nn วันก่อน คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปมอบนโยบายให้กรมสรรพสามิต ซึ่งก็มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ....ประเด็นแรกที่อยากหยิบมาเล่าให้ฟังคือ...เรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมสุราของไทย...ซึ่งคุณจุลพันธ์บอกว่ามีแนวทางที่จะรีบแก้กฎหมายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมผลิตสุราของไทยทั้งรายกลางและรายเล็กรวมถึงสุราชุมชน...หมายเพื่อยกระดับคุณภาพสินค้ากลุ่มนี้ให้สามารถส่งออกได้ และตอบรับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ของรัฐบาลซึ่งก็จะสร้างรายได้ให้ชุมชนและท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศได้เป็นอย่างดี...!! แวดวงการเงิน...ก็ถามไปว่าเรื่องง่ายที่สุดที่จะ “ปลดล็อก” สุราชุมชนให้เขากลายเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้...ก็แค่แก้กฎกระทรวงประเด็น“5 แรงม้า 7 แรงคน”...ซึ่งทำได้เร็วและง่ายมากเพราะใช้แค่มติคณะรัฐมนตรี...ระดับนโยบายจะทำไหม????...คุณจุลพันธ์...ตอบว่า“จะรับโจทย์นี้ไป”...!! เอ้า...พ่อแม่พี่น้องที่ผลิตสุราชุมชนและสุราพื้นบ้านทั้งหลายฟังและจำเอาไว้...เวลาเจอหน้าคุณจุลพันธ์ลงพื้นที่จังหวัดไหน...ก็ขอให้ทวงถามได้เลยนะครับ....!! อีกประเด็นหนึ่งคือ...รายได้ภาษียาสูบที่หายไป..เป็นเพราะมาร์เก็ตแชร์ของบุหรี่ถูกกฎหมายหายไปเพราะถูกบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าแย่งชิงไป...คุณจุลพันธ์บอกว่าตัวเลขที่เขามีในมือก็ประมาณ 20% ภาษีที่หายไปประมาณ 1 หมื่นล้านบาทกว่าๆ...(ส่วนตัวเลขของสมาคมการค้ายาสูบไทย พบว่าสถิติการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมาย ล่าสุด ไตรมาสที่ 1 2567 “ประเทศไทยมีสัดส่วนการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายถึง 25.5% หรือ 1 ใน 4ของตลาด สูงที่สุดเท่าที่เคยมีการสำรวจมา คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี)...!! เอาเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า..ตัวเลขที่หาได้จากกรมศุลกากรของจีนที่รายงานออกมา 9 เดือนแรกปี’66 ส่งบุหรี่ไฟฟ้ามาที่ไทย 1,600 ล้านบาท เฉลี่ยต่อเดือนก็ 177 ล้านบาท หากบวกเข้าไปอีก 3 เดือน...ทั้งปีก็น่าจะอยู่ที่ 2,131 ล้านบาท...แล้วด้วยข้อเท็จจริงที่ความนิยมของคนไทยที่มีต่อบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนมาร์เก็ตแชร์ของบุหรี่แบบมวนที่ถูกกฎหมายก็จะยิ่งหดตัวลงมากขึ้นทุกขณะ...!! ที่บอกว่า 8 เดือนปีงบ’67....กรมศุลกากรของไทยจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งสิ้น 1.4 พันราย ปริมาณ 21 ล้าน ชิ้น มูลค่า 269 ล้านบาท...,มันก็แค่ 10% ของตัวเลขที่จีนส่งเข้ามาที่ไทย...ซึ่งเปรียบเสมือนยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหา...เพราะอีก 90% ยังกระจายอยู่ในตลาดและในมือประชาชนคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนซึ่งน่าเป็นห่วงมากๆ...สำหรับแวดวงการเงินแล้วการแก้ปัญหานี้ที่น่าจะดีที่สุดคือ...จับให้ขึ้นมาอยู่ “บนดิน”...เพราะเราสามารถควบคุมคุณภาพ...ควบคุมปริมาณสารเคมีที่เป็นพิษต่อร่างกายได้...เก็บภาษีก็ได้ด้วย....แล้วก็ยังออกกฎหมายเพื่อสกัดกั้นการเข้าถึงของเยาวชนได้อีกต่างหาก....!! ทั้งหลายทั้งปวงนี้มันอยู่ที่ “กึ๊นของฝ่ายนโยบาย”ว่าคิดได้ไหม...????
อนันตเดช พงษ์พันธ์ุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี