วันอังคาร ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
            ในเวลานี้...ปฏิเสธไม่ได้ว่า...โครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี...คือผลงานชิ้นใหญ่ที่สุดของรัฐบาลที่จะทำให้เกิดการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย และเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะดึงดูเม็ดเงินลงทุนมหาศาล...ทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างประเทศ....ซึ่งภายใต้โครงการ อีอีซี..จะมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานมากมาย ซึ่งเฉาะภาคการขนส่งก็มีครบทั้ง ทางบก น้ำ อากาศ และระบบราง...
และหนึ่งในโครงการที่กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลกอยู่นี้คือ...โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ระยะทาง 220 กม. รวมพัฒนาเชิงพาณิชย์สถานีมักกะสัน 150 ไร่ ศรีราชา 25 ไร่ วงเงินลงทุน 2.2 แสนล้านบาท....ด้วยตัวโครงการที่น่าสนใจด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาลแล้ว..ด้วยเหตุที่รัฐบาลพยายามจะเร่งให้เกิดโครงการขึ้นมาภายในปี 2562 จึงทำให้ถนนของนักลงทุนทุกสายมุ่งตรงมาตรงนี้...
ซึ่งหลังจากที่...การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ในฐานะเจ้าของโครงการ...เปิดขายเอกสารประกวดราคาก่อสร้างโครงการฯไปเมื่อวันที่...18 มิ.ย.-9 ก.ค. 2561...ก็ปรากฏว่า นักลงทุนไทยและต่างชาติสนใจซื้อซองประมูลถึง 31 ราย แยกเป็น บริษัทไทย 14 ราย จีน 7 ราย ญี่ปุ่น 4 ราย ฝรั่งเศส 2 ราย มาเลเซีย 2 ราย เกาหลี 1 ราย และอิตาลี 1 ราย....
แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นกระแสอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการลงทุนของรับในเมกะโปรเจกท์ทั้งหลายก็คือว่าผลประโยชน์ส่วนใหญ่ควรจะตกอยู่ในมือของกลุ่มธุรกิจไทย...และกระจายไปยังธุรกิจหลากหลายกลุ่ม...และลงไปถึงทั้งธุรกิจกลุ่มเล็ก กลาง และใหญ่...คือพูดง่ายๆ ก็ควรจะกระจายโอกาสให้ทั่วถึงกันทุกส่วน....
แน่นอนล่ะว่าไทยเองไม่เคยมีเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงมาก่อน ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรที่กลุ่มทุนไทยจะร่วมมือกับกลุ่มทุนต่างชาติที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีนี้...แต่ในส่วนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นงานโยธา...งานก่อสร้างสถานี...การบริหารจัดการพื้นที่ในโครงการ...ฯลฯ ผลประโยชน์เหล่านี้ควรตกอยู่ในมือของกลุ่มธุรกิจไทย...และสินค้าในกลุ่มวัสดุก่อนสร้างที่ต้องใช้ในโครงการนี้...ก็ควรจะเป็นของไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้....
อย่าให้เหมือนโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน....ที่คนไทยต้องแบกหนี้ก้อนโตเพื่อก่อสร้างโครงการ...แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าเราได้มาแต่....หนี้กับแค่ความหวังว่าจะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ไทยได้จริง....ในขณะที่เค้กก้อนโต...ตกไปอยู่ในมือธุรกิจเหล็กจีน...ที่ได้โอกาสระบายสต๊อกเหล็กที่กำลังล้นประเทศ....หรือบริษัทผลิตรถไฟฟ้าของจีน...ที่ได้โอกาสระบายของหรือโละเทคโนโลยีที่อาจจะไม่ได้อัพเดทล่าสุด...เมื่อเทียบกับ เทคโนโลยีของ ญี่ปุ่น หรือฝรั่งเศส....
ในเมื่อลูกหลานไทยจะต้องแบกภาระหนี้ไปอีกหลายชั่วอายุคน...ก็ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของคนในชาติเป็นอันดับต้นๆ....

										'อดีตบิ๊กข่าวกรอง'ถามดังๆ ตาควายจะได้คืนไหม???
									
										'กัมพูชา'เดินแรง! จับชาวอินโดนีเซีย106คนกลางพนมเปญ พัวพันขบวนการแก๊งสแกมเมอร์
									
										'อัสสัมชัญ' แปรอักษร รำลึกพระมหากรุณาธิคุณ 'สมเด็จพระพันปีหลวง'
									
										‘ไผ่ ลิกค์’ เขย่ากลับพรรคประชาชน กางเอกสารคำร้อง กกต. ทำธุรกรรมซ่อนเงื่อน
									
										'แม่ยก ปชป.' ยก 'อภิสิทธิ์' ขุนเขาผู้ทรนง เชื่อบางพรรคหวาดระแวง จึงหาทุกวิธีที่จะโจมตี ทำลาย
									
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี