nn เชื่อว่าคนกว่าครึ่งประเทศนี้เติบโตมาพร้อมกับร้านขายของชำหรือที่ใครมักเรียกกันว่า “โชห่วย” มีสินค้าสำหรับชีวิตประจำวันให้เลือกทุกชนิด แต่เมื่อวิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงตามการเปลี่ยนแปลงของสังคม พร้อมๆ การเข้ามาของร้านค้าปลีกสมัยใหม่Hyper Market เเละ Modern Trade ทำให้หลายคนคิดว่าร้านโชห่วย ที่เป็นขวัญใจชาวบ้าน กำลังจะสูญพันธ์ุ โดยมี Hyper Market เเละ Modern Trade เป็น“จำเลย”ของสังคม ว่าคือผู้ทำลายร้านโชห่วย
ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้น 100% เลยหรือ ???? ข้อมูลในปี 2560 จากการสำรวจของ Nielsen Thailand มีผู้ประกอบการเปิดร้านโชห่วยรายใหม่ มากกว่าตัวเลขการปิดกิจการ จำนวนร้านค้าเพิ่มจาก 3 แสนร้านค้า มาอยู่ที่ 4 แสนร้านค้า เมื่อสิ้นปี’60 และตัวเลขล่าสุด จากกระทรวงพาณิชย์ มีจำนวนกว่า 500,000 ร้านค้าทั่วประเทศ และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1 ล้านล้านบาท
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น...คำตอบคือร้านโชห่วยมีเสน่ห์ของตัวเองมีที่ยืนของตัวเอง ที่ร้านค้าประเภท Hyper Market เเละ Modern Trade ไม่มี...เช่น เป็นที่พึ่งยามยากในคนของชุมชน เงินไม่พอรับของไปก่อนได้ ไม่มีเงินค้างไว้ก่อนได้ ซื้อสินค้าผิดวิ่งเอาเอาไปเปลี่ยนได้ และเจ้าของร้านก็เป็นที่รู้จักคุ้นเคยรักใคร่ของคนในชุมชน....สิ่งเหล่านี้หาไม่ได้ใน ร้านสะดวกซื้อ....
อย่างไรก็ตามอย่างที่บอกว่าพฤติกรรมของคนและสังคมที่กำลังเปลี่ยนไปสู่สังคมเมืองแทบทุกพื้นที่ ร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กก็ขยายตัวตามเข้าไป นั่นหมายความว่าร้านโชห่วยก็ยังต้องเจอภาพพาการแข่งขันสูง พร้อมกับอุปสรรคหลายด้าน...ซึ่งเกิดจาก“จุดอ่อน”ของร้านโชห่วย...เช่น 1. มีภาระต้นทุนสินค้าปรับสูงขึ้น สำหรับสินค้าบางประเภท เช่น ราคาเหล้า เบียร์ น้ำอัดลม ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราภาษีสรรพสามิต รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนทางการเงิน ค่าจ้างแรงงาน ค่าขนส่ง และค่าสาธารณูปโภค 2.ไม่มีปรับตัวให้สอดคล้องกับตลาด เเละขาดกลยุทธ์การตลาด ถึงจะมีก็ที่ล้าสมัย 3.ไม่มีการจัดการภายในที่ดี เช่น ขาดการทำบัญชี เเละ บริหารสต๊อก 4.เข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้ยาก และไม่สามารถเข้าถึงได้เลย และ 5. ขาดผู้สืบทอดกิจการ เนื่องจากทายาทรุ่นต่อมาหันไปประกอบอาชีพอื่นแทน
แต่ในเมื่อภาคธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก ที่มีสัดส่วน 16.49% ของอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไทย รวมมูลค่าทางเศรษฐกิจ 2.6 ล้านล้านบาท และกลุ่มใหญ่ของภาคธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก คือกลุ่มค้าส่ง-ค้าปลีกท้องถิ่นระดับจังหวัด และกลุ่มร้านค้าปลีกขนาดเล็กอย่าง “โชห่วย” ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า1 ล้านล้านบาท....!! จึงไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาล้มหายตายจากไปจากระบบธุรกิจของไทยได้...
ดังนั้นหน่วยงานรัฐทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้ามาช่วยยกระดับร้านโชห่วยให้อยู่รอดต่อไป ด้วยการก้าวให้ทันยุคดิจิทัลเเละทนแรงเสียดทานจากอี-คอมเมิร์ซ...เช่น 1.ช่วยให้ร้านโชห่วยเรียนรู้การเก็บข้อมูล เลือกสินค้าและบริการที่ตรงใจคนซื้อ เพราะการสังเกตกลุ่มลูกค้าเเละมีการเก็บข้อมูลการซื้อขาย ก็จะสามารถจัดหาสินค้าที่ขายดีเเละขายได้ รวมทั้งรู้ว่าความต้องการของลูกค้าว่าอยากได้หรืออยากให้มีบริการหรือสินค้าอื่นๆ อีกหรือ 2. ให้ความรู้เรื่องจัดระเบียบ แบ่งหมวดหมู่ ให้สะดุดตา เพื่อดึงดูดลูกค้า 3.ส่งเสริมในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มช่องทางทางการชำระเงินที่หลากหลายและทันสมัย เช่น QR Payment พร้อมเพย์ โมบายเเบงกิ้งการจ่ายเงินผ่านบัตรเดบิตเเละบัตรเครดิต รวมไปถึงการจัดทำบัญชี รายรับ-รายจ่าย ด้วยโปรเเกรมสำเร็จรูปเเละเเอพพลิชั่นต่างๆ เพื่อวางเเผนธุรกิจได้ในระยะยาว และ 4.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น จากโครงการกระตุ้นการบริโภคในระยะสั้นของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ธงฟ้าประชารัฐ โชห่วย 4.0 เเละสมาร์ทโชห่วย ฯลฯ
ด้วยแนวทางเหล่านี้เชื่อว่า“ร้านโชห่วย”หนึ่งในภาคธุรกิจที่อยู่คู่กับสังคมมายาวนาน จะยังคงรอดต่อไปได้อีกนาน แม้จะต้องเผชิญกับมรสุมแห่งการแข่งขันที่รุนแรง
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี