ช่วงนี้คำถามแนวนี้เข้ามาเยอะ เข้าใจว่าด้วยการระบาดของโควิดที่ซัดหลายระลอกเกิน จนจัดการไม่ไหว เอาไม่อยู่ บางคนเจอครั้งแรก ครั้งที่สอง กำลังจะตั้งหลัก เจอสามตามด้วยสี่ ก็ไม่ไหวในที่สุด
สำหรับเรื่องการเงิน อะไรเปลี่ยนแปลงไม่เท่ากับ “รายได้” เพราะมันคือสารตั้งต้นของสมการการเงิน เงินรายได้หาย ที่เหลือก็กระทบกระเทือนไปด้วย
ทีนี้คำถาม คือ เมื่อผ่อนไม่ไหวจริง ควรทิ้งไปก่อน แล้วค่อยไปเจรจากันทีหลังดีมั้ย ไม่ว่าจะคุยกับสถาบันการเงินตรงๆ หลังเป็นหนี้เสีย หรือต้องไปคุยกันที่ศาล
เรื่องนี้ต้องบอกตามตรงว่าผมฟันธงให้ไม่ได้ และทุกครั้งที่ถูกถาม ก็จะพยายามนำเสนอข้อมูล ให้พิจารณากันเอง ซึ่งโดยหลักผมจะเน้นให้ลองหาทางสู้กับปัญหาเรื่องสภาพคล่องหรือการจ่ายไม่ไหวให้ถึงที่สุดก่อน จนหากพิจารณาทุกทางแล้วผ่อนไม่ไหวจริงๆ ก็อาจพักการจ่าย เก็บเงิน แล้วรอเจรจากันอีกที
ย้ำนะครับ! หยุดจ่าย อย่าหยุดเฉย ต้องพยายามเก็บสะสมเงินที่ไม่ได้จ่ายหนี้ใครเลยเอาไว้ เพราะตอนเจรจา มันจะทำให้เรามี “ทางออก” (Option) ที่มากกว่า
คิดง่ายๆ ว่าถ้าหากเจรจากัน แล้วเขาลดหนี้ (Hair-Cut) ให้ครึ่งหนึ่ง แต่แค่ครึ่งหนึ่งเราก็ไม่มีจ่ายเขาอยู่ดี การเจรจาจะจบลงได้อย่างไร
ดังนั้นถ้าจะหยุด ต้อง “เก็บเงิน” (หรือจะหาช่องทางเพิ่มก็ได้) แล้วรอ “เจรจา” ปิดจบในท้ายที่สุดด้วย
ทีนี้ก่อนที่จะ “หยุด” ชำระ หรือจะเรียกว่า “เบี้ยวหนี้ชั่วคราว” ก็ได้ สิ่งที่เราควรทบทวนให้ดีก่อนก็คือ
“ปัญหาเราหนักถึงขั้นต้อง “หยุด” จ่ายจริงหรือเปล่า???”
เมื่อไม่กี่วันก่อนมีน้องคนหนึ่งถามคำถามมาในอีเมลสั้นๆ ว่า “รายได้หาย หยุดจ่ายหนี้ดีมั้ย เพราะผ่อนไม่ไหวแล้ว”
สิ่งที่ผมชวนคุยชวนทำผ่านอีเมลก็คือ นั่งทำงบการเงินแบบจริงๆ จังๆ ปรากฏว่า เงินติดลบอยู่เดือนละ 3,000 บาท เลยมานั่งไล่คุยรายจ่ายแต่ละรายการ ว่ารายการไหนลดได้บ้าง
เช่น ถ้าเป็นรายจ่ายส่วนตัว หรือของครอบครัว คุยกันในครอบครัว ช่วยกันประหยัดหน่อยได้มั้ย
ถ้าเป็นภาระหนี้ เราลองคุยหรือเจรจากับเจ้าหนี้บ้างแล้วหรือยัง มีหนี้หลายรายการ ลดการผ่อนลงสัก 1-2 รายการ ติดลบ 3,000 อาจจะผ่านได้สบายๆ ก็ได้นะ
หรืออย่างเงินออมหละ ช่วงนี้วิกฤติ ลดการออมลงหน่อยได้มั้ย (แต่อย่าหยุดนะ) รอให้อะไรๆ ดีขึ้น ค่อยมาออมในอัตราเดิม
ฯลฯ
หรือจะว่าตามจริง รายได้เพิ่มเดือนละ 3,000 วันละ 100 บาทถ้าฮึดอีกนิด สู้ลุยอีกหน่อย พยายามให้จงหนัก อาจพอมีทางออกก็ได้
สุดท้ายคุยจบ น้องเลือกยังไม่หยุดจ่าย แต่ลองทำตามคำแนะนำข้างบนแล้วก็พอชนกับปัญหาต่อไปได้
สิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้ก็คือ การ “หยุด” จ่าย มี “ต้นทุน” ที่เราต้องพร้อมรับกับมันด้วยนะครับ นั่นคือ
1. การติดตามทวงถามแบบต่อเนื่อง ที่อาจมีผลต่อสุขภาพจิตแต่ถ้าเลือกหยุด ผมแนะนำไม่ให้หลบสายโทรศัพท์ติดตามนะครับ แต่ให้รับทุกครั้ง แล้วลองเจรจาขอทางออก ขอความช่วยเหลือทุกครั้งไม่ได้ไม่เป็นไร แต่เจรจา แสดงความตั้งใจจะชำระหนี้ เพียงแค่เราไม่พร้อมเท่านั้น
2. เครดิตการเงินที่เสียหาย ทำให้โอกาสเข้าถึงสินเชื่อไม่ได้อย่างน้อยก็บวกไป 3 ปี หลังจากเคลียร์หนี้ทั้งหมดเป็นศูนย์
ในฐานะที่เป็นคนเคยผ่านการแก้หนี้มาทุกรูปแบบ รวมไปถึงการหยุดชำระก็เคยทำมาแล้ว เลยอยากชวนคิดทางออกที่ถูกต้องจนถึงที่สุดก่อน
ทั้งนี้หากประเมินทุกทางแล้วว่า การ “หยุด” คือ คำตอบ สิ่งที่ต้องทำต่อก็คือ การแสดงความรับผิดชอบในการติดต่อกับทางสถาบันการเงินแบบไม่ต้องหลบหน้า วินัยในการใช้จ่ายที่ต้องควบคุมให้ดี เพื่อให้มีเงินเก็บสะสมไว้ชำระหนี้ เมื่อมีการเปิดให้เจรจาได้
สุดท้าย ... เป็นหนี้ก็ต้องใช้คืนเขาครับ ไม่งั้นมันติดค้างกันในใจ เดินไปไหนก็เชิดหน้าได้ไม่สุด มีหนี้ก็ต้องเคลียร์กันให้จบ ไม่ให้มีอะไรติดค้างกันระหว่างเรากับสถาบันการเงิน หรือเจ้าหนี้ทุกคน
เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเหนื่อยนะครับ เวลาเหนื่อยมันง่ายที่เราจะเลือก “ปล่อยเชือก” ไปก่อน แล้วค่อยกลับไปคิดแก้ปัญหากันใหม่
แต่ถ้าให้ดี ก่อนปล่อยเชือกลองพยายามทุกทางก่อน และหากจำเป็นต้องปล่อยเชือก ก็ขอให้เราปล่อยแบบมี “แผนการรับมือ” สิ่งที่จะตามมา
การหยุดชำระชั่วคราว จะเป็นแนวทางแก้ปัญหาหนี้ เมื่อเราคิดไตร่ตรอง และวางแผนจบหนี้ทั้งหมดในอนาคตมาเป็นอย่างดี
แต่จะเป็นการปัดความรับผิดชอบเข้าใต้พรม เพื่อรอเจอปัญหาใหญ่กว่าที่จะโถมเข้ามาในอนาคต หากเราแค่หยุด เพราะไม่อยากสู้ ไม่อยากเจอกับมัน แต่ไม่มีแผนจะรับมือกับมันอย่างมีวินัย
แข็งใจ ตั้งสติ ค่อยๆ คิดอ่าน
ทุกคนผ่านปัญหานี้ไปได้แน่ครับ
ผมพร้อมเป็นกำลังใจ
และที่ปรึกษาให้ทุกคนครับ
#โค้ชหนุ่ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี