น้องคนหนึ่งอายุ 26 ปี มีอาชีพเป็นทันตแพทย์ เธอไม่ซื้อรถ ไม่ซื้อบ้าน อาศัยอยู่แฟลตราชการ
เพื่อนๆ มักมองว่าเธอแปลก เพราะใช้ของไม่ค่อยทันสมัยไม่มีรถดีๆ ใช้ ไม่ค่อยเที่ยวต่างประเทศ มีเวลาว่างก็ไปอบรมเพื่อมาเปิดคลินิกตัวเอง หรือลงสินค้าขายของออนไลน์
หลายคนหัวเราะที่เธอดูงกๆ เชยๆ แต่เธอรู้สึกเฉยๆเพราะคิดว่าเธอไม่ได้เบียดเบียนใคร
สุดท้ายเธอเล่าว่า ที่ทำอย่างนี้ เพราะอ่านหนังสือและฟังคลิปผมอยู่ตลอด (ที่แท้ 555) และจดจำคำของผมอยู่เสมอว่า “10 ปีแรกของการทำงาน อย่าสร้างหนี้จน และให้อดทนสร้างทรัพย์สิน”
เมื่อไม่นานมานี้ เธอเพิ่งเก็บเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินรอบใหม่ได้ 200,000 บาท หลังเงินเก็บในครั้งก่อน หมดไปกับการผ่าตัดรักษาคุณแม่ (ช่างเป็นการใช้จ่ายเงินสำรองที่โคตรสมศักดิ์ศรี และน่าภูมิใจยิ่ง!!)
หลายคนรอบตัวถามเธอว่า ทำงานก็ดี รายได้ก็ดี ทำไมไม่ซื้อบ้าน ไม่ซื้อรถ ปล่อยให้ตัวเองลำบากอยู่ทำไม?
เธอไม่ตอบ ... สิ่งเดียวที่เธอรู้มีเพียง เธอมีเป้าหมายของเธอ มันเป็นเป้าหมายที่ชัดเจน และเธอกำลังเดินอยู่บนเส้นทางสู่เป้าหมายนั้นทุกวัน
การเรียนรู้การใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ จะว่าไปก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก เพราะหลายเรื่อง เรามีตัวอย่างจากคนรุ่นก่อนให้เห็นกันอยู่แล้วว่า ใช้ชีวิตแบบไหน จะได้ผลลัพธ์อย่างไร
ที่น่าแปลกก็คือ หลายครั้งเรารู้ว่าปลายทางของสิ่งที่เราทำนั้นจะพาชีวิตไปตรงจุดไหน แต่เราก็ยังเลือกที่จะทำ หนำซ้ำพอเห็นใครกล้าเดินแตกต่าง เรากลับหัวเราะเยาะ กลับดูเขาเป็นคนแปลก ทั้งที่หากมองกันตามจริงแล้ว ไม่รู้ใครกันแน่ที่แปลกกว่ากัน
ทุกปีในช่วงเดือนมิถุนายน ผมมักจะได้อีเมลถามคำถามจากน้องๆ หมอรุ่นใหม่บางท่าน ที่กำลังประสบปัญหาการเงิน(ไม่น่าเชื่อใช่มั้ย) คุณหมอกลุ่มนี้สร้างรายได้หลักแสนได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยเงินเดือนประมาณ 40,000 บาท บวกด้วยงานพิเศษตามคลินิกและโรงพยาบาลเอกชนในเวลาเลิกงานรวมแล้วอยู่กินแบบสบายๆ
แล้วปัญหา คือ อะไร?
ปัญหาคือ เมื่ออายุใกล้ 30 น้องๆ หมอหลายท่านจะต้องเรียนต่อเฉพาะทาง รายได้พิเศษต่างๆ ก็จะหดหายไป เพราะเรียนหนัก ไม่มีเวลาไปรับจ๊อบพิเศษ แล้วยังไง?
ปัญหาคือ ตอนที่มีรายได้หลักแสน น้องหมอบางท่าน(ย้ำว่าบางท่านนะ) กู้ซื้อคอนโดฯราคาแพง บางคนซื้อระดับ 7 ล้านบาท เลยก็มี (ผ่อนราว 40,000 บาทต่อเดือน) ออกรถยนต์คันละเกือบล้าน ผ่อตก 20,000 บาท ด้วยรายได้ตอนทำงานพิเศษไปด้วย ถือว่าชิลมาก ผ่อนได้สบาย
แต่พอต้องเรียนต่อเฉพาะทาง ทีนี้เหนื่อยเลย เพราะรายได้กลับมาเหลือแค่เงินเดือนประมาณ 40,000 บาท จึงนำมาสู่คำถามกับโค้ชหนุ่มว่า “ต้องจัดการยังไง”
คำแนะนำของโค้ชทำให้หลายท่านกลืนไม่เข้า คายไม่ออกเพราะถ้ารายได้หดหายไปขนาดนี้ ทางออกหรือทางแก้ก็จะเหลือไม่กี่ทาง
หนึ่ง คือ เดินเข้าไปเจรจา สารภาพกับธนาคารว่าผ่อนไม่ไหว ช่วยปรับลดเงินผ่อนลงหน่อย วิธีนี้เขินหน่อย แถมไม่รู้ว่าจะลดได้เยอะสักแค่ไหน เนื่องจากเพิ่งเริ่มทำงาน คงเริ่มผ่อนไปได้ไม่เท่าไหร่ จะให้ลดงวดผ่อนเยอะๆ ก็คงยาก หรือถ้าจะให้ลดยาวไป 2-3 ปีจนเรียนจบ ก็คงเป็นไปได้ยาก
หรือสอง หาทางขายคอนโด ขายรถยนต์ออกไป อันนี้ก็เขินอีกแบบ โดยเฉพาะรถยนต์ที่เพื่อนคงต้องถามกันแหละว่า “รถหายไปไหน” และเอาเข้าจริงคอนโดเองก็เป็นสินทรัพย์ที่ขายไม่ได้ง่ายไม่ได้เร็วหรอกนะครับ ต้องใช้เวลากันพอสมควรถ้าขายได้ก็ดีไป เบาลงในทันที แต่ถ้าขายไม่ได้ ก็ลำบากเลย
เห็นมั้ยว่า คนรายได้เยอะ ก็มีปัญหาเงินไม่พอใช้ได้เหมือนกันนะ!
เล่ามาทั้งหมด ไม่ได้บอกว่าการใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย เติมเต็มในสิ่งที่อยากได้เป็นเรื่องผิด เพราะถ้าพร้อม อยากจะได้ อยากจะจ่ายอะไร ก็ไม่มีใครว่า
แต่ถ้าไม่ค่อยมี ไม่ค่อยพร้อม แต่กัดฟันสู้ให้มี สู้ให้เหมือนแบบนี้ก็อาจไม่ค่อยดีกับชีวิตสักเท่าไหร่
อย่างที่ผมเคยบอก “ชีวิตคนเรา เรื่องการเงินไม่เคยเบาลงยิ่งเติบโตมีครอบครัว ภาระเรายิ่งหนักขึ้น เพราะฉะนั้นเริ่มบริหารเงินช้า ความสำเร็จทางการเงินก็จะช้าไปด้วย”
เป็นกำลังใจให้น้องทำในสิ่งที่เชื่อนะครับ แม้มันจะแตกต่างจากสิ่งที่คนรอบตัวเป็นก็ตาม
ความแปลกไม่ใช่สิ่งที่ผิด ยิ่งถ้าแปลก เพราะมีสติ และเลือกทำเพราะต้องการผลลัพธ์ที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ นั่นยิ่งไม่มีอะไรต้องกลัวเลยครับ!!
ขอให้ทุกคนที่กล้าคิด กล้าแตกต่าง สำเร็จบนทางชีวิตในแบบที่เลือกทุกคนนะครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี