** การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ปรับทิศทางเชิงยุทธศาสตร์ของภาคอุตสาหกรรมไทย ผ่านหลักสูตร “ผู้นำอุตสาหกรรมยั่งยืนและสีเขียว (Sustainable & Green Industrial Leadership: SGIL)” รุ่นที่ 1 อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นเครื่องมือสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลง ขับเคลื่อนประเทศด้วยกรอบความคิดใหม่ที่เน้นคุณภาพ ความรับผิดชอบ และความยั่งยืนเป็นธงนำ
เมื่อ "ของถูก" สร้างต้นทุนมหาศาลให้ประเทศ ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในพิธีเปิดการอบรมหลักสูตร “Sustainable & Green Industrial Leadership (SGIL)” รุ่นที่ 1 จัดโดย สถาบันวิทยาการอุตสาหกรรม กนอ. ภายใต้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้วิเคราะห์ถึงผลกระทบเชิงลบที่เกิดจากทัศนคติ "มุ่งเน้นแต่ของถูก" อย่างละเอียดว่า ได้สร้างผลกระทบในวงกว้างและลึกกว่าที่เห็น โดยจำแนกปัญหา คือ
1.การบ่อนทำลายสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ : เกิดการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายและไร้คุณภาพสูง เช่น พลาสติก, เศษเหล็ก และโดยเฉพาะขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste) ซึ่งกระจายไปทั่วประเทศและสร้างมลพิษร้ายแรงต่อดินและแหล่งน้ำ
2.การกัดกร่อนโครงสร้างเศรษฐกิจ : เกิดปรากฏการณ์ "อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ" และการใช้ "ทุนนอมินี" เป็นช่องทางให้ทุนต่างชาติเข้ามายึดครองภาคบริการและการผลิต แม้ตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จะดูน่าพอใจ แต่เม็ดเงินกลับไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้ประเทศอย่างแท้จริง เนื่องจากยังคงพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบและใช้แรงงานต่างด้าวเป็นหลัก
3.ความปลอดภัยของผู้บริโภคที่ถูกละเลย : การมุ่งลดต้นทุนอย่างสุดขั้วนำไปสู่สินค้าอันตรายที่ปะปนในตลาด เช่น เหล็กคุณภาพต่ำในงานก่อสร้าง, สายไฟที่ไม่ได้มาตรฐานซึ่งเสี่ยงต่ออัคคีภัย, และอะไหล่รถยนต์ที่ไม่ได้คุณภาพซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรง
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้เสนอกรอบคิดเชิงนโยบายใหม่ที่ชัดเจน คือการเปลี่ยนกระบวนทัศน์จาก “การแข่งขันทำของถูก” ไปสู่ “การแข่งขันทำของที่ถูกต้อง” ซึ่งเป็นแนวทางที่ครอบคลุมและปฏิบัติได้จริงใน 3 มิติ
1.ถูกต้องต่อกฎระเบียบ (Regulatory Compliance) : บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเด็ดขาดกับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน เพื่อสร้างสนามแข่งขันที่เป็นธรรม
2.ถูกต้องต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม (Consumer & Environmental Responsibility) : ผลักดันการผลิตสินค้าคุณภาพสูง ปลอดภัย และมีการจัดการที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าไทยและเตรียมพร้อมรับมือกติกาการค้าโลกใหม่ๆ
3.ถูกต้องต่อเศรษฐกิจของชาติ (National Economic Contribution) : คัดสรรนักลงทุนคุณภาพสูง โดยใช้ความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ของประเทศดึงดูดนักลงทุนที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม พร้อมใช้วัตถุดิบในประเทศและแรงงานไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ชาติ
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวเสริมถึงกลไกเชิงรุกว่า กระทรวงฯได้ใช้ระบบ “แจ้งอุต” เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในการรับเรื่องร้องเรียนและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ซึ่งพิสูจน์ผลงานเชิงประจักษ์ด้วยการแก้ไขเรื่องร้องเรียนของประชาชนหลายร้อยเรื่องสำเร็จภายในกรอบเวลา 14 วัน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะ "เอาจริงกับผู้ที่ฝ่าฝืน"
เช่นเดียวกับที่ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ กนอ. ชี้ว่า อุปสรรคสำคัญคือปัญหา "ทักษะไม่ตรงกับความต้องการ (Skill Mismatch)" ซึ่งสถาบันวิทยาการอุตสาหกรรม กนอ. ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหานี้โดยตรง ผ่านภารกิจ 3 ด้านคือ 1.จัดทำหลักสูตรอบรมที่ตอบโจทย์ 2.สร้างฐานข้อมูลแรงงาน และ 3.เป็นศูนย์กลางเครือข่าย โดยมีเป้าหมายพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-Curve) ในระยะยาว
นายธนวัฒน์ ปัญญาสกุลวงศ์ กรรมการ กนอ. รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวเสริมว่า การเปิดหลักสูตร SGIL รุ่นที่ 1 ซึ่งมีผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วม 67 คน ถือเป็นก้าวแรกเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญ โดยเนื้อหาหลักสูตรถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับความท้าทายระดับโลกโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี 2593, Net Zero ในปี 2608 และมาตรการ CBAM ของยุโรป ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่ายุทธศาสตร์ใหม่ของกระทรวงอุตสาหกรรมไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมไทยแห่งอนาคตอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืนและคืนคุณค่ากลับสู่สังคมไทยอย่างแท้จริง**
** อนันตเดช พงษ์พันธุ์**
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี