วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคารหรือ Bank Sector ก่อนที่เกณฑ์ใหม่ TFRS9 จะมีผลบังคับใช้ในปี 2563 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้จัดประชุมเพื่อชี้แจงในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเกณฑ์ใหม่นี้ ซึ่งได้แก่ 1.) สถาบันการเงิน (ธนาคารพาณิชย์), ธนาคารต่างประเทศ, บริษัทเงินทุน (finco) ถูกกำหนดให้กันเงินกองทุนTier 1 ขึ้นอีก 1% ของสินทรัพย์เสี่ยงถ่วงน้ำหนัก (ซึ่งรวมยอดสินเชื่อคงค้างในปัจจุบัน, สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ(SML), และรายการนอกงบดุล) 2.) ธปท.อนุญาตให้สถาบันการเงินใช้สำรองส่วนเกินเป็นเงินกองทุนขั้นที่สอง (Tier II)ได้ไม่เกิน 1.25% RWA 3.) สถาบันการเงินต้องรับรู้เงินสำรองส่วนเกินออกมาเป็นรายได้ที่สุทธิจากค่าใช้จ่ายสำรองใหม่ผ่านงบกำไรขาดทุน ภายในห้าปี
ธนาคารพาณิชย์มีสำรองเกินกว่าข้อกำหนด
การเพิ่มเงินทุกสำรอง CET1 อีก1% หมายถึงเงินกองทุนขั้นที่ 1 ตามเกณฑ์ขั้นต่ำ (minใcommon equity Tier 1 หรือ CET 1) จะเพิ่มเป็น 9.5% +1%= 10.5%และ CAR จะอยู่ที่ 13% ในปีหน้า ดังนั้น ธนาคารไหนที่มี CET1 เกินเกณฑ์ใหม่อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มเงินกองทุน แต่ธนาคารไหนที่ CET1 ต่ำกว่าเกณฑ์ใหม่ก็ต้องจัดหาเงินกองทุนให้สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำใหม่ภายในสามปี ซึ่งเราพบว่าธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทุกแห่งมี CET1 อยู่ที่ประมาณ 13-16% (figure 1,2) ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธปท. อย่างมากทำให้ไม่ต้องมีภาระกันเงินกองทุนเพิ่ม
ปล่อยสำรองส่วนเกินออกมาบันทึกเป็นรายได้
ถึงแม้ว่าธนาคารส่วนใหญ่จะมีสำรองส่วนเกินจำนวนมาก แต่ธนาคารก็ไม่อยากรับรู้ออกมาเป็นรายได้บนงบกำไรขาดทุน เพราะต้องเก็บไว้เป็นสำรองพิเศษของการด้อยค่าสินเชื่อภายเศรฐกิจชะลอตัวในอนาคต ทั้งนี้ เนื่องจากเกณฑ์การจัดชั้นหนี้ในปัจจุบันที่แบ่งออกเป็น 5 ระดับและการตั้งสำรองฯถูกกำหนดโดยธปท.เป็นเปอร์เซ็นต์คงที่ในหนี้ในแต่ละชั้น (figure 3)แต่ภายใต้เกณฑ์ใหม่การจัดชั้นจะลดลงเหลือ3 ระดับ 1.หนี้ปกติ 2.หนี้ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน 3.และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (non-performing loan) การตั้งสำรองจะไม่กำหนดเปอร์เซ็นต์คงที่โดยเฉพาะหนี้ในชั้นที่ 2 ที่ตั้งสำรองฯจะใช้ดุลยพินิจของข้อสถิติการประเมินสูญเสียตลอดอายุหนี้แทน ทำให้ธนาคารจัดปันสำรองส่วนเกินเพื่อหนี้ชัดนี้ก่อน ส่วนที่เหลือจึงรับรู้เป็นรายได้ผ่านงบกำไรขาดทุน 5 ปี
การชี้แจงของธปท. เป็นบวกกับกลุ่มธนาคารเพราะทำให้ทราบกรอบเวลา และวิธีการบันทึกบัญชีสำรองส่วนเกินที่ชัดเจน เราคิดว่าจะต้องมีสำรองส่วนเกินที่ถูกปลดออกมาเป็นรายได้ผ่านงบ P/L ไม่มากก็น้อยเพื่อให้มั่นใจว่า credit cost ในปีหน้าจะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้และไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจมากเกินไป เนื่องจากธนาคารต่างๆ มีเงินกองทุนแข็งแกร่ง
ปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ชะลอทำให้เกิด NPL เกิดใหม่ และต้องกันสำรองหนี้เสียเพิ่ม, รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)

ผ่ากลยุทธ์'ค่ายสีน้ำเงิน' ไม่เร้าอารมณ์! เน้นทำได้ทำจริง
ปลัดนนท์ ยื่นใบลาออก ลงสมัครชิง สส.นนทบุรี พรรคภูมิใจไทย ลั่นเปลี่ยนเวลาราชการเป็นเวลาราษฎร
นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์กระแสเลือกตั้ง ชี้ผลโพล'คนกรุงเกือบครึ่งยังลังเล' พบได้ไม่บ่อย
ไม่น่าเชื่อ พนง ถึงกับร้องไห้หนักมาก เมื่อเห็นสิ่งที่ลูกค้าทำ ชมคลิป
(คลิป) แพทองธาร หน้าเจื่อน! ตอบคำถามสื่อ ยศชนัน คะแนนดีขึ้น!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี