เศรษฐกิจไทยเจอผลกระทบหลายเด้ง กกร.หั่นกรอบจีดีพี 2565 เหลือ2.5-4.5% ขณะที่เงินเฟ้อเพิ่มเป็น 2-3% พร้อมเสนอขอให้ภาครัฐจัดตั้งคณะทำงานร่วมรัฐ-เอกชนเพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด
2 มี.ค.65 นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือนมีนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุม กกร.ว่า ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนรุนแรงและยืดเยื้อกว่าที่คาด และมีแนวโน้มเผชิญหน้ากันมากขึ้น ซึ่งทำให้ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นมาก โดยราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสูงสู่ระดับ 100 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในภาพรวม
เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในหลายด้าน ทั้งเงินเฟ้อ การส่งออก รวมถึงการท่องเที่ยว โดยเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นมากตามทิศทางราคาพลังงาน โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจสูงกว่าระดับ 3% ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์และกำลังซื้อในประเทศ ขณะที่การส่งออกได้รับผลกระทบทางตรงจากตลาดรัสเซียและยูเครนไม่มาก เนื่องจากไม่ใช่คู่ค่าหลัก แต่อาจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจคู่ค้าอื่นที่ชะลอลง โดยเฉพาะสหภาพยุโรป
“จากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนสูงเอกชนเริ่มจะตรึงราคาไม่ไหวแล้ว และสงครามอาจทำให้สินค้าขึ้นราคาเร็วขึ้น ขณะที่บางรายทยอยปรับราคาแล้ว” นายสุพันธุ์กล่าว
ส่วนการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนส่งผลให้กิจกรรมเศรษฐกิจช่วงต้นปีชะลอตัวเล็กน้อย แต่ผลกระทบโดยรวมคาดว่าไม่รุนแรง ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ตามปกติ
ทั้งนี้ นายสุพันธุ์ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลที่ยกเลิกการตรวจ RT-PCR ครั้งที่ 2 (วันที่ 5) และปรับเป็นการตรวจด้วย ATK แทน พร้อมเสนอรัฐบาลยกเลิกมาตรการ Test & GO เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งจะเป็นแรงหนุนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่อไป ดังนั้น กกร.จึงปรับกรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2565 ใหม่ เป็น 2.5-4.5% จากเดิม 3.0-4.5% คงการส่งออกโต 3-5% แต่ปรับอัตราเงินเฟ้อจาก 1.5-2.5% เป็น 2-3%
นอกจากนี้ ทางกกร.ยังเป็นห่วง เรืองนโยบาย Zero COVID-19 ของจีน ที่ต้องเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าผลไม้จากไทยที่ส่งออกเพื่อไปจีน ส่งผลให้ใช้เวลาขนส่งนานขึ้นเป็น 10 – 15 วันจากเดิมใช้เวลาเพียง 3-5 วัน อีกทั้งความไม่แน่นอนในการเปิด-ปิดด่าน กกร.จึงขอให้เร่งเจรจากับรัฐบาลกลางจีน ให้เปิดด่านสถานีรถไฟบ่อหาน เพื่อรองรับสินค้าผลไม้ไทยให้ทันในเดือนเมษายน 2565 นี้ และขยายเวลาเปิดด่านเป็น 24 ชม. เพิ่มช่องทาง Green lane ในการตรวจสินค้าผลไม้ รวมถึงขอให้มีการพิจารณาเพิ่มการอนุญาตจำนวนรถบรรทุกให้ผ่านด่านในเส้นทาง R3A ให้มากขึ้น และขอให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามและผลักดันการเปิดด่านกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง
พร้อมเสนอขอให้ภาครัฐจัดตั้งคณะทำงานร่วม (รัฐ-เอกชน) ในการเป็น Focal Point ติดตามและประเมินสถานการณ์ เพื่อให้เอกชนได้รับข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การปิดน่านฟ้า การประกาศหยุดของสายเรือ รวมถึงผลกระทบหากเกิดกรณีการคว่ำบาตรโดยชาติตะวันตกและพันธมิตร เพื่อวางแผนขนส่งสินค้าไทยต่อไป
ด้าน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กกร.เองมีความกังวลต่อระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่อาจขยับไปสู่ระดับ 120 เหรียญฯต่อบาร์เรลจากความตึงเครียดของสถานการณ์ในยูเครนซึ่งจะกระทบให้ราคาขายปลีกของไทยที่อาจต้องขึ้นไปอีก 6 บาทต่อลิตรโดยเฉลี่ยจึงเป็นสิ่งที่จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตภาพรวมของไทย ขณะเดียวกันการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนระยะสั้นส่งผลให้ข้าวสาลีทีเป็นวัตถุดิบการผลิตอาหารสัตว์เกิดภาวะขาดแคลนซึ่งยูเครนเป็นผู้ส่งออกหลัก
ส่วนนักท่องเที่ยวต่างประเทศจากรัสเซีย 6 แสน คน ที่ททท.คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ระยะสั้นนี้น่าจะหายไปราว 50% แต่รัฐบาลได้มีการดึงนักท่องเที่ยวอื่นๆมาเสริมเช่น ซาอุดิอาระเบีย ก็อาจจะช่วยได้ระดับหนึ่ง
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี