ระบอบทักษิณนั้นเป็นคำแสลงหูของใครหลายคน แต่ก็เป็นที่ยอมรับและจำนนด้วยหลักฐานว่า คำว่า “ระบอบทักษิณ” นี้ไม่ใช่เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง เหมือนอย่างที่แกนนำพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันหลายคน พยายามจะลบคำคำนี้ออกไปจากการเมือง
สาเหตุที่ไม่ใช่เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง ก็เพราะพฤติการณ์หลายต่อหลายเรื่องนั้น ออกดอกออกผลไปเป็นคดีความที่ทำให้ลิ่วล้อลูกน้องต้องอาญา โดนคุกกันไปหลายต่อหลายราย
ระบอบทักษิณ ในกรณีนี้คือการ “หลอกใช้คนจน” เหยียบย่ำคนรากหญ้า ออกนโยบายหาเสียงหวานชื่น เพื่อหลอกล่อเพียงเพราะอยากได้คะแนนเสียงจากพวกเขา ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อย และมากพอที่จะทำให้พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้งมานักต่อนัก
หากใครถามผมว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์ไม่ชนะเลือกตั้ง ผมจะตอบว่า ก็เพราะไม่สามารถมีกฎหมายใดที่เอาผิด “ระบอบทักษิณ” ได้ทันท่วงที โดยเฉพาะตอนเลือกตั้ง !
พอพวกทักษิณเข้ามา สิ่งที่ทำก็คือ ใช้นโยบายที่หาเสียงเอาไว้เอาใจชาวบ้าน ซึ่งแน่นอนเศษเงินงบประมาณที่พวกทักษิณหว่านไปให้นั้น เยอะสำหรับชาวบ้าน อิ่มหนำสำราญ แต่แท้จริงแล้ว เม็ดเงินที่ชาวบ้านควรจะได้นั้น เยอะกว่าที่ได้มาจริงๆ เพราะว่าแทบทุกโครงการทีเบี้ยบ้ายรายทาง มีการตกหล่น มีการเก็บเงินทอน หลับตานึกถึงจำนำข้าวจะเห็นภาพที่สุดครับ แต่ในกรณีของวันนี้ เราจะย้อนอดีตโครงการ “บ้านเอื้ออาทร” ที่รัฐบาลทักษิณเอาคนจนที่ไม่มีบ้านมาเป็นเครื่องมือในการโกง !
วันนี้มีคดีความอยู่ในส่วนของ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ยุครัฐบาลทักษิณ แห่งพรรคไทยรักไทย ที่เป็นทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน เป็นขุนพลพิทักษ์ยิ่งลักษณ์ในคดีจำนำข้าว แต่คดีของตัวเองเสี่ยงสูงมากที่จะเอาตัวไม่รอด เท่านั้นยังไม่พอยังคงลากแกนนำเสื้อแดงชื่อดัง อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ให้โดนหางเลขไปด้วย แต่หนักกว่าตรงที่ล่าสุด เงินสดมาประกันตัวไม่พอ นอนคุกต่อไป ย้อนไปนิดนึงครับ ภรรยาของอริสมันต์เผื่อใครจำไม่ได้ คนนี้ที่เป็น สส.เพื่อไทยนอมินี โควตาสามี และโดนคดีร่ำรวยผิดปกติเกี่ยวโยงกับคดีจำนำข้าว เพราะมีลูกน้องไปโกงจีทูจีร่วมกับเสี่ยเปี๋ยง
เข้าเรื่อง “โกงบ้านเอื้ออาทร” กันต่อ..
ตอนหาเสียงประกาศนโยบายทักษิณบอกว่า เป็นโครงการเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในการอยู่อาศัยและยกระดับคุณภาพชีวิตแก่ผู้ด้อยโอกาสให้ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง จุดนี้ก็ชัดเจน เอา
ผู้ด้อยโอกาสมาหลอกใช้สร้างคะแนนเสียงและหาผลประโยชน์เข้าตัวและพวกพ้อง (หนึ่งในนิยามระบอบทักษิณ)
สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงกระทำนโยบายนี้ก็คือว่า เจ้าภาพของโครงการคือกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่นายวัฒนาคุมอยู่ในตอนนั้น ร่วมกับการเคหะฯ และบริษัทเอกชนอีกหลายรายปรากฏชื่อตามข่าวทั่วไป มีการ “ซื้อที่ดินราคาสูงเกินจริง” รวมไปถึงมีพฤติกรรม “เรียกหัวคิว” เพื่อนำไปจ่ายให้กับ “นักการเมืองใหญ่” นอกจากนั้นบริษัทเอกชนแต่ละเจ้าที่มาคอยรับใช้ทำเรื่องการสร้างบ้านมีพฤติการณ์ “ฟอกเงิน” โดยมีการลี้ลับซับซ้อน วิธีการลักษณะเดียวกับที่ทักษิณซุกหุ้น นั่นก็คือ มีการ “โอนเงินเข้าบัญชีของคนขับรถแม่บ้าน และพนักงานพิมพ์ดีด”
ทั้งหมดนี้คือ “การชี้มูลโกงของวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีของทักษิณ ผู้พิทักษ์การโกงจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์”
แต่ป.ป.ช.บอกว่า ความผิด ความชั่วไม่ได้มีแค่นี้ ขอตรวจสอบเพิ่มใช้เวลาถึง 8 ปี พบว่า นอกจากวัฒนาแล้ว ยังมีบุคคลระดับใกล้ชิด ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ เกี่ยวข้องกับการโกงนี้อีกเพิ่มเติมก็คือ “อริสมันต์พงศ์เรืองรอง” ที่มีคดีติดตัวยาวเป็นหางว่าว ได้แก่ คดีล้มประชุมอาเซียนพัทยา นำทัพคนเสื้อแดงบุกทำลายโรงแรม คดีก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมืองกลางปี’53ที่แยกราชประสงค์ และความเกี่ยวข้องกับคดีนี้เพราะว่าเป็น อดีตเลขาฯ ของประชา มาลีนนท์ที่เป็นอดีตรมว.การพัฒนาสังคมฯ ก่อนวัฒนาอีกด้วย
พอวัฒนารับไม้ต่อมาจาก ประชา ก็มีการตรวจสอบพบว่ามีการให้โควตาในการสร้างบ้านเอื้ออาทร แก่บริษัทเอกชนที่ชื่อว่า “พาสทีญ่า” มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท และมีการเรียกรับเงินจากการให้สิทธิ์แก่เอกชนรายนี้ในการสร้างบ้านในเขตพื้นที่ปริมณฑล ซึ่งคือปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ
สิ่งที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่งคือ “ระบอบทักษิณ” มักมีตัวละครโกงซ้ำๆ เดิม แต่จำนวนมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างกรณีนี้ ตัวละครที่ “โกงบ้านเอื้ออาทร” กับตัวละครที่ “โกงจำนำข้าว” โดยเฉพาะจีทูจีปลอมนั้น คือเครือข่ายเดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อ
เสี่ยเปี๋ยง-อภิชาติ จันทร์สกุลพร คนสนิททักษิณ คุกคดีจำนำข้าว ก็พัวพันในคดีโกงบ้านเอื้ออาทร และยังมี รัตนา แซ่เฮ้ง ลูกน้องคนสนิท กรองทอง วงศ์แก้ว และ รุ่งเรือง ขุนปัญญา พนักงานจากบริษัทเพรสิเดนท์อะกริ ที่โกงจำนำข้าว โดยพฤติการณ์ที่ทำอย่างเป็น Pattern เป็นระบบของระบอบทักษิณ ชวนให้คิดได้ว่า คนเหล่านี้คือ “นักโกงมืออาชีพ” ที่เซตทีมกันขึ้นมาโกงจากเงินงบประมาณจากโครงการที่ปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อหลอกประชาชนคนจนๆ ที่เหมือนจะดูดี แต่แต่งกลิ่น แต่งสีเคลือบยาพิษไว้ เพราะเป้าประสงค์ของนโยบายแต่ละนโยบาย ความจริงเบื้องหลังนั้นคือ “การตักตวงประโยชน์จากภาษีประชาชนเข้ากระเป๋าของตัวเอง”
คดีจำนำข้าว นักวิจัย TDRI บอกว่ามีวิธีการโกงได้ 20 ขั้นตอน โดนคุกไปแน่แล้วคือ “จีทูจี” จากการระบายข้าวโกง นอกจากนี้ยังมี คดีค้างใน อคส. อ.ต.ก. อีก 800 กว่าคดีที่เป็นส่วนของภาคเอกชน รวมไปถึงคดีกับ ป.ป.ท.อีก 900 กว่าคดี ที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐ เม็ดเงินภาษีที่ผลาญชาติไปคือ 9 แสนล้าน เจ๊งแน่จากการปิดบัญชีของกระทรวงการคลัง 6 แสนกว่าล้าน เป็นผลเสียหายที่ยิ่งลักษณ์และพวกต้องแบ่งกันชดใช้แค่2 แสนกว่าล้าน
จำนวนที่ควรจะเรียกเก็บจากคนชั่วพวกนี้คือทั้งหมดที่เจ๊งไป ไม่ใช่เพียงแค่ที่นับผลเสียหายได้ด้วยซ้ำ! แต่มิวายยังมีกระบวนการฟอกขาวยิ่งลักษณ์ จากมือบัญชี มือกฎหมายระดับสูงจากพรรคเพื่อไทย แกล้งไม่เข้าใจ จงใจบิดเบือนหลักบัญชี อ้างโน่น อ้างนี่มั่วไปหมด คร่อมปี นับปีเคลื่อน เอางบโน้น ผสมงบนี้ บอกว่า ไม่มีขาดทุน ทั้งที่คนไทยรู้กันทั้งชาติ ว่าเจ๊งผลาญชาติไปเท่าไหร่
อยากจะให้มีการนับตัวเลขผลเสียหายรวมทั้งหมดเหลือเกินครับว่า “ระบอบทักษิณ” ผลาญชาติไปเท่าไหร่แล้ว และคนจนยังเป็นเหยื่ออยู่ไม่รู้จบสิ้น เลือกตั้งครั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยก็พร้อมจะหาเสียงด้วยอะไรร้ายๆ แบบนี้อีก !
เราจะยังยอมให้พวกมันเข้ามาทำแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนครับ !!!!!?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี