มีน้องคนหนึ่งหลังไมค์มาถามว่า เขามีโอกาสที่น่าสนใจน่าลองทำ วิ่งเข้ามาพร้อมกันหลายอย่าง ไม่รู้จะจัดการยังไงดี
พูดง่ายๆ คือ เลือกไม่ถูก อันนั้นก็ดี อันนี้ก็เหมาะ อันโน้นก็น่าสนใจ ยิ่งกำลังอยู่ในช่วงชีวิตที่เรียกว่า “ค้นหาตัวเอง”อยู่ด้วย เลยยิ่งเลือกยากกันไปใหญ่
ตอบตรงๆ ว่า ผมเองก็ไม่มีหลักคิดหลักการอะไรหรอก เพราะหลายๆ ครั้งในชีวิตของตัวผมเอง ถ้าพินิจพิเคราะห์ดูผมว่าผมใช้ “ความรู้สึก” นำชีวิตอยู่เยอะเหมือนกันนะ
สมัยยังหนุ่มๆ (นานมาแล้ว 555) ผมก็เคยเจอปัญหานี้เหมือนกัน เวลาแยะ โอกาสเยอะ ตอนแรกก็ “เล็ง” และ “ชั่งใจ” อยู่นาน ว่าจะเลือก จะทำอะไร ติดนิสัยเคยเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง (อยู่บ้าง) เลยไม่ค่อยอยากผิด กลัวตัดสินใจพลาดสุดท้ายเลือกเอาความรู้สึกนำ และคิดกับตัวเองแบบโลภมากนิดนึงว่า ...
ก็ถ้ามันดีไปหมด ทำไมเราต้องเลือก ยิ่งยังอยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาว เวลาในชีวิตเหลือเฟือ ยังพอมีเวลาให้สะดุดหกล้มได้บ้าง ภาระครอบครัวก็ยังไม่เยอะ ทำไมไม่ลองทำมันดูให้หมดเลยหละ ...
ได้ผลครับ ... ชีวิตวุ่นวายดีอิ๊บอ๋ายเลย แต่ก็แค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น
คำถามคือ คุณเป็นคนมุ่งมั่นจะมีชีวิตที่ดีและประสบความสำเร็จในแบบที่คุณวาดฝันไว้มั้ย
ถ้าใช่ ... ปัญหาเหล่านี้จะเล็กน้อยมากครับ (ผมเรียกมันว่า Happy Problem เพราะไม่รู้จะเลือกทำอะไรดี น่าจะดีกว่า ไม่มีอะไรให้ทำเลยโว้ย)
ในช่วงอายุ 22-34 ปี ผมทำและสร้างหลายอย่างพร้อมๆ กัน ทั้งเป็นติวเตอร์วิชาคณิตศาสตร์ ตัวแทนประกันนำสินค้าจากจีนมาขาย ธุรกิจเครือข่าย ทำธุรกิจที่ปรึกษาโรงงานอุตสาหกรรม เปิดบริษัทฝึกอบรม ทำการเกษตร ลงทุนบ้านเช่า แปลหนังสือ ทำนิตยสารการเงิน ฯลฯ (อีกเพียบ)
ไม่ได้เริ่มพร้อมกันทั้งหมดนะ เวลามันเหลื่อมๆ กันทำอย่างหนึ่งไปได้สักพัก ก็มีโอกาสใหม่วิ่งเข้ามา แล้วก็เอาหมดลองหมด ลุยเละ
สุดท้ายไม่อยากจะโม้ว่า ทุกอย่างที่ผมทำ ผมได้เงินได้กำไรทั้งหมด!! กำไรอาจมากบ้างน้อยบ้าง (บางอย่างอาจขาดทุนเวลา แต่ช่างแม่ง!!)
เพราะทุกอย่างที่ผมทำ ผมทำชนิดอุทิศ ทุ่มสุดตัวชนิดพี่ไม่ได้มาเล่นๆ ไอ้น้อง! (มึงกำลังโม้อยู่ ไอ้โค้ช!)
แต่แม้จะได้เงิน สุดท้ายแล้วผมพบว่า เมื่อเราทุ่มและอุทิศทุกอย่างให้กับสิ่งที่เราทำมากพอ สัญญาณหนึ่งที่จะบอกว่าสิ่งที่เราทำนั้นใช่หรือไม่ ก็คือ “ความรู้สึก” ของเราเองครับ
ถ้าสิ่งไหนมัน “ใช่” ความรู้สึกมันจะแสดงออกมาในรูปความสนุก ความท้าทาย อยากทำอีก อยากทำต่อ คิดต่อยอดไปได้เรื่อยๆ มองเห็นอะไรก็เอามาบวกมาเสริม เจอปัญหาก็พุ่งชน ไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่อยากเลิก เรียกได้ว่า คิดทำต่อเนื่องไปได้เรื่อยๆ ไม่มีวันหยุดหรือหมดมุข
แต่กับบางอย่างที่ทำแล้วได้ตังค์ แต่เริ่มไม่สนุก ขัดใจ ขัดความรู้สึก สวนทางกับตัวตน แรงเสียดทานในการลงมือทำแต่ละครั้งสูงส่งเหลือเกิน เราก็จะเริ่มอยากพัก อยากวาง และอยากหยุดจากสิ่งนั้นเอง
พูดเป็นภาษาหรูๆ ก็คือ เมื่อเราอุทิศแรงกาย แรงใจ และเวลาให้หลายๆ สิ่งพร้อมๆ กัน แม้จะไปได้สวยเหมือนๆ กันสุดท้าย “ใจ” ของเรานั่นแหละ จะเป็นตัวช่วยเราปรับสมดุล ให้เราค้นพบสิ่งที่ใช่ ทำแล้วสนุก มีความสุข และอยากจะทำมันต่อไปได้เอง
ผมคิดของผมเองเสมอว่า คนเราเรียนหนังสือกันมาเยอะตั้งแต่เล็กจนโต เอะอะอะไรก็ใช้ตรรกะ ใช้หลักเหตุและผล 1+1ต้องได้ 2 จนบางครั้งเรามองข้ามความรู้สึกตัวเอง
มีโอกาสอะไรวิ่งเข้ามา ถ้ามันทำแล้วมีโอกาสที่ดีไม่เบียดเบียนใคร ไม่ผิดศีลธรรมอันดี และคุณเริ่มรู้สึก“นึกสนุก” เมื่อวาดภาพตัวเองกำลังลงมือทำสิ่งนั้นอยู่ ก็อย่าคิดมาก ลุยมันเข้าไปเลยครับ
และถ้ามีเรื่อง “นึกสนุก” พร้อมๆ กันหลายๆ เรื่องก็ร่วมสนุกกับมันทุกเรื่องนั่นแหละ แล้วเดี๋ยวชีวิตจะปรับทุกอย่างเข้าสู่สมดุลเอง อย่าได้กังวล
เรียนหนังสือใช้ “สมอง” กันมาเป็นสิบๆ ปีแล้วลองเปลี่ยนมาใช้ “ใจ” นำทางดูบ้างก็ดีนะ เผื่อชีวิตจะสนุกมากขึ้น เชื่อผมสิ
#TheMoneyCoachTH
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี