คนที่ใช้ชีวิตแต่ละวันทำงานหนัก หาเงินเลี้ยงหลายชีวิตในครอบครัวด้วยตัวคนเดียว (ภาษาฟุตบอล เรียกว่า “เดอะแบก”)พ่อแม่ทำงานไม่ไหว ไม่มีเงินเลี้ยงตัว น้องยังอยู่ในวัยเรียน ต้องหาเลี้ยงทุกคนด้วยรายได้ที่ไม่เพียงพอ น่าจะเคยคิดหรือเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมเราถึงไม่เกิดมาในครอบครัวที่มั่งคั่งบ้าง หรืออาจไม่ต้องรวยมากก็ได้ แต่ต้องไม่ลำบากกันแบบรุ่นสู่รุ่น เหมือนที่กำลังเจออยู่
หลายครอบครัวเป็นแบบนี้ จนกันแบบรุ่นสู่รุ่น รุ่นปู่จน เลี้ยงตัวเองตอนแก่ไม่ได้ รุ่นพ่อก็ต้องแบกทั้ง 2 รุ่นไว้พร้อมกัน (เหมือนแซนด์วิช) พ่อแม่ก็ต้องเลี้ยง ลูกๆ ก็ต้องดูแล เลี้ยงครอบครัวด้วยรายได้ผสมกับเงินที่หยิบยืม กู้กินวนไป โอกาสจะเก็บออมทำได้ยาก รู้ตัวอีกทีก็เกษียณ แล้วทีนี้ก็เหมือนรุ่นปู่ แก่ตัวแล้วไม่มีเงินเก็บเงินออม รุ่นลูกก็ต้องดูแลในแบบเดียวกันต่อไป
ที่ยกตัวอย่าง ไม่ได้บอกว่าเป็นความผิดของใครที่ชีวิตการเงินของครอบครัวเป็นแบบนี้ และลูกๆ ที่พบกับเรื่องราวชีวิตในลักษณะดังกล่าว ก็ไม่ควรกล่าวโทษพ่อแม่ด้วย
มีหลายครั้งที่ลูกศิษย์ของผมมาบ่น มาปรับทุกข์ ว่าตัวเองตั้งใจจะบริหารจัดการเงินให้ดี วางแผนใช้จ่าย วางแผนเก็บเงิน วางแผนลงทุน แต่สุดท้าย แผนการของเขาก็ต้องมีอันล้มไปทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากทางบ้าน
พ่อถูกติดตามทวงหนี้อย่างหนัก จากเจ้าหนี้นอกระบบบ้างล่ะ
แม่อยากได้เงินสักก้อน ไปลงทุนบ้างล่ะ
น้องคนเล็กสอบเข้าเรียนได้ ต้องย้ายที่พักไปอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย
ฯลฯ
สุดท้ายกลายเป็นความกระอักกระอ่วนใจ ระหว่างสภาวะทางการเงินที่ไม่เคยเป็นไปตามแผน กับความกตัญญู ต้องเลือกระหว่างการยึดมั่นทำตามสิ่งที่ตัวเองคิด กับการทำให้บุพการีสบายใจ
เงินตัวเองก็มีอยู่ไม่เท่าไหร่ ถ้าให้ไปก็ไม่พอใช้ แต่ถ้าไม่ให้ ก็รู้สึกผิดเลยต้องกู้ยืมเขาส่งไปให้ทางบ้าน สินเชื่อในระบบดอกเบี้ยก็ 25% ต่อปีหนักเข้าพาลไปยืมหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยร้อยละ 10-20 ต่อเดือนมาช่วยเหลือ ยิ่งเป็นการต่อวงจรภาระการเงินให้ต้องแบกกันต่ออีกนาน
แล้วไม่ได้ร้องขอกันแค่ครั้งเดียว เรื่อยไปจนกว่าจะจากกันไปข้างหนึ่ง บางคนอายุแค่เลข 2 แต่มีภาระหนี้เกินเงินเดือนไป 2-3 เท่า ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ชีวิตก็จะตกอยู่ในสภาวะแบบเดียวกับที่เห็นพ่อแม่เป็นมาตลอดชีวิต
พูดมาทั้งหมดถึงตรงนี้ ไม่ได้บอกว่า ห้ามไม่ให้กตัญญู หรือห้ามไม่ให้ช่วยเหลือทางบ้าน แต่ยกตัวอย่างมาเล่า เพื่อชี้ให้เห็นว่า ถ้าเราเกิดมาพร้อมชีวิตแบบนี้ เราจะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เหมือนคนอื่นเขาไม่ได้ ชีวิตเล่นเราหนัก เราต้องเอามันคืนบ้าง
ต้องขยัน ต้องสู้ ต้องลุย ต้องหาทางให้มากกว่าคนอื่น เพราะถ้ามีพื้นฐานชีวิตการเงินแบบนี้ บอกเลย “แค่เงินเดือนไม่พอ” แน่นอน รายได้ทางที่ 2, 3 และ 4 ต้องมี หยิบจับพร้อมๆ กันหลายทางไหว จะยิ่งดีมาก
ต้องเก่ง ต้องขวนขวายหาความรู้มากกว่าคนอื่น เพราะถ้ารู้เท่าคนอื่น เก่งเท่าคนอื่น มันก็แซงคนอื่นไม่ได้ รู้เท่ากัน เรายังต้องอยู่ข้างหลังเลย แล้วถ้าคนอื่นเขาขยันกว่าด้วย เรามิจมไปเลยหรือ ดังนั้นไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร ต้องมุ่งสู่หัวแถวเท่านั้น
ต้องบริหารอารมณ์ได้ดีกว่าคนอื่น ผมเองก็เคยอยู่ในสภาพเดอะแบก เลยเข้าใจดีว่าเวลาโทรศัพท์จากทางบ้านโทรมาขอความช่วยเหลือแล้วเราไม่พร้อม มันทำให้สติเราหลุดมากแค่ไหน รู้สึกผิดแค่ไหน บางครั้งกำลังคิดทำอะไรใหม่ๆ ทางบ้านโทรมาขอเงิน แผนมีอันต้องล้มพับไปทุกครั้งเพราะต้องคิดเรื่องหาเงินมาช่วยก่อน ดังนั้นต้องบริหารความคิดให้ดีไม่ให้สติไหลไปกับเรื่องร้อนใจ
ต้องเป็นผู้นำของครอบครัว เข้าไปพูด เข้าไปคุย พยายามสื่อสารให้พ่อแม่เข้าใจ ถึงเรื่องการเงิน การใช้จ่าย เพราะในหลายๆ ครั้ง การร้องขอเงินของครอบครัว ก็เป็นเรื่องไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ เช่น ยืมไปลงทุนทำเรื่องที่ยังไม่ได้ศึกษา หาเงินช่วยน้องตามใจน้อง อยากได้ในสิ่งที่ไม่พร้อมจะจ่าย ฯลฯ ดังนั้น เราก็ต้องกล้าพูด กล้าที่จะยืนกรานไม่ช่วยเหลือในบางเรื่อง (บางครอบครัวพ่อติดเหล้า ติดการพนันก็มี) รวมไปถึงกระตุ้นให้แต่ละคนในครอบครัว หาทางดูแลตัวเองกันได้บ้าง จะได้ไม่ต้องแบกเกินกำลังมากไป
ต้องอดทน อดกลั้น และแยกให้ออกระหว่างความกตัญญู กับการตามใจที่ไม่ถูกต้อง บางครั้งอาจดูเหมือนใจดำในบางเรื่อง แต่ถ้าไม่ทำ เราจะจมกันไปตลอด แต่ถ้าแข็งใจพาตัวเองผ่านไปให้รอดก่อน วันหนึ่งเรากลับมาช่วยทุกคนได้
ต้องลบคำว่า “ยอมแพ้” ออกจากพจนานุกรมชีวิต การเปลี่ยนแปลงชีวิตการเงินครอบครัว ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ในปีสองปี เป็นหนังชีวิตของแท้คิดทำอะไรแล้วไม่สำเร็จ ก็ลองใหม่ สู้กันไปเรื่อยๆ ชนะเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แค่ว่าถ้าเราไม่ยอมแพ้ ก็ไม่แพ้ และเมื่อไม่แพ้ ก็มีโอกาสชนะได้สักวัน
ต้อง (อื่นๆ อีกมากมาย)
ถ้าครอบครัวแต่กำเนิดของคุณยากจน มีปัญหาทางการเงินนั่นไม่ใช่ความผิดของคุณ
แต่ถ้าคุณยังไม่แก้ไขมัน และส่งต่อความยากจนไปให้รุ่นลูกของคุณมีเค้าแล้วชีวิตคุณลำบาก เลี้ยงเขาได้แบบไม่เต็มที่ อันนี้คุณมีส่วนรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยอย่างแน่นอน
คิดใหม่ ทำใหม่!!
ถ้าจะมีใครสักคนยุติวงจรความยากจนนี้ ไม่ให้ส่งต่อไปยังรุ่นต่อไปตัดวงจรการเงินที่เสียหายมานานของครอบครัว คนคนนั้น ก็ควรทีี่จะเป็น “คุณ” ต้องยุติทุกอย่างที่รุ่นของคุณ และริเริ่มสร้างครอบครัวที่มีความสุขและปราศจากทุกข์ทางการเงินโดยสมบูรณ์
ทั้งหมดที่พูดมาข้างต้น คนธรรมดาทำไม่ได้หรอกครับ มันต้องคนพิเศษ คนที่รักชีวิตตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใด และไม่ยอมให้ชีวิต 30-40 ปีหลังเรียนจบ ต้องทนทุกข์ทางการเงินไปตลอดชีวิต
ถึงเวลาตัดวงจรความยากจน เป็นคนจนรุ่นสุดท้าย และเป็นคนรวยรุ่นแรกของครอบครัวได้แล้วครับ ...
รู้นะว่าโคตรเหนื่อย แต่แม่งคุ้ม เชื่อพี่สิ!!
#TheMoneyCoachTH
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี