมามีการอนุมัติงบประมาณให้กับโครงการต่างๆ นานาไปแล้วหลายแสนล้านบาท ดังนี้ ประชุมครม. สัญจรครั้งที่ 1 อนุมัติงบฯ ไป 4,600 ล้านบาท ครั้งที่ 2 อนุมัติงบฯ 8.7 หมื่นล้านบาท ครั้งที่ 3 อนุมัติงบฯ 3090 ล้านบาท ครั้งที่ 4 อนุมัติงบฯ 1,900 ล้านบาท ครั้งที่ 5 อนุมัติงบฯ ไป 3 แสนกว่าล้านบาท ครั้งที่ 6 อนุมัติงบฯ 573 ล้านบาท และจะเสนองบฯ 7,400 ล้านบาทเพื่อเป็นงบฯ โครงการใหญ่ต่อไป ครั้งที่ 7 อนุมัติงบฯ 3,400 ล้านบาท โปรดอดใจรอดูก็แล้วการประชุมครม. สัญจรครั้งที่ 8 จะอนุมัติเงินงบประมาณอีกกี่หมื่นหรือกี่แสนล้านบาท...
nn นี่คือตัวเลขงบประมาณที่รัฐบาลคสช.อนุมัติไปในการประชุมครม. สัญจรทั้ง 7 ครั้ง ถ้ามองในเชิงการบริหารราชการบ้านเมืองก็ต้องถือว่านี้คืองบฯ ที่ใช้สำหรับพัฒนาประเทศ แต่หากมองในมุมการเมือง ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี้คืองบฯ ที่มีส่วนช่วยเพิ่มคะแนนความนิยมทางการเมืองให้กับผู้อนุมัติงบฯ...
nn ปัญหาน่าคิดที่ต้องพิจารณาต่อไปคือ การอนุมัติงบฯ มากมายมหาศาลเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อจำนวนเงินในคลังของประเทศในอนาคตหรือไม่ ขอยืนยันว่าไม่ผิดกับการอนุมัติงบฯ เพื่อพัฒนาประเทศ ถ้าหากเงินงบประมาณมหาศาลเหล่านั้นสามารถถูกกระจายออกไปเพื่อสร้างความสุขความเจริญให้กับประเทศชาติและประชาชนได้อย่างแท้จริง แต่ปัญหาที่รัฐบาลต้องตอบให้ชัดคือ เมื่ออนุมัติงบฯ ไปแล้วงบฯ ไปถึงประชาชนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ งบฯ มหาศาลไปตกหล่น หรือเข้าพกเข้าห่อของใครบางคนบางกลุ่มหรือไม่ แล้วที่มากกว่านั้นคือ ใช้งบฯ มากมายเช่นนี้ จะมีปัญญาหาเงินเข้าคลังหลวงได้มากน้อยเพียงใด อย่าลืมว่าการใช้เงินนั้นง่ายกว่าการหาเงิน แต่จะยิ่งน่าเสียใจมากไปกว่าก็คือ หากงบประมาณของแผ่นดินถูกผลาญไปโดยเปล่าประโยชน์ ประชาชนทั้งประเทศจะต้องกลายเป็นผู้ชดใช้หนี้แทนผู้ที่ก่อหนี้ไว้กับแผ่นดิน...
nn วันนี้เขียนเล่าเรื่องการอนุมัติงบฯ ในการประชุมครม.สัญจรเสียยืดยาว ก็เพราะต้องการจะบอกว่า รัฐบาลมีหน้าที่ต้องทำนุบำรุงพัฒนาประเทศชาติและประชาชนให้มีความสุขความเจริญ แต่รัฐบาลไม่จำเป็นต้องหว่านงบฯ เพื่อหาเสียงให้กับตนเอง หากมั่นใจว่ารัฐบาลทำหน้าที่ได้ดีแล้ว ประชาชนก็จะสนับสนุนอย่างแน่นอน...
nn ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรียบร้อยแล้วว่าร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสส. ในประเด็นการใช้สิทธิเลือกตั้งแทนคนพิการ คนทุพพลภาพ และคนสูงอายุ และการตัดสิทธิ์ผู้ไม่ไปเลือกตั้งในการดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561...
nn มีแนวโน้มว่าพรรคการเมืองบางพรรค โดยเฉพาะพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคอนาคตใหม่ จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 บางมาตราอย่างแน่นอน หากว่าพรรคทั้งสองมีสส.ในสภาหลังการเลือกตั้งในอนาคต แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ว่ายังไม่มีใครรู้ว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทยในวันไหนแน่ ...
nn รัฐบาลขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนักกับข่าวการขึ้นภาษี VAT ในเดือนตุลาคมปีนี้ แล้วบอกว่าเป็นข่าวหลอก แต่ประชาชนถามว่าแล้วที่ประกาศในพระราชกฤษฎีกาเรื่องขึ้น VAT คืออะไร สรุปว่าเป็นพระราชกฤษฎีกาปลอมหรือ ช่วยตอบประชาชนด้วย...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี