ในทุกๆ ปี สิ่งที่ผมจะทำเป็นประจำ ก็คือ การทำงบรายรับรายจ่ายล่วงหน้าไปตลอดทั้งปี เพื่อดูว่าสภาพคล่องในอีก 12 เดือนข้างหน้า จะดีหรือไม่ดีอย่างไร
มีเดือนไหนที่ต้องระวัง ต้องเตรียมเงินไว้สำหรับจัดการกับค่าใช้จ่ายพิเศษ อย่างเช่น เบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ ค่าเทอมลูก ฯลฯ รวมไปถึงตรวจสอบว่า มีเดือนที่เงินจะขาดมือหรือเปล่า เพื่อเตรียมการเอาไว้ รวมถึงวางแผนภาษีด้วย(คนที่ทำอาชีพฟรีแลนซ์ หรือเจ้าของกิจการควรให้ความสำคัญกับสิ่งนี้)
อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำควบคู่กันไปด้วย ก็คือ งบแสดงสถานะการเงิน หรือรายการทรัพย์สิน หนี้สิน โดยจะนั่งลิสต์ นั่งรวบรวมให้หมด ว่าถึงปัจจุบันผมมีทรัพย์สินอะไรบ้าง แต่ละอย่างมีมูลค่าเท่าไหร่ และก็จะลิสต์ภาระหนี้ที่ยังค้างอยู่ทั้งหมด แล้วก็เปรียบเทียบกัน เพื่อตรวจสอบดูว่า ผ่านไปอีก 1 ปี ผมรวยขึ้นหรือว่าจนลง
ถ้าทุกปีคนเรา “ทรัพย์สินเพิ่มขึ้น หนี้สินลดลง” ยังไงก็รวยครับ
คิดง่ายๆ มีเงินเก็บเงินออมเพิ่ม ลงทุนเพิ่มตลอดเวลา ส่วนหนี้ก็ทยอยใช้เค้าไปเรื่อยๆ เงินต้นค่อยๆ ถูกตัดลดลงจนหมดของดีมีเพิ่ม ของเสียทยอยตัดทยอยหัก แบบนี้ความมั่งคั่งสุทธิ (Net Worth) ก็ต้องเพิ่มขึ้นแน่ๆ
นอกเหนือไปจากจำนวนทรัพย์สินหนี้สินที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ผมจะตรวจสอบด้วย ก็คือ รายได้จากทรัพย์สิน หรือ Passive Income ว่าเพิ่มขึ้นหรือลดอย่างไร
เล่าให้ฟังคร่าวๆ ตรงนี้ก่อนว่า Passive Income ไม่ได้คงกระพันนะครับ มันมีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลงได้
ยกตัวอย่าง “ค่าเช่า” ถ้าไม่มีคนเช่าก็สงัดเลย หรืออย่างเงินปันผล ปีนี้บริษัทที่เราลงทุนไม่มีกำไร เราก็ไม่ได้ปันผล หรือกำไรน้อย ก็ปันผลลดลงได้นะครับ เอาไว้จะมาคุยเรื่องนี้โดยละเอียดกันอีกครั้ง
ทั้งนี้เราสามารถตรวจสอบรายได้จากทรัพย์สิน หรือ Passive Income ได้ โดยพิจารณาจากช่อง “กระแสเงินสด” ในฝั่งทรัพย์สิน ว่ามีทรัพย์สินรายการใดบ้าง ที่ให้กระแสเงินสดออกมาเป็นรายเดือน หรือบางทรัพย์สินอาจให้กระแสเงินสดเป็นรายปี ก็สามารถนำมาถัวเฉลี่ยเป็นรายเดือนได้ (ดังรูปในตารางเป็นตัวเลขสมุมติทั้งหมดนะครับ)
จากงบแสดงสถานะการเงินตัวอย่าง เจ้าของงบมีรายได้จากทรัพย์สิน หรือ Passive Income ดังนี้
1. ดอกเบี้ยจากเงินฝาก (น้อยมากจากละไว้ได้ 555)
2. เงินปันผลจากหุ้น (xxx ยังคาดการณ์ตัวเลขแน่นอนไม่ได้)
3. กระแสเงินสดจากบ้านเช่า 1,500 บาท (คำนวณโดยนำค่าเช่า 10,000 ลบด้วยเงินผ่อนบ้านที่ปล่อยเช่า 8,500 บาท)
4. ค่าลิขสิทธิ์รายเดือนจากงานเขียน (อันนี้เวลาลงบันทึกอาจต้องลงเป็นขั้นต่ำเอาไว้)
เมื่อเทียบกับทางขวาในฝั่งหนี้สิน เราจะเห็น Passive Expense นั่นคือ รายจ่ายผูกผันที่มาต่อเนื่องจากภาระหนี้ มาเป็นประจำ อยู่เฉยๆ ก็มา (เป็น Passive ทางด้านลบ 555) ในกรณีของเจ้าของงบนี้ เขามีรายจ่ายคงตัวที่ผูกผันทุกเดือนถึง 34,500 บาท จากหนี้ผ่อนของ 0% ผ่อนบ้าน 2 หลัง และผ่อนรถยนต์ โดยที่ยังไม่นับค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ
จากนิยามอิสรภาพทางการเงินที่ว่า คนเราจะมีอิสรภาพการเงินได้ ก็เมื่อรายได้จากทรัพย์สินของเรา มากกว่า รายจ่ายรวมในแต่ละเดือน ถ้าสมมุติคนคนนี้ มีรายจ่ายส่วนตัวอีกราว15,000 บาท โจทย์ของการมีอิสรภาพการเงินของคนคนนี้ก็คือ การมีรายได้จากทรัพย์สินต่อเดือน เท่ากับ 34,500 + 15,000 บาท หรือราว 50,000 บาทต่อเดือนนั่นเอง
แม้จะขาดอยู่เยอะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจมากครับ เพราะเรื่องทรัพย์สินที่สร้างรายได้นั้น ต้องใช้เวลาในการสะสมอยู่พอสมควร สำคัญคือ ต้องเริ่มคิด เริ่มสร้าง และคอยหมั่นติดตามตรวจสอบว่า แหล่งรายได้ของเรามีรายได้ที่เป็น Passive Income บ้างหรือเปล่า และมีอยู่เท่าไหร่ รวมถึงจะหาทางเพิ่มมันให้มากขึ้นได้อย่างไร
อย่างในกรณีตัวอย่าง บ้านเช่าถ้าอยู่ในโซนที่มีความต้องการเช่าสูง ถือครองต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคตก็จะปรับเพิ่มค่าเช่าได้ ในส่วนเงินผ่อนก็สามารถรีไฟแนนซ์ เพื่อลดหย่อนผ่อนและสร้างกระแสเงินสดรายเดือนให้เพิ่มขึ้นได้ หรืออาจจะลงทุนเพิ่มอีกสัก 1-2 หลัง เพื่อสร้างกระแสเงินสดต่อเดือนให้มากขึ้นได้ เป็นต้น
เรื่องความถนัดในการสร้าง Passive Income จากช่องทางไหนนั้น เป็นความถนัดและจริตของแต่ละบุคคลครับ หัวใจสำคัญคือโจทย์สู่อิสรภาพการเงินของเราว่าเป็นเท่าไหร่ ที่เหลือก็คือ วางแผน เลือกเครื่องมือ และลงมือทำ
อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ลองทำงบการเงิน แล้วตรวจสอบรายได้จากทรัพย์สินของคุณดูหน่อยก็ดีนะครับ ว่ามีอยู่เท่าไหร่แล้ว จะได้รู้ว่าโจทย์อิสรภาพทางการเงินของคุณเป็นเท่าไหร่ และขาดเหลืออีกแค่ไหน
#TheMoneyCoachTH
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี